พุทธชัยมงคลคาถา ตอนทานบารมีพิชิต พญามารวสวัตตีมาราธิราช การสวดมนต์บทพุทธชัยมงคลคาถา เป็นมงคลอย่างยิ่ง โดย เฉพาะท่านผู้ทีต้องการความสำเร็จชนะอุปสรรค ควรสวดเป็น ประจำ แล้วท่านจะได้เห็นพุทธคุณด้วยตนเองอย่างแน่นอน ใน ฐานะชาวพุทธเล็ก ๆ ที่สวดมนต์บทนี้ จะค้นคว้า รวบรวมคำ อธิบายความหมาย ที่ผู้รู้และปราชญ์ท่านได้เขียนไว้ จน ครบ ทั้ง 8 ตอน พุทธชัยมงคลคาถา หรือในชื่อเต็มว่า "พุทธชัยมังคลอัฏฐกะคาถา " เป็นพระคาถาที่กล่าวถึงการ เผชิญอุปสรรคของพระพุทธเจ้า ๘ ประการ ในรูปแบบต่างๆ ลักษณะพระคาถา แต่งเป็นแบบ วสันตดิลก ฉันท์(หยาดฝน) พระ คาถา นี้ไม่ปรากฏผู้แต่ง คาดว่า น่าจะแต่งขึ้นในศรีลังกา ราวๆพ.ศ. ๙๐๐ หรือ ไม่ก็แต่งขึ้นในแถบล้านนาไทย เมื่อสมัยที่การศึกษาภาษาบาลีของพระ นักปราชญ์ล้านนารุ่งเรือง แต่ไม่ว่าจะแต่งขึ้นในที่ใดก็ตาม พระคาถานี้ก็เป็นที่นิยมสวดกันมาก ในแถบ เอเซียทั้งพม่า ลาว ไทย เขมร ศรีลังกา ฯลฯ แม้ในอินเดีย ก็มีการสวดพระคาถา บทนี้ เป็นทำนองอินเดีย อย่างไพเราะ ความหมายของพระคาถานี้ เป็นการ นำเอาเรื่องราวในพุทธ ประวัติบางตอน ทั้งใน พระไตรปิฏก และ อรรถกถา มาแต่งเป็นพระคาถา ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเผชิญ อุปสรรคของพระพุทธเจ้า ในรูปแบบต่างๆ ที่มุ่งหวังจะทำลายพระพุทธศาสนา และพระองค์ ก็ทรงเอาชนะได้ ด้วยพระบารมี ภาษาบาลี รำลึกถึงความหลัง ครั้งที่พระองค์ทรงบำเพ็ญสมาธิภายใต้ ต้นหว้า ในพระราชพิธีแรกนาขวัญที่กรุงกบิลพัสดุ์ จึงทรงเห็นว่า การบำเพ็ญ เพียรทางจิต น่าจะเป็นหนทาง ที่จะทำให้ บรรลุโมกข ธรรมได้ คิดได้ดังนั้นแล้ว จึงทรงตั้งพระทัยว่า จะทำให้พลังกายกลับคืนมา จึงได้ทรงออกภิกขาจาร ในคัมภีร์พระพุทธ ประวัติมหายาน คือ ลลิตวิสตระ ได้อธิบายว่า พระองค์ทรงเสวยพระกระยาหาร คือน้ำเยื่อถั่วเขียว น้ำเยื่อถั่วเหลือง น้ำอ้อย และข้าวยาคุ(ข้าวต้ม) ซึ่งเป็นอาหารที่คนที่อดอาหารมาบริโภคเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ คัมภีร์อภินิษฺกรมณสูตร ของฝ่ายมหายาน ได้กล่าวว่า ทรงให้พราหมณ์เทวะเตรียมอาหารคือ ข้าวสาลี น้ำมัน และน้ำนมให้พระองค์ซึ่งพราหมณ์เทวะได้บอกให้ พระองค์เสด็จไปบ้านของพราหมณ์เสนยนะ จะได้อาหารตามที่ต้องการ เมื่อเสด็จไปแล้ว พราหมณ์เสนยนะได้ให้ธิดา ของตน คือ นันทา และ พลา เตรียมอาหารนั้น เมื่อทรงเสวยให้มีพลักำลังมากแล้ว ตรัสถามนางนันทา และ พลา ว่า ประสงค์สิ่งใด นันทากับพลาปรารถนาจะได้พระองค์มาเป็นพระสวามี แต่พระองค์ทรงปฏิเสธ เพราะที่ออกบวช ก็ปรารถนาพระโพธิญาณ ทั้งสองจึงขอว่า หากพระองค์ตรัสรู้แล้ว ขอให้มาโปรดตนด้วย ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาภาษาบาลี กล่าวตรงกันว่า หลังจากนั้น ก็เสด็จไปยัง ต้นอชปาลนิโครธ (ต้นไทรอันเป็นที่เลี้ยง แพะ) ซึ่ง ในแถบนั้น มีหมู่บ้านอยู่ และนางสุชาดา ได้ถวายข้าวมธุปายาส เพราะสำคัญว่าพระองค์เป็นเทวดา ประจำต้นไทร ที่นางเคยมาบนไว้ และหลังจากนั้น พระองค์ทรงรับข้าวมธุปายาส(ข้าวสุกที่หุงด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง มีความเหนียวนุ่ม สามารถปั้นได้ แต่ไม่ใช่ข้าวเหนียวนะ)ทั้งถาดทองคำ และทรงนำเอาถาดนั้น ไปลอยในแม่น้ำเนรัญชรา กระทบกับถาด ทองคำอีก ๓ใบ ซึ่งพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์ก่อน ได้ทรง ลอยไว้ พญากาฬนาคราช ซึ่งนอนมาหลายกัปป์ ตั้งแต่ พระพุทธเจ้าพระองค์แรก ก็ได้ตื่นขึ้นมา รำพึงว่า "เมื่อวานก็มีพระพุทธเจ้ามา ตรัสไป วันนี้ก็มาอีก แล้วหรือ" คัมภีร์พระสัมภารวิบากกล่าวว่า หลังจากนั้นแล้ว พญากาฬนาคราชก็กลับไปนอนหลับต่อ แต่ในคัมภีร์ปฐมสมโพธิกถา กล่าวว่า ได้พาพวกนางนาคบริวารไปเข้าเฝ้าพระโพธิสัตว์
พระแท่นวัชรอาสน์ที่ประทับของพระโพธิสัตว์
พญามาร : สิทธัตถะ ท่านจงลุกหนีจากรัตนบัลลังก์นี้เถิดไฉนยังนั่งเฉยอยู่ได้ เล่า รัตนบัลลังก์นี้ เป็นของเรา เกิดด้วยบุญของเรา พระโพธิสัตว์ : พญามารเอย เราจะเล่าให้ท่านฟัง เมื่อแรกมาถึง ณ ที่แห่งนี้ บัลลังก์นี้จึงเป็น ของเรา แล้วท่านจะให้เราลุกหนี จากรัตนบัลลังก์พระโพธิ สัตว์ : พญามารเอย ท่านว่ารัตนบัลลังก์นี้เกิดด้วยบุญของท่าน เราอยากรู้ว่ามี ใครรู้เห็น เป็นพยานบ้างเล่า
พระโพธิสัตว์ : พญามารเอย เราจะเล่าให้ท่านฟัง เมื่อแรกมาถึง ณ ที่แห่งนี้ เราเอาหญ้าคา ๘ กำมือ มาเรียงรายใต้ต้นอัสสัตถะ และตั้งจิตอธิษฐาน ทัน ใดนั้นก็พลันเกิดเป็นรัตนบัลลังก์ ด้วยการอธิษฐานจิตของ เรา ฉะนั้น บัลลังก์ นี้จึงเป็น ของเรา แล้วท่านจะให้เราลุกหนีจากรัตนบัลลังก์ นี้ หาควรไม่ ท่านมีพยาน เราเองก็มีพยาน ท่านมีพลโยธา เราเองก็มีพล โยธา เราจึงกล้าหาญอยู่ ได้ในที่นี้
นี้แหละเป็นพยาน เมื่อทรงอ้างเอาพระบารมี ๓๐ ทัศเป็นพยานแล้ว ก็เกิดรูปนารีผุดขึ้น มีนามว่า วสุนทรา ได้ประณมนมัสการพระโพธิสัตว์ และได้บีบมวยผม ของตน ทำให้เกิดมหานทีใหญ่ ทำให้กองทัพพญามาร แม้แต่ช้างนาฬาคิรีเมฆ ถูกสาย น้ำพัดแตกกระเจิงไปหมด
อ้างอิง จากคุณ : ebusiness pantip.com
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | มกราคม 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 |