สำหรับคนรักการออกกำลังกายและสุขภาพคงได้ยินชื่อ ยางยืดออกกำลังกาย กันมาบ้างแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่าเจ้าสิ่งนี้กำลังเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะใช้ง่ายและยังช่วยออกแรงตามจุดต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักวันนี้เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่า ยางยืดออกกำลังกาย มันมีกี่แบบกันแน่ และควรจะเลือกซื้อโดยพิจารณาจากอะไร

สิ่งแรกที่คุณต้องถามตัวเองให้ดีก่อนซื้อ คือ คุณอยากได้ยางยืดออกกำลังกายเพื่อเล่นแบบไหน หรืออยากเน้นส่วนไหนเป็นพิเศษ เพราะยางยืดออกกำลังกายแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติต่างกัน เช่น ใช้ลดน้ำหนัก ใช้สร้างกล้ามเนื้อ ใช้ยืดกล้ามเนื้อ และใช้ออกกำลังกายทั่วไป เป็นต้น จากนั้นมาดูจุดเด่นและจุดด้อยของยางยืดแต่ละแบบกันว่าเหมาะกับคุณหรือเปล่า

EXERCISE BAND

ยางยืดออกกำลังกายสำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่น แต่อยากลองเล่นดูก่อน ใช้เพื่อวอร์มร่างกาย ยืดกล้ามเนื้อและบริหารกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ จึงเหมาะสำหรับการฟื้นฟูจากการบาดเจ็บ ใช้ทำกายภาพบำบัด เล่นได้ทั้งเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เพราะแรงต้านน้อยสุดในบรรดายางยืดทั้งหมด และราคายังถูกที่สุดด้วย

RESISTANCE BAND

ยางยืดออกกำลังกายแบบนี้เป็นแบบพื้นฐาน ครอบคลุมการใช้งานได้มากที่สุด สามารถเล่นครบทุกส่วน เหมาะกับทุกคนทุกเพศทุกวัย ในการสร้างกล้ามเนื้อและลดน้ำหนัก ที่สำคัญยังมีด้ามจับทำให้ไม่เจ็บมือ มีที่รัดข้อเท้าจึงเล่นท่าขาได้สะดวก โดยสามารถปรับแรงต้านตามที่ต้องการได้ นอกจากจะปลอดภัยที่สุด เพราะมีหุ้มผ้าไนล่อนถ้าหากยางขาดก็ไม่ดีดใส่หน้าหรือตัวแล้วยังใช้ได้นานอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามยางยืดออกกำลังกายแบบนี้ไม่เหมาะกับการใช้ฝึกดึงข้อ เพราะเป็นเส้นกลมทำให้ลื่นง่าย

LOOP BAND

ยางยืดออกกำลังกายแบบนี้เหมาะสำหรับช่วยฝึกดึงข้อ (Pull up) คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำและเล่นหนักๆ เพื่อเพิ่มความหลายหลายในการเล่น มีแรงต้านมาก และรับน้ำหนักน้ำหนักตัวได้มากเช่นกัน สามารถประยุกต์กับการออกกำลังกายได้หลากหลาย ราคาไม่แพงมา แต่ไม่เหมาะกับสาวๆ ที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายทั่วไป

MINI LOOP BAND

ยางยืดออกกำลังกายแบบ MINI LOOP BAND เหมาะกับสำหรับบริหารร่างกายส่วนล่าง ต้นขา และก้น ข้อดีคือขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา แรงต้านไม่มาก เหมาะสำหรับการบริหารร่างกายทั่วไป แต่ข้อเสียคืออายุการใช้งานไม่นาน ทำท่าได้จำกัดเพราะสายสั้นนั่นเอง