เรื่องใหญ่ที่สุดในแวดวงโทรทัศน์อีกเรื่องที่กำลังอยู่ในช่วงประชาพิจารณ์ประกาศฉบับใหม่ว่าด้วยการจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัล 36 ช่อง( ช่อง 1-12 เป็นช่องทีวีสาธารณะ,ช่อง 12-36 เป็นช่องทีวีดิจิทัลของเอกชน)ให้ตรงกันเป็น"เบอร์เดียวกัน"ทุกโครงข่าย( Platform ) ทำท่าจะกลายเป็นมหากาพย์ที่ยังไม่จบง่ายๆ อาจจะไปสู้กันต่อในชั้นศาลปกครอง ประชาพิจารณ์รอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา จึงกลายเป็นเวทีประชาพิจารณ์ที่มีคนเข้าร่วมมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังมีเวลาอีกจนถึงวันที่ 10 พ.ย.ที่กสทช.เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ยื่นเอกสารแสดงความคิดเห็นได้ทุกช่องทาง สะดวกที่สุดน่าส่งจะทาง E-Mail : bc.research@nbtc.go.th กลุ่มโครงข่าย อันประกอบด้วยผู้เล่นหลักๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างประกาศนี้คือ โทรทัศน์บอกรับสมาชิกหรือเคเบิลระดับชาติ 2 รายใหญ่คือทรูวิชั่นส์, CTH และโครงข่ายประเภทจานดาวเทียม 2 รายใหญ่คือกลุ่ม PSI ระบบ C-Band และกลุ่มไอพีเอ็ม ระบบ KU-Band ผลประโยชน์ของกลุ่มทรูวิชั่นส์ที่ได้มาโดยตลอดคือการนำช่องรายการของตัวเองมาเรียงไว้ในลำดับ 1- 10 เป็นส่วนใหญ่ เช่น ช่อง TNN24 , ช่อง TRUE4U ที่เป็นช่องทีวีดิจิทัลที่ปรากฏในทรูวิชั่ส์ซ้ำกันหลายหมายเลข แล้วใช้หมายเลขช่องบางหมายเลขเป็นเครื่องมือในการสร้างพันธมิตร เช่น ช่อง 3 อนาล็อกได้หมายเลข 1 บนแพลตฟอร์มทรูวิชั่นส์ หลังจากบนจานดาวเทียมพีเอสไอกลับไปอยู่ในช่องหมายเลขหลัก 300 โดยช่องหมายเลข 1 ถูกยึดครองจากช่อง Workpint ที่มีเรทติ้งสูงสุดในกลุ่มทีวีดิจิทัล 24 ช่อง กลุ่มทรูวิชั่นส์ใช้หมายเลขช่อง 1-10 เป็น"อาวุธสำคัญ"ในการแย่งชิงคนดูจากช่องทีวีดิจิทัลที่เข้าไปอยู่ใน"บ้านทรูวิชั่นส์"ตามกฎ Must Carry จึงออกหนังสือชี้แจงและคัดค้านอย่างแข็งขันในการประชาพิจารณ์ ประเด็นหลักๆ คือ -การนำช่องรายการของบริษัทฯไปให้ทีวีดิจิทัลออกอากาศ ไม่ต่างอะไรกับการริบทรัพย์สิน ทรูวิชันส์มีความเห็นว่าในทางกฎหมายถือว่าช่องรายการของเคเบิลและดาวเทียมเป็น"ทรัพย์สิน"ประเภทหนึ่งที่ผู้ประกอบการมีสิทธิใช้ประโยชน์และบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่ -การเลือกปฏิบัติสองมาตรฐานระหว่างผู้ประกอบการของกสทช. กสทช.ช่วยเหลือเฉพาะผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่จ่ายเงินประมูลแล้วผลักภาระให้แก่ผู้ประกอบการเคเบิลและดาวเทียม อ่านประเด็นของกลุ่มทรูวิชั่นส์คงไม่หยุดแค่การยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการคัดค้านร่างประกาศของกสทช. แต่มีแนวโน้มว่าจะใช้กลไกศาลปกครองอย่างเข้มข้นสกัดไม่ให้กสทช.ออกประกาศฉบับใหม่เพื่อเรียงช่อง 1-36 ทุกแพลตฟอร์ม ในขณะที่ผลประโยชน์ของโครงข่ายประเภทจานดาวเทียมรายใหญ่ที่สุดอย่าง"พีเอสไอ"ที่มีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 50 % ที่มีอำนาจเหนือตลาดค่อนข้างมาก สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของหมายเลขช่อง 1-10 และทุกช่องถัดจากช่อง 11-46 ตามกฎ Must Carry ให้มี"ราคาซื้อขาย"กัน จนกลายเป็น"รายได้หลัก"ของกลุ่มพีเอสไอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีเสียงร่ำลือกันมาว่าหมายเลขช่อง 1-10 บนโครงข่ายจานพีเอสไอมีราคาซื้อขายกันสูงถึง 2-3 ล้านบาทต่อเดือน แม้กระทั่งหมายเลข 47 ที่อยู่ติดกับหมายเลขสุดท้ายของช่องทีวีดิจิทัลบนจานดาวเทียมยังมีราคาซื้อขายในระดับ 1-2 ล้านบาท แล้วลดหลั่นกันไปในลำดับหมายเลขถัดไป ส่วนคู่แข่งขันของพีเอสไอ อย่างกลุ่ม BIG4 อันประกอบด้วย INFOSAT, IDEASAT, THAISAT และ LEOTECH ไม่ชัดเจนว่ามีความแข็งขันในการคัดค้านร่างประกาศมากน้อยแค่ไหน
