ภาพ : http://www.komchadluek.net/ การเริ่มนับหนึ่งของดิจิทัลทีวี 48 ช่อง คือการนับถอยหลังฟรีทีวี ระบบอะนาล็อก 6 ช่องที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ถือเป็นการท้าทายครั้งใหม่ที่แชมป์เก่า 2 ช่องคือช่อง 3 กับช่อง 7 จะสามารถรักษาบัลลังก์นี้ได้ต่อไปอีกนานแค่ไหน ระยะเวลาของใบอนุญาตดิจิทัลทีวีจะมีอายุต่อไปอีก 15 ปี แต่อายุของฟรีทีวีแบบอนาล็อกได้ถูกกำหนดชะตากรรมให้เหลือแค่ประมาณ 5 ปีนับจากนี้ แม้ว่าสัญญาสัมปทานช่อง 3 กับอสมท.ยังคงเหลืออยู่อีกประมาณ 7 ปี แต่เชื่อว่าตลาดอนาล็อกจะต้องถูกเจ้าของตลาดคือคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์(กสท.)ปิดยุติการออกอากาศภายใน 5 ปีเท่านั้นเอง ดูเหมือนว่าช่อง 3 พร้อมจะลดอายุสัมปทานลงเพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินให้อสมท.ปีละประมาณ 250 ล้านบาทที่ไม่ต้องซ้ำซ้อนกับช่องดิจิทัลทีวีหากประมูลได้ แต่ฝั่งอสมท.น่าจะยังไม่พร้อมสูญเสียรายได้"ของตาย"จากช่อง 3 เพราะลำพังสงครามประมูลช่องดิจิทัลทีวีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า ความเป็นรัฐวิสาหกิจของอสมท.เองยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถชนะประมูลทั้ง 3 ช่องที่ได้ซื้อซองประมูลไปแล้วคือช่องแบบความคมชัดสูง HD,ช่องวาไรตี้ SD และช่องเด็กที่แต่ละประเภทก็มีคู่แข่งขันที่"กระเป๋าหนัก"ไม่น้อยกว่าอสมท. แม้ว่าอสมท.ได้รับไฟเขียวจากคณะรัฐมนตรีในวงเงินรวม 5,000 ล้านบาทที่รวมไปถึงการลงทุนโครงข่าย แตกต่างจากช่อง 5 ที่ไม่ได้เข้าประมูล แต่ได้ยินยอมลดอายุสัมปทานช่อง 7 ที่มีเหลืออยู่ 9 ปีลงมาแค่ 5 ปี เพื่อแลกกับใบอนุญาตโครงข่าย Multiplexer อีก 1 โครงข่ายที่มีอายุ 15 ปีและยังจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์บริการสาธารณะประเภทความมั่นคงที่สามารถโฆษณาได้แบบเชิงพาณิชย์ แต่ต้องลดจำนวนนาทีโฆษณาลงเหลือ 8 นาทีต่อชั่วโมง ช่อง 5 ยอมสูญเสียรายได้ค่าสัมปทานจากช่อง 7 ปีละ 150 ล้านบาทเป็นเวลา 4 ปี รวมประมาณ 600 ล้านบาท แต่ได้รับชดเชยจากรายได้ค่าโครงข่าย 6 ช่อง SD ปีละ 60 ล้านบาทต่อช่องและช่อง HD ปีละ 180 ล้านบาทต่อช่อง รวมรายได้ใหม่ค่าบริการโครงข่ายที่มีความแน่นอนไม่น้อยกว่าค่าสัมปทานปีละประมาณ 720 ล้านบาท หักลบแล้วน่าจะได้มากกว่าจากสัมปทานช่อง 7 ช่อง 3 กับช่อง 7 ใครจะอยู่รอดในสงครามดิจิทัลทีวีที่เป็นสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน 24 ช่องในอีก 5 ปีข้างหน้า ปัจจัยแวดล้อมจะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงกับสภาพกึ่งผูกขาดของทั้งสองช่องที่สามารถยึดกุม"ลูกตา"( Eyeball ) ของคนดูไว้ได้มากกว่า 75 -80 % ที่ทำให้ช่องฟรีทีวีที่เหลืออีก 4 ช่องมีส่วนแบ่งตลาดคนดูแต่ละช่องเป็นตัวเลขหลักเดียว ความนิยมของช่อง 3 กับช่อง 7 ที่สูงมากทำให้เม็ดเงินโฆษณาไหลเข้าทั้งสองช่องรวมกันในสัดส่วนใกล้เคียงกัน หากเทียบเม็ดเงินโฆษณาในฟรีทีวี 