*/
<< | มกราคม 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้สัมภาษณ์พิเศษ "บล็อกเกอร์พิไชยอินทรา" สมาชิกผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของชมรม OKnature ถึงเรื่องการรวมตัวกันของชุมชนในโลกไซเบอร์ เพื่อติดตามและตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในลักษณะเครือข่ายเฝ้าระวังอุทยานแห่งชาติ ลงตีพิมพ์ในฉบับวันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2552 ในหน้าคุณภาพชีวิต-การศึกษา สัมภาษณ์โดยพัทธมน วงศ์นาค เป็นอีกหนึ่งก้าวของ OKnature ที่ประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้ถึงความตั้งใจทำงานอย่างจริงจังในการร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของคนไทยทุกคน .......................... แม้ว่า นายอุภัย วายุพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะประกาศยกเลิก แนวคิด เปิดเช่าพื้นที่อุทยานแห่งชาติไปแล้วก็ตาม แต่ผลจากการประกาศนโยบายดังกล่าว ทำให้ เกิดการรวมตัวของคนกลุ่มเล็กๆ ที่เชื่อมโยงถึงกันได้ผ่านโลกไซเบอร์ บนชุมชนออนไลน์ จัดตั้งรวมกลุ่มภายใต้ "เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม" ด้วยความรู้สึกเดียวกันคือความหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ พวกเขารวมตัวกันอย่างเป็นระบบเพื่อเดินหน้าคัดค้านนโยบายดังกล่าวอย่างแข็งขัน กรุงเทพธุรกิจ ได้สัมภาษณ์ ดร.สรวุฒิ ปัทมินทร์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายของเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ บล็อกเกอร์พิไชยอินทรา จากเว็บไซต์ OKNation ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกเครือข่ายโลกไซเบอร์ ที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เล่าถึงการรวมตัวกันของกลุ่มบล็อกเกอร์ ว่า "พอเห็นข่าว ก็รู้สึกทนไม่ได้กับนโยบายให้สัมปทานแก่เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ ตอนแรกก็เริ่มติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้สึกที่ไม่เห็นด้วยในวงแคบๆ บนไซเบอร์สเปซ จนถึงขณะหนึ่ง พวกเขาก็คิดว่าควรจะทำอะไรให้เป็นรูปเป็นร่างมากกว่าที่ทำอยู่ " "เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม" จึงถือกำเนิดขึ้น จากการรวมตัวของกลุ่มบล็อกเกอร์จาก
โดยมีการนัดประชุมหารือกันมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ก่อนจะจัดตั้งเครือข่ายขึ้นอย่างเป็นทางการในการประชุม คัดค้านนโยบายเปิดป่าให้เช่า ที่ห้องประชุมมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา "การทำงานของเครือข่าย ใช้วิธีการแบ่งงานให้สมาชิกแต่ละคนไปทำตามความถนัดของตนเอง เนื่องจากทุกคนมาจากหลายที่มา หลากอาชีพ และมีความถนัดเฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น ด้านกฎหมาย" ดร.สรวุฒิ บอกว่า ภารกิจแรกที่เขาได้รับมอบหมาย คือ การให้ความรู้ เรื่องกฎหมายเพื่อจัดเวทีสาธารณะให้ความรู้กับประชาชนทั่วไป เริ่มตั้งแต่การชำแหละเนื้อหาระเบียบกรมอุทยานฯ ปี พ.ศ. 2547 ว่าขัดกับ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ ฉบับปี พ.ศ. 2504 อย่างไร ความขัดแย้งของระเบียบปี 2547 ต่อ พ.ร.บ.อุทยานฯ ที่เป็นกฎหมายแม่ ค่อนข้างชัดเจน โดยในมาตรา 16 ของ พ.ร.บ.