ไอพีเอ็มมุ่งเน้นคัดค้านในรายละเอียดของร่างประกาศฉบับใหม่ที่ไปล็อกไม่ให้โครงข่ายใช้เทคนิค"ช่องซ้ำ"ในหลายๆ หมายเลขที่กลุ่มไอพีเอ็มมักใช้เป็นกลยุทธ์"ดักคนดู" และประเด็นการห้ามเพิ่ม"ความคมชัด"ของช่องทีวีบริการทั่วไปหรือแปลความได้ว่าห้ามโครงข่ายไปหาประโยชน์จากการเพิ่มความชัดระบบ SD เป็น HD ส่วนโครงข่ายประเภทโทรทัศน์บอกรับสมาชิกระดับท้องถิ่นหรือเคเบิลท้องถิ่นในนามสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยมีความเห็นต่างออกไป จุดยืนชัดเจนว่าพร้อมจะปฏิบัติตามประกาศฉบับใหม่ของกสทช.ที่ให้โครงข่ายจัดเรียงช่อง 1-36 แทนการกันช่อง 1-10 ไว้ให้บริหารจัดการ ช่วงที่ผ่านมาเคเบิลทีวีท้องถิ่นไม่ได้ประโยชน์ใดๆ จากประกาศเดิมการจัดเรียงช่องของกสทช.เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2556 ที่ให้หมายเลขช่อง 1-10 นำไปบริหารจัดการเองได้ แต่กลับเห็นว่าถ้ากสทช.บังคับให้ทุกโครงข่ายเรียงช่องทีวีดิจิทัลเรียงช่องเหมือนกัน 1-- 36 จะช่วยลดความได้เปรียบของกลุ่มทรูวิชั่นส์และกลุ่มจานพีเอสไอ แน่นอนว่ากลุ่มทีวีดิจิทัลทุกช่อง รวมไปถึงฟรีทีวีอนาล็อกรายใหญ่ที่สุดอย่างช่อง 3 ได้แสดงจุดยืนเรียกร้องให้กสทช.ออกประกาศจัดเรียงช่อง 1-36 ในทุกแพลทฟอร์มมาโดยตลอด ถือเป็นครั้งแรกที่ฟรีทีวีแบบอนาล็อกกับทีวีดิจิทัลมีเสียเป็นเอกภาพ แรงปะทะของกลุ่มโครงข่ายกับกลุ่มช่องทีวีดิจิทัลน่าจะไม่สิ้นสุดง่ายๆ แม้ว่าคราวนี้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์(กสท.)ทั้ง 5 คนเห็นพ้องให้ออกร่างประกาศฉบับใหม่นี้และกำลังรวบรวมเสียงจากประชาพิจารณ์ส่งให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)พิจารณาอนุมัติอีกครั้ง ซุ่มเสียงของประธานกสท.พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักจากเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ยืนยันกับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลว่าจะเดินหน้าแก้ไขประกาศการจัดหมวดหมู่และการเรียงช่องทีวีดิจิทัลตามกฎ Must Carry ในทุกโครงข่ายให้เป็นเบอร์เดียวกันกับกล่องรับสัญญาณภาคพื้นดิน ดร.นทียืนยันในที่ประชุมประชาพิจารณ์เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ว่ามีความจำเป็นจะต้องออกประกาศใหม่เพื่อประโยชน์สาธารณะ หลังจากได้ให้ทีวีดิจิทัลออกอากาศมาระยะหนึ่งพบว่าผู้บริโภคเกิดความสับสนในการออกอากาศช่องทีวีดิจิทัลผ่านโครงข่ายจานดาวเทียมและเคเบิลทีวีที่ต้องบวกไปอีก 10 หมายเลขตามประกาศเดิมเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2556 แต่ทิ้งท้ายไว้น่าสนใจว่าหากกลุ่มโครงข่ายยืนยันไม่เห็นด้วยก็ยังสามารถใช้กลไกกฎหมายได้ แต่จะทำให้ประกาศฉบับใหม่นี้ล่าช้าออกไปได้จากเดิมคาดว่าจะประกาศฉบับใหม่ให้มีผลภายในปีนี้ จึงน่าจับตาอย่างยิ่งว่า"พลัง"หรือ"กำลังภายใน"ของกลุ่มโครงข่ายที่มีหัวหอกหลักคือกลุ่มทรูวิชั่นส์และกลุ่มพีเอสไอกับกลุ่มช่องฟรีทีวีทั้งอนาล็อกและดิจิทัลที่เป็นเอกภาพ ใครจะชนะในมหากาพย์สงครามทีวีดิจิทัลภาคใหม่ระหว่าง"โครงข่ายใหญ่ระดับชาติ"กับช่องทีวีดิจิทัล 24 ช่อง ซึ่งแบกภาระประมูลมากกว่า 50,000 ล้านบาทเพื่อให้ได้"เบอร์เดียว"ถือเป็นปัจจัยสำคัญเดิมพันความอยู่รอดท่ามกลางสงครามทีวีดิจิทัลที่ยังมองไม่เห็นวันสิ้นสุด |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | พฤศจิกายน 2014 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 |