4 ช่อง รวมกันปีละประมาณ 60,000 ล้านบาท ช่อง 3 กับช่อง 7 ได้เงินโฆษณาไปรวมกันประมาณ 75 %ของทั้งหมดหรือประมาณ 45,000 ล้านบาท ช่อง 7 ได้ส่วนแบ่งประมาณ 40 % ส่วนช่อง 3 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงประมาณ10 ปีที่ผ่านมาจนมาถึงหายใจรดต้นคอแล้วประมาณ 35 % และเชื่อว่าภายใน 1-2 ปีข้างหน้าส่วนแบ่งคนดูและเม็ดเงินโฆษณาของช่อง 3 น่าจะแทรกช่อง 7 อย่างแน่นอน ช่อง 3 กำหนดยุทธศาสตร์ขั้นตอนในการก้าวขึ้นไปแชมป์ฟรีทีวีค่อนข้างชัดเจน นับจาก"ตลาดข่าว"เริ่มมีพื้นที่ยืนในช่องฟรีทีวีที่เกิดจาก"สถานีโทรทัศน์ไอทีวี"ที่ปลุกคนดูอีกกลุ่มที่สนใจ"ข่าวและสาระ"ให้เกิดเซคเมนท์ใหม่ เมื่อไอทีวีเจอวิบากกรรมจนต้องถูกยึดกิจการแล้วเปลี่ยนผ่านไปสู่สถานีโทรทัศน์สาธารณะแห่งแรกของประเทศไทยที่ไม่ให้มีโฆษณา ทำให้ผู้บริหารช่อง 3 มองเห็นช่องว่างได้ใช้จังหวะนี้รวบรวมทีมงานด้านข่าวเข้ามา และการเกิดขึ้นของรายการ"เรื่องเล่าเช้านี้"ของสรยุทธ์ สุทัศนะจินดาเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ตัดสินใจทิ้งค่ายเนชั่นมาสู่ชายคาช่อง 3 เต็มตัวได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์"ข่าวกลายเป็นสินค้าที่ขายได้"ทำรายได้ให้ช่อง 3 เป็นกอบเป็นกำ จนแตกเผ่าพันธุ์แตกลูกหลานเป็น"ครอบครัวข่าว"กระจายไปทั้งสถานี นอกจากนี้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาช่อง 3 เร่งสะสม"ดารา"ไว้ในสังกัดอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยการใช้"เงิน"ให้ทำงานเป็นหลักอย่างได้ผล เมื่อใดก็ตามดาราในสังกัดช่อง 7 หากหมดสัญญาลง ช่อง 3 จะอ้าแขนรับด้วยความยินดีและยังสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับดาราหน้าใหม่ที่เร่งผลิตออกมาหลายชุดแล้ว เช่น ดาราจากละครชุดสุภาพบุรุษจุฑาเทพที่ประสบความสำเร็จที่สุด ฯลฯ แต่หากย้อนไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นของช่อง 3 ตั้งแต่ปี 2513 กว่าจะมาถึงวันนี้ที่ธุรกิจช่อง 3 มีกำไรไตรมาสละร่วมพันล้านบาท ตระกูลมาลีนนท์ผ่านภาวะวิกฤติทางการเงินที่เรียกว่า"วิบากกรรม"ในระดับใกล้เจ๊งล้มละลายมาหลายต่อหลายครั้ง เริ่มต้นจากการได้รับสัมปทานคลื่นความถี่แบบ VHF ที่อยู่ริมสุดทำให้สัญญาณการรับชมอ่อนมาก ทำให้ต้องใช้เสาอากาศที่มีความยาวและน้ำหนักเยอะกว่าช่องอื่นๆ ยิ่งเมื่อเทียบกับช่อง 7 ที่มีความแรงของสัญญาณและเครือข่ายรับชมขยายไปได้กว้างไกลกว่ามาก กว่าจะได้คลื่นความถี่แบบ UHF ที่มีความแรงมากกว่าเวลาล่วงมาถึงปี 2550 การปิดตัวของธนาคารเอเชียทรัสต์ในปี 2527 ที่ถูกทางการยึดเปลี่ยนมาเป็นธนาคารสยาม ส่งผลทำให้สถานะการเงินของช่อง 3 เข้าขั้นวิกฤติมากๆ กว่าจะผ่านพ้นมาได้"วิชัย มาลีนนท์" หัวหน้าตระกูลมาลีนนท์แทบจะถอดใจเลิกทำช่อง 3 หลายต่อหลายครั้ง ยังดีที่ได้ธนาคารกรุงเทพเข้ามาถือหุ้นและสนับสนุนทางการเงินให้เดินต่อไปได้ แต่อาณาจักรช่อง 3 