อุทยานฯ ปี พ.ศ. 2504 ได้บัญญัติข้อห้ามในเขตอุทยานฯ ไว้ครอบคลุมถึงการห้ามยึดถือหรือครอบครองที่ดิน รวมถึงการก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า,การทำด้วยประการใดๆ ให้ทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานฯ เสื่อมสภาพ หรือสร้างความเสียหาย และห้ามเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ในระเบียบกรมอุทยานฯ ปี พ.ศ. 2547 ได้กำหนดกิจการที่บุคคลสามารถขออนุญาตจากอธิบดี (ข้อ 14) ให้ดำเนินกิจการได้ในเขตพื้นที่บริการ (ข้อ 9) ได้แก่
และมีการกำหนดอายุของสัมปทานที่พักอาศัยขนาดพื้นที่เกินกว่า 8,000 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 32,000 ตารางเมตร ไว้ยาวนานที่สุด 30 ปี นอกจากการจัดเวทีสาธารณะเพื่อให้ข้อมูลต่อประชาชนแล้ว ภารกิจเชิงรุกของพวกเขาในการยับยั้งการประกาศเช่าพื้นที่อุทยานแห่งชาติคือการร่าง พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ ที่เป็นของประชาชน ดร.สรวุฒิ หนึ่งในผู้ร่างกฎหมายฉบับเครือข่ายประชาชน บอกว่า การร่างกฎหมาย พ.ร.บ.ใหม่ขึ้นมาด้วยตัวเองโดยอิงจาก พ.ร.บ.อุทยานฯ ฉบับปี พ.ศ. 2504 เป้าหมายเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการทรัพยากรป่าไม้ "ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เกิดจากความคิดที่ว่า พวกเขาน่าจะทำอะไรได้มากกว่าบทบาทการเฝ้าระวัง การประท้วงต่อต้านซึ่งไม่เคยสัมฤทธิผล การร่างกฎหมายฉบับนี้จึงเป็นปฏิบัติการเชิงรุกของเครือข่าย พร้อมๆ ไปกับให้ความรู้ด้านกฎหมายเพื่อเป็นการ ติดอาวุธ ให้แก่สมาชิก ด้วย" เนื้อหาของร่าง พ.ร.บ. อุทยานฯ ฉบับเครือข่ายประชาชนเบื้องต้น ได้แก่ การกำหนดเขตพื้นที่ต่างๆ ในอุทยานฯ ให้ชัดเจน การให้ชาวบ้านและชุมชนรอบข้างได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาอุทยานฯ ด้วย และกำหนดมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมในอุทยานฯ โดยอ้างอิงหลักการความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นมาตรฐานของอุทยานแห่งชาติทั่วโลก แต่ก็จะอิงจากของเดิมฉบับปี พ.ศ. 2504 เอาไว้ เพราะเป็นฉบับที่เขาคิดว่าดีอยู่แล้ว โดยจะคง 29 มาตรา ของ พ.ร.บ. เอาไว้เช่นเดิม แต่เพิ่มมาตราย่อยๆ มากขึ้น ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ผมอยากให้เงื่อนไขการประกาศอุทยานแห่งชาติชัดเจน คือให้ชาวบ้านเสนอ และมีคณะกรรมการมาร่วมพิจารณา ให้คนที่อยู่ในพื้นที่เขามีส่วนร่วมในการรักษาดูแลอุทยานฯ ได้ ดร.สรวุฒิ กล่าว เขาเชื่อว่าการให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการประกาศที่อุทยานฯ จะช่วยลดปัญหาพื้นที่ทำกินทับซ้อนกับอุทยานฯ ซึ่งจะลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้ ดร.สรวุฒิ บอกถึงความตั้งใจว่าจะให้กฎหมายฉบับนี้แล้วเสร็จจะนำไปสู่การให้ประชาชนเข้าชื่อกันประมาณ 20,000 คนเพื่อเสนอกฎหมายต่อรัฐสภา เพื่อ ให้กฎหมายสามารถบังคับใช้ได้ "ในบ้านเรา การรวมกลุ่มมันเป็นกลุ่มย่อยๆ แต่ถ้ามารวมตัวกันได้ มันจะมีพลัง เพราะเรื่องที่เราทำอยู่นี่มันไม่เสร็จภายในปีสองปีนี้หรอก เราอาจตายไปแล้วก็ได้ แต่ลูกหลานของเราที่เหลืออยู่ล่ะ เขาจะได้เห็นป่าหรือเปล่า" นั่นคือ ความตั้งใจของ ดร.สรวุฒิ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |