หน้าบันบนบรรณาลัยด้านซ้าย

พระศิวะกำลังอุ้มพระอุมาเทวีอยู่บนตัก ด้วยความตื่นพระทัย กับเขาไกรลาศที่กำลังจะทรุด

เหล่าช้างและสิงห์ต่างแตกตื่นหวาดกลัว เป็นรูปแกะสลักที่กล่าวขวัญกันว่างามนัก

ภาพสลักพระศิวนาฎราช หนึ่งเศียร สิบกร พระเกศาทรงชฎามกุฎ ร่ายรำอยู่เหนือช่อพฤกษา

วันนี้พระองค์คงโกรธกริ้วจึงร่ายรำด้วยท่าที่รุนแรง ภัยพิบัติจึงบังเกิดแก่โลก หนักหนาสาหัสปานนี้.........

ขอจงโปรดประทานอภัยให้มนุยษ์ผู้ขลาดเขลาด้วยเถิด.......

สุครีพ ลิงแดง รบกับพาลี ลิงเขียว
สุครีพ ขอพระรามให้แผลงศรประหารพาลี

พระนารายณ์อวตารเป็นนรสิงห์

หน้าบันโคปุระชั้นใน มีมีภาพมงคลคชลักษมี หรือ อภิเษกพระศรี ความมงคลและความอุดมสมบูรณ์สูงสุดในสายฮินดูผู้นับถือเหล่าเทพเจ้า

ภาพคชสารสองเชือกชูงวงประสานกัน ล้อมรอบด้วยลวดลายดอกใบละเอียด คมชัดเสียจนเห็นแล้วต้องถอนใจ

พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ด้านล่างเป็นรูปกาลคาบพวงอุบะ

“อัปสรา” นางฟ้าประจำบันเตย์สไร ปราสาทสีชมพูแห่งนี้ รูปกายอ้อนแอ้นอรชร อ่อนช้อย แต่งกายครบด้วยเครื่องประดับทั้งตัว ผมเกล้าประดับด้วยศิราภรณ์ ตุ้มหูคล้ายพวงอุบะยาวเสมอไหล่ เอียงคอเล็กน้อยมือจับจีบดอกบัว ใส่กำไลทั้งมือและเท้า สวมผ้ามีจีบอยู่ด้านหน้า มีลายดอกไม้ งามสง่ากว่าอัปสรานางไหนทั้งสิ้น

เธอยืนอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว

ห่างไกลจากมือมนุษย์อันกร้านหยาบมือใดจะเอื้อมมาแตะให้เธอต้องหมองมัว ดังอัปสรานางอื่น

  //////////////

-------------

ปราสาทบันเตย์สไร 

สร้างในต้นพุทธศตวรรษที่ 16
รัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 
เป็นศิลปะแบบบันทายสรี 
ศาสนาฮินดู ไศวนิกาย (บูชาพระศิวะ)

หินทราย ประกอบด้วยเม็ดทราย เม็ดแร่ส่วนใหญ่เป็นแร่ควอร์ตซ์ มีความแข็งมากสามารถขูดเหล็กเป็นรอยได้ มีซิลิกา แคลไซด์ โดโลไมต์ เหล็กออกไซด์ เป็นวัตถุประสารซึ่งทำให้หินมีสีต่างๆ เช่นเหลือง น้ำตาล แดง เทา เขียว เหลืองอ่อน

โคปุระ คือ ทางเข้าตัวประสาท

บรรณาลัย คือ หอเก็บข้อมูล คล้ายๆ จะเป็นห้องสมุดสำหรับสมัยก่อน

หน้าบัน คือ หน้าจั่ว

ศิราภรณ์ คือ เครื่องประดับศรีษะ

อัปสรา อัปสร (อ่านว่า อับ-สอน) คือนางฟ้า

เทวะสถาน คือ สถานที่ปฏิบัติกิจศาสนา หรือวัด นั่นเอง

ศิวะนาฏราช ตามตำนานโบราณกล่าวว่า เมื่อพระศิวะทรงตีกลองเป็นจังหวะอันไพเราะ โลกใบนี้ได้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะกลองนั้นด้วย และเมื่อพระศิวะทรงร่ายรำเคลื่อนไหวพระองค์และพระกรพลิ้วไปก็เป็นเหตุให้บังเกิดสุริยจักรวาลขึ้นในบัดนั้นเอง ท่ารายรำทั้ง 108 ท่าของพระศิวะนั้นจึงถือกันว่าจะส่งผลต่อความสมดุลในโลกของเรา ไม่ว่าจะเป็นความร่มเย็นเป็นสุข หรือ ทุกขพิบัติภัย

*ผิดพลาดประการใด ขอเชิญท่านบล็อกเกอร์ ศุภศรุต กรุณาเข้ามาท้วงติง แก้ไขให้ด้วยนะเจ้าคะ