ในวันนี้กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าช่อง 7 ก้าวต่อไปเพื่อไปสู่แชมป์ฟรีทีวีแบบอนาล็อกไม่น่าจะยากแล้ว และสงครามดิจิทัลทีวีที่ช่อง 3 ได้ซื้อซองประมูลถึง 4 ซองน่าจะลงตัวแล้วว่าจะยื่นซองแบบช่อง HD , ช่อง SD และช่องเด็ก มุ่งมั่นจะต้องชนะประมูลให้ได้คือช่องแบบ HD และ SD ส่วนช่องเด็กคงแล้วแต่ราคาประมูลในวันสุดท้ายเป็นอย่างไร คาดว่าความแข็งแกร่งทางการเงินของช่อง 3 ในสนามดิจิทัลทีวีก็คงยืนอยู่แถวหน้ายืนระยะได้มากกว่า"ผู้เล่นใหม่"อีกหลายรายที่กระเป๋าหนัก แม้ช่อง 3 ไม่สามารถยื่นประมูลช่องข่าวได้เพราะตัดสินใจยื่นช่อง HD แต่เชื่อว่าหากได้ช่อง SD มาคงจะมีสัดส่วนของ"ข่าวและสาระ"ไม่น้อย การขยาย"ครอบครัวข่าว"ที่กระจายไปทั่วทั้งช่อง 3 ถือว่าแน่นแออัดมากๆ ผู้ประกาศข่าวที่แทบทั้งหมดกว้านซื้อตัวมาไว้มากกว่า 50 คน แต่ละคนต่างได้รับการจัดสรรจะเรียกว่า"เจียดเวลา"ให้มี"พื้นที่หน้าจอ"คนละไม่กี่นาทีต่อวัน ยกเว้น 2 ซุปตาร์ข่าว"สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา"กับ"กิตติ สิงหาปัด"ที่ได้เวลาไปแบบเต็มๆ ช่อง 3 ยังไม่แสดงเจตนาว่าจะนำช่อง 3 อนาล็อกมาออกอากาศคู่ขนานดิจิทัลหรือ Simulcast จากช่องที่ประมูลได้หรือไม่ ด้วยเหตุผลในเชิงยุทธศาสตร์จะพยายามตรึงให้คนดูอยู่ในคลาดเก่าอนาล็อกให้นานที่สุด แล้วสร้างช่องใหม่พร้อมๆกันถึง 2-3 ช่องในตลาดดิจิทัลทีวีเพื่อสกัด"ผู้เล่นรายใหม่"ไม่ให้เกิดขึ้นเร็วนัก ในขณะเดียวกันไม่ปรากฏยุทธศาสตร์ทีวีดาวเทียมของช่อง 3 ทำให้ยังไม่เคยมีช่องทีวีดาวเทียมของตัวเอง แตกต่างโดยสิ้่นเชิงกับช่อง 7 ที่มีช่องทีวีดาวเทียมผ่านบริษัทลูกถึง 3 ช่องคือช่อง Media News, Media Channel และ Media Boom ที่ปัจจุบันยุบรวมกับช่อง Media Channel แต่ช่อง 3 กลับไปบุกตลาดทีวีดาวเทียมที่ประเทศพม่าผ่านบริษัทลูกบริษัท BEC Tero จนได้ใบอนุญาตทำช่องทีวีดาวเทียมภาษาพม่า 2 ช่องที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วและกำลังยกระดับคอนเทนท์ให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น นับวันสถานะทางการเงินและการระดมกว้านบุคลากรหน้าจอในทุกเซคเมนท์ของช่อง 3 ทั้งฝั่งละคร-ข่าว-วาไรตี้ ทำให้กำลังแกร่งกล้าขึ้นอย่างรวดเร็วจากฐานเงินทุนที่ระดมจากตลาดหุ้นและเรทติ้งที่พุ่งทะยานทั้งจากรายการข่าวและรายการละครที่มีลูกเล่นใหม่ๆตลอดเวลา หากช่อง 3 ชนะการประมูลดิจิทัลทีวี 3 ช่องก็คงไม่มีใครตั้งข้อสงสัยว่าช่องดิจิทัลทีวีของช่อง 3 จะไปรอดหรือไม่ แต่แปะข้างฝาไว้เลยว่าช่อง 3 จะสามารถอยู่รอดในสงครามดิจิทัลทีวีที่จะเข้มข้นที่สุดในช่วง 3 ปีแรกและยืนระยะได้มากกว่าช่อง 7 ที่เป็นแชมป์เก่าฟรีทีวีที่กำลังพบกับ "วิบากกรรม" ตั้งแต่ก่อนประมูล โปรดติดตามตอนต่อไป Tags : สงครามดิจิทัลทีวี • ทีวีแบบอนาล็อก • ทีวีดาวเทียม |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | ตุลาคม 2013 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |