มหากาพย์สงครามทีวีดิจิทัลภาค 2 ระหว่างโครงข่ายกับช่องทีวีดิจิทัลว่าด้วย"เบอร์เดียว"ทุกแพลทฟอร์มคงจะยืดเยื้อ จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าช่องรายการหรือ Content จะเป็น King หรือโครงข่าย Platform จะเป็น King หรือ Queen ที่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเสมือน"น้ำพึ่งเรือ-เสือพึ่งป่า" ความยุ่งเหยิงของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ของไทยเกิดก่อนมาถึงยุคทีวีดิจิทัลที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์(กสท.)ให้นิยาม"ทีวีดิจิทัล"เป็นโทรทัศน์เพื่อการบริการทั่วไป เหนือกว่าใบอนุญาตแบบอื่นๆ สถานะของทีวีดิจิทัล 36 ช่องที่ออกอากาศทั่วประเทศจึงถูกกำหนดด้วยกฏ Must Carry ให้เข้าไปอยู่ในทุกโครงข่ายในลำดับหมายเลข 1-12 เป็นทีวีสาธารณะที่ใช้วิธีออกใบอนุญาตให้ตามข้อเสนอและหมายเลข 13-36 เป็นทีวีของภาคเอกชนที่ผ่านการประมูลด้วยเงินมากกว่า 50,000 ล้านบาท นั่นหมายถึงกสท.ได้ใช้อำนาจทางกฎหมายสถาปนาให้ทีวีดิจิทัลหรือช่องรายการ 36 ช่อง ดำรงสถานะ King เหนือกว่าช่องรายการทีวีแบบอื่นๆ ที่กลายเป็นเพียง"โทรทัศน์ทางเลือก"ที่ไม่ได้เกิดจากการประมูล -ฟรีทีวีระบบอนาล็อก 6 ช่อง ลดสถานะลงอยู่เป็น"ทีวีทางเลือก"ในโครงข่ายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาคพื้นดิน หมายถึงการเรียงลำดับช่องไม่ได้มีข้อกำหนด ฟรีทีวีทั้ง 6 ช่องเป็น"พระเอก"เฉพาะการรับจากเสาอากาศ"หนวดกุ้ง-ก้างปลา"ในระบบอนาล็อกภาคพื้นดินเท่านั้นที่เรียงลำดับช่อง 1-6 แต่ฟรีทีวี 6 ช่องกำหนด"วันสิ้นสุด"การออกอากาศระบบอนาล็อกไว้แล้วภายในปี 2561 ยกเว้นช่อง 3 ที่ยังมีสัญญาสัมปทานไปจนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2563 ซึ่งคาดเดาได้ว่าช่อง 3 คงอยากจะสิ้นสุดก่อนสัญญาแบบไม่ชดเชยมากกว่า ความเป็น KING ของช่องรายการฟรีทีวีอนาล็อกที่เคยเป็นถึงขั้น KING of KINGS ถดถอยลงอย่างมาก หากยึดตามใบอนุญาตเดิมที่ออกอากาศได้เฉพาะภาคพื้นดิน แต่ไม่สามารถออกอากาศบนดาวเทียมได้ที่เข้าถึงคนดูได้ประมาณ 50%ของครัวเรือน หากไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดาวเทียมจะเหลือโฆษณาแค่ 6 นาทีต่อชั่วโมง ทำให้ปัจจุบันฟรีทีวีระบบอะนาล็อกทั้ง 6 ช่องได้ยอมออกอากาศแบบคู่ขนาน( Simulcast )ในช่องทีวีดิจิทัลแต่หมายเลขช่องเปลี่ยนไป เพื่อให้ได้จำนวนนาทีโฆษณา 10-12 นาทีต่อชั่วโมง เริ่มจากช่อง 5 คู่ขนานบนหมายเลข 1 ในกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล,ช่อง 11 อยู่หมายเลข 2 และช่องไทยพีบีเอสอยู่หมายเลข 3 ส่วนช่อง 3 คู่ขนานช่อง 33,ช่อง 7 อยู่ที่ช่อง 35 และช่อง 9 อยู่ที่ช่อง 30 -ทีวีดาวเทียมที่เดิมเป็นกิจการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่มีลักษณะการออกอากาศไม่ได้แตกต่างจากฟรีทีวีที่ออกอากาศแบบ Free to Air แต่กสท.ได้"ฉวยโอกาส"ช่วงชุลมุนในช่วงหลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 แปรสภาพแบบกึ่งบังคับเปลี่ยนเป็น"โทรทัศน์บอกรับสมาชิก"ที่ไม่ได้เรียกเก็บค่าสมาชิก เปลี่ยนlใบอนุญาตจาก Free to Air เป็นการเข้ารหัสเพื่อไม่ให้กล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมรุ่นเก่ารับได้ ข้ออ้างเพื่อควบคุมลิขสิทธิ์และจัดระเบียบในการออกอากาศของทีวีดาวเทียมให้รับได้เฉพาะกล่องรับสัญญาณรุ่นใหม่ที่มีระบบ OTA ปัจจุบันทีวีดาวเทียมได้สิ้นสุดยุคทองทยอยปิดตัวเองจากเคยออกอากาศมากกว่า 250 ช่องในปี 2554-55 หากมองในเชิงการปกครองแล้ว กสท.ฉลาดในการใช้อำนาจช่วงรัฐประหารทำให้ทีวีดาวเทียม เริ่มอยู่ในระเบียบอยู่ในแถวมากกว่าเดิมมาก แต่ในเชิงธุรกิจแล้วกสท.ได้ลงมือ"ตอน"ทีวีดาวเทียมไม่ให้โตไปกว่านี้แล้ว สถานะของผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมที่เป็นช่องรายการเหมือนกัน จึงอยู่ในสภาพ"ประคองตัว"เพื่อให้อยู่รอดเท่านั้นเอง กลายเป็นทางเลือกในลำดับ 3 ของบริษัทเอเยนซี่โฆษณา รองจากฟรีทีวีอนาล็อก 2 ช่อง(ช่อง 3 กับ 7 ) ที่ยังได้ราคาโฆษณาสูงกว่าทีวีดิจิทัลประมาณ 10-20 เท่าตัว ทางเลือกที่สองกลายเป็นช่องทีวีดิจิทัลประมาณ 6-8 ช่องแรกและฟรีทีวีอนาล็อกอีก 2 ช่องคือช่อง 5 กับช่อง 9 ที่ไม่ได้มีเรทติ้งแตกต่างจากช่อง Workpoint และช่อง 8 RS ในสายตาของบริษัทเอเยนซี่โฆษณา ช่องทีวีดิจิทัลอีกประมาณ 16-18 ช่องที่ยังมีเรทติ้งต่ำไม่แตกต่างจากช่องทีวีดาวเทียมประมาณ 10 ช่อง ถูกกดราคาซื้อโฆษณาในอัตราใกล้เคียงกันต่ำมากๆ ในระดับ 3,000-5,000 บาทเท่านั้น ความเป็น KING ของช่องรายการของโทรทัศน์ทั้งสามประเภท จึงยังแบ่งเป็นชนชั้นเป็นลำดับๆ ไปโดยปริยายตามเรทติ้ง ในขณะที่โครงข่ายหรือแพลตฟอร์มที่อยู่ในสถานะ KING ได้อย่างไม่มีใครปฏิเสธได้มีอยู่ 2 รายเท่านั้นคือทรูวิชั่นที่มีฐานสมาชิกประมาณ 2 ล้านครัวเรือนมากกว่าจำนวนสมาชิกของเคเบิลทีวีระดับชาติอีกรายคือ CTH ที่มีในระดับประมาณ 3-5 แสนรายเท่านั้นกับจานพีเอสไอที่มีส่วนแบ่งในตลาดจานดาวเทียมแบบ CU-Band มากกว่า 50% ของจำนวนจานทั้งหมด จึงไม่แปลกใจที่ทั้งทรูวิชั่นส์กับพีเอสไอ"ออกโรง"คัดค้านร่างประกาศการจัดเรียงหมายเลข 1-36 ยกเลิกประกาศเดิมที่