เรายังจำเมื่อครั้งวันชื่นคืนสุขได้มั๊ย?  วันที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามอบกระเช้าไม้ช่อโตให้แก่ เนวิน ชิดชอบ แห่งบ้านเลขที่ ๑๑๑  เพื่อเชิญเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลในนาม “กลุ่มเพื่อนเนวิน”  โดยผ่านการประสานสัมพันธ์ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์  จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯคนที่ ๒๗ ของประเทศไทย  ส่วนสมาชิก “กลุ่มเพื่อนเนวิน”ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญฯหลายกระทรวง  จนเป็นที่ครหาในการจัดโผคณะรัฐมนตรีครั้งนี้

            ถึงวันนี้  วันที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระโดดขวางลำโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี ๔,๐๐๐ คันมีมูลค่า ๖๐,๐๐๐ กว่าล้านบาท  ดังที่เคยลั่นวาจาขณะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน  ขณะที่ “โสภณ ซารัมย์”รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมประกาศเดินหน้าต่อโรงการเมกกะโปรเจคท์นี้อย่างสุดตัว  เขาประกาศก่อนที่รัฐบาลอภิสิทธิ์๑ จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา(ที่กระทรวงต่างประเทศ)เสียด้วยซ้ำว่า  จะเร่งรัดการลงทุนในโครงการเมกกะโปรเจคท์และเดินหน้าโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ๔,๐๐๐ คันมูลค่ากว่า ๖๒,๕๙๘ ล้านบาทขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ  โดยที่ผ่านมาจวบจนบัดนี้ “โสภณ ซารัมย์”ไม่เคยเปลี่ยนท่าทีว่าจะทบทวนการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เขานั่งเป็น รมช.คมนาคม หรือวันนี้วันที่เขาเป็นรัฐมนตรี  โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีที่มีปัญหาอื้อฉาวมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลสมัคร  หลายฝ่ายคาดหมายว่าคงได้รับการทบทวนตรวจสอบใหม่ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์  เพราะก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน  ได้เตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลสมัครมาแล้ว  การเตรียมเปิดอภิปรายของฝ่ายค้านในช่วงเวลาดังกล่าว  ทำให้รัฐบาลถอนวาระออกจากการประชุมคณะรัฐมนตรีพอเป็นพิธี  เพื่อป้องกันการถูกอภิปรายและหวังให้ผ่านการพิจารณางบประมาณไปก่อน  จึงจะดำเนินการโครงการต่อซึ่งหลังจากนั้น "กลุ่มเพื่อนเนวิน"   ที่ร่วมอยู่ในคณะรัฐบาลสมัคร และรัฐบาลสมชายจวบจนถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์  ก็ได้เพียรพยายามทำคลอดโครงการมาอย่างต่อเนื่อง 

โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี  เป็นโครงการที่อยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ  ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน  ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรีขณะนั้น)เป็นประธาน  ได้ให้ความเห็นชอบแผนการปรับปรุงโดยการเช่ารถโดยสาร ๖,๐๐๐ คัน  จากนั้น สันติ พร้อมพัฒน์ (รมว.คมนาคมขณะนั้น)  ได้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม.เพื่อขออนุมัติ  แต่ครม.ได้ตีเรื่องกลับโดยให้เสนอรายละเอียดมาอีกครั้ง  โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีซึ่งกระทรวงคมนาคมเสนอเข้าครม.  จะเช่ารถเมล์ปรับอากาศเอ็นจีวี ๖,๐๐๐ คันระยะเวลา ๑๐ ปีใช้วงเงิน ๑๑๑,๖๙๐ ล้านบาท  ถ้าหาก ขสมก.ไม่มีการดำเนินการใดเลยจะขาดทุนประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาทในระยะเวลา ๑๐ ปี  ต่อมากระทรวงคมนาคมได้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม.อีกครั้ง  แต่ถูกรัฐมนตรีจากพรรคชาติไทยและประชาราชคัดค้าน  การถกเถียงอย่างกว้างขวางในการประชุมครม.ครั้งนี้  ทำให้นายสมัคร ซึ่งหนุนโครงการดังกล่าวสุดตัว  ได้ตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาศึกษารายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง  ท่ามกลางเสียงครหารัฐบาลสมัครว่า  มีกลุ่มผลประโยชน์ที่มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังได้รับค่าคอมมิชชั่นคันละ ๑ ล้านบาท รวมเม็ดเงิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท  โดยแบ่งให้นักการเมืองหลายคนทั้งในกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี  รวมทั้งกลุ่มทุนใหญ่ที่สนับสนุนพรรคการเมือง และผู้ผลักดันโครงการนี้  ต่อมารัฐบาลสมัครได้อนุมัติโครงการดังกล่าวตามข้อเสนอของครม.กลั่นกรองคณะพิเศษ  โดยเห็นชอบให้ขสมก.เช่ารถเมล์ปรับอากาศจำนวน ๔,๐๐๐ คันเป็นเวลา ๑๐ ปี  และลดวงเงินโครงการเหลือ ๖๒,๕๙๘ ล้านบาท จากมติเดิมกำหนดจัดหารถเมล์เอ็นจีวี ๖,๐๐๐ คันเป็นเวลา ๑๐ ปีรวมวงเงิน ๑๑๑,๖๙๐ ล้านบาท  ถึงแม้ครม.จะมีมติอนุมัติโครงการแล้ว  ก็ยังมีกระแสเสียงจากสังคมที่ตั้งข้อสังเกต  ถึงความฉ้อฉลของโครงการนี้ว่ามีการคิดค่าเช่าแพงเกินจริงถึงคันละ ๑๘.๓๖ ล้านบาทในระยะเวลาเช่า ๑๐ ปี

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง  กระทรวงคมนาคม ได้เดินหน้าโครงการต่อโดยจัดทำเงื่อนไขการประกวดราคาเมื่อกลางเดือนธันวาคม  จากนั้นจะใช้เวลาพิจารณาเงื่อนไขและประกาศผล  โดยคาดว่ากระบวนการขั้นตอนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๒  ส่วนความไม่โปร่งใสในการประกวดราคมครั้งนี้มีหลายประการ เช่น..
       ๑.โครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่  มีมูลค่าการจัดซื้อจ้างวงเงินสูงกว่า ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท  แต่กลับไม่มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าว  โดยอ้างว่าอัตราค่าจ้างที่ปรึกษามีวงเงินสูงและใช้ระยะเวลาดำเนินการนาน  ทั้งมีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรสูงและใช้บุคลากรมากเกินไปจึงไม่มีการจัดจ้างที่ปรึกษา  ทำให้คณะกรรมการเป็นผู้กำหนดร่างประกวดราคาขึ้นมาเอง
       ๒.เงื่อนไขในการประกวดราคาดังกล่าว  กำหนดให้ติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์  ประกอบด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์ปรับอากาศใช้ก๊าซเอ็นจีวี  ติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์  ติดตั้งระบบควบคุมและติดตามการเดินรถพร้อมอุปกรณ์  และติดตั้งป้ายอัจฉริยะพร้อมอุปกรณ์บริเวณป้ายรถเมล์กว่า ๔๐ จุด  เงื่อนไขดังกล่าวนี้เห็นได้ว่าจะมีเพียงเอกชนบางรายเท่านั้นที่มีศักยภาพที่จะดำเนินการได้  โดยเอกชนรายดังกล่าวมีกลุ่มทุนการเมืองอยู่เบื้องหลัง
       ๓.เงื่อนไขการประกวดกำหนดว่า  ให้ขสมก.เป็นผู้จัดหาอู่จอดรถ ประกอบด้วยลานจอดรถ โรงซ่อม สถานที่ทำการต่างๆ สถานที่สำหรับก่อสร้างสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวี  และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ  เงื่อนไขดังกล่าวนี้ คาดว่าขสมก.ไม่สามารถหาพื้นที่ดังกล่าวได้  และในที่สุดก็ต้องให้เอกชนเป็นผู้จัดหาพื้นที่เอง  ซึ่งจะมีเอกชนบางรายเท่านั้นที่มีความพร้อมและต้องมีการเตรียมพื้นที่ไว้รองรับอยู่แล้ว  เพราะพื้นที่ในการสร้างอู่จอดรถกำหนดเนื้อที่ไว้แต่ละแห่งประมาณ ๑๕ ไร่จำนวน ๒๒ แห่ง  ก่อนหน้านี้ในที่ประชุมคณะกรรมการพิเศษได้มีมติให้รัฐเป็นผู้จัดหาที่ดินเอง  เนื่องจากการซื้อที่ดินในระยะยาวนั้นมูลค่าที่ดินจะเพิ่มขึ้น  แต่ในการประกวดราคาเปิดทางให้เอกชนเป็นคนจัดหาซึ่งเป็นการผิดเงื่อนไข
       ๔.ระยะเวลาการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีนั้นมีระยะเวลาเพียง ๑๐ ปี  แต่เงื่อนไขกำหนดให้ปตท.เป็นผู้ลงทุน  ในการเชื่อมท่อก๊าซและสถานีบริการมีสัญญาเช่าต่อเนื่องไม่น้อยกว่า ๒๐ ปี
       ๕.เงื่อนไขการสัญญาเช่ารถกำหนดให้ยืดหยุ่น  ในกรณีที่ผู้โดยสารไม่เป็นไปตามเป้าหมายและให้ทบทวนสัญญาได้ทุก ๔ ปี  หลังจากมีการประเมินผลหรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐ  เป็นที่สังเกตว่าโครงการนี้ทำไปก็มีแต่ขาดทุน  เพราะเส้นทางที่กำหนดขึ้นมาใหม่ ๔๐๐ เส้นทาง  ล้วนแต่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ  แถมวิ่งอยู่รอบนอกและปริมณฑล  ถ้าไม่ใช่เป็นช่วงผู้โดยสารหนาแน่นก็จะทำให้ขสมก.ต้องวิ่งรถเปล่า  และในที่สุดต้องประสบกับขาดทุน  แต่(รัฐบาลสมัคร)ก็พยายามดันทุรังผลักดันโครงการนี้ให้ได้  แถมมีความพยายามในการรีบเร่งให้ทันในรัฐบาลสมชาย
       โครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศเอ็นจีวี  ซึ่งมีปัญหามาตั้งแต่ต้นและจะลงเอยด้วยความล้มเหลวคือขาดทุนอย่างหนัก  จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่งว่า ข้อมูลที่ค้นพบในการเข้าตรวจสอบโครงการดังกล่าวของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะที่เป็นฝ่ายค้าน  และเปลี่ยนไปหรือไม่?หลังจากพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นแกนนำรัฐบาล  งานนี้กลุ่ม ๔๐ ส.ว.ออกมาแถลงทันทีว่าแนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะเดินหน้าโครงการรถเมล์เอ็นจีวีนั้น  กลุ่ม ๔๐ ส.ว.ขอคัดค้านเต็มที่ภายหลังการหารือเพื่อเตรียมตรวจสอบรัฐบาลใหม่   เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ผลลัพธ์ของโครงการเมกกะโปรเจคท์นี้  ระหว่างรัฐบาลอภิสิทธิ์กับคณะ ๔๐ ส.ว.จะเป็นอย่างไร?  และจุดยืนของประชาธิปัตย์ในขณะที่เป็นฝ่ายค้านกับขณะที่เป็นรัฐบาลจะเปลี่ยนไปหรือไม่?  ถ้ายังยืนยันคำเดิมคือไม่เห็นด้วยกับ “โสภณ ซารัมย์”รัฐมนตรีคมนาคมแห่งกลุ่ม “เพื่อนเนวิน”ที่ทุ่มสุดตัวเพื่อโครงการนี้  ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการเข้ายึดครองกระทรวงสำคัญนี้ของ “กลุ่มเพื่อนเนวิน”  ถ้าไม่เป็นอย่างที่คาดหมาย “เนวิน”จะคิดกับรัฐบาลอภิสิทธิ์อย่างไร?  หรือว่า..ความสัมพันธ์ระหว่างอภิสิทธิ์กับเนวินจะแตกหักก็เพราะงานนี้