กรมโยธาฯสุ่มตรวจสอบ300อาคารใหญ่

นายสินิทธิ์ บุญสิทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า ในปีนี้กรมโยธาฯจะสุ่มตรวจอาคารที่ต้องทำการตรวจสอบโดยผู้ตรวจสอบอาคารตามที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ให้อาคาร 9 ประเภท ต้องทำการตรวจสอบความปลอดภัย โดยจะสุ่มตรวจประมาณ 300 อาคาร เน้นอาคารที่ชุมนุมคน เช่น โรงแรม อาคารสูง อาคารสำนักงาน และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งจากการสุ่มตรวจพบว่ามีข้อผิดพลาดบ้าง เนื่องจากผู้ตรวจสอบเริ่มเข้ามาทำงานเรื่องดังกล่าวเป็นปีแรก

"ปัญหาที่สุ่มพบคือความไม่รู้ และความไม่ตรงกันของรายงานที่ตรวจสอบกับสภาพความเป็นจริง แต่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นความผิดร้ายแรง ซึ่งกรมโยธาฯก็จะพยายามควบคุมปัญหาของผู้ตรวจสอบอาคารอยู่"

นายสินิทธิ์กล่าวว่า ส่วนการแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมอาคารนั้น มีปัญหาเรื่องการออกกฎกระทรวงที่ต้องมีขั้นตอนมาก และเนื้อหาเป็นภาษากฎหมายเป็นส่วนมาก ไม่มีรูปภาพ จึงกำลังพยายามว่าจะทำอย่างไรให้ขั้นตอนสั้นลง ซึ่งต้องออกเป็นรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ออกเป็นมาตรฐาน เป็น Building code ส่วนกฎกระทรวงไม่สามารถแก้ได้ และการเพิ่มรายละเอียดจะต้องทำที่กฎหมายแม่ อย่างไรก็ตาม เรื่องกฎหมายนั้นถือเป็นมาตรฐานขั้นต่ำสุด เป็นสิ่งที่ใช้กับอาคารทั่วไป หากเป็นอาคารที่มีลักษณะพิเศษการใช้มาตรฐานทางกฎหมายอาจไม่พอ สถาปนิก วิศวกร ต้องรับผิดชอบชีวิตคนใช้อาคาร จึงต้องนำมาตรฐานของหลายๆ ที่มาใช้เสริมให้อาคารปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดกฎหมาย 

ที่มา : นสพ.มติชน วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10969 http://www.matichon.co.th

นายสินิทธิ์ บุญสิทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าว ในเวทีเสวนา "ตึกสูงเมืองไทย ... (ใช้วัสดุ) ปลอดภัยจริงหรือ !!!" ที่จัดโดยสมาคมสถาปนิกสยามฯ ว่า ขณะ นี้ได้มีการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างทั้งภายในและภายนอกไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ผู้ประกอบการเจ้าของโครงการต้องการประหยัดต้นทุน และได้มีการเลือกใช้วัสดุนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้ง นี้หากปล่อยไว้อาจเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น ทางกรมโยธาธิการฯ มีแนวคิดที่จะแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เพิ่มเติม ให้มีการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรฐานของวัสดุก่อสร้างที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร โดยอาจ จะเพิ่มหรือให้คณะกรรมการควบคุมอาคารมีสิทธิในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงให้มีการกำหนดเป็น มาตรฐานที่เรียกว่า บิวดิ้ง โค้ด

พร้อมกันนี้ นายสินิทธิ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบความปลอดภัยในอาคาร 9 ประเภทนั้น ยัง คงเดินหน้าตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้มีการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายแต่อย่างใด โดยขณะนี้ทางเขต หรือหน่วยงานท้องถิ่นต่างๆ มีการส่งรายงานความปลอดภัยในอาคารมายังกรมแล้วเกือบ 80% ของอาคารที่ เข้าข่ายต้องตรวจสอบทั้งสิ้น 1 หมื่นอาคาร ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการรับจ้างเซ็นชื่อของผู้ได้สิทธิตรวจสอบอาคาร ทางกรมได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษที่ทำงาน แบบเป็นความลับเข้าไปทำการตรวจสอบถึงความถูกต้องอีกครั้ง โดยในปีนี้ทางกรมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปทำ การสุ่มตรวจเพื่อยืนยันความปลอดภัยรวมถึงตรวจสอบรายละเอียดว่า อาคารที่เสนอรายงานนั้น ได้มีการ ตรวจสอบตามหลักการที่กำหนดจริง เบื้องต้นในปีนี้จะทำการสุ่มตรวจให้ได้อย่างน้อย 300 อาคาร โดยจะ เน้นอาคารที่เป็นอาคารสาธารณะ เช่น โรงแรม ศูนย์การค้า

จาก หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ [21/03/2008]

ติดต่อเรา mamema co., ltd. ผู้ตรวจสอบอาคารขึ้นทะเบียน (086-308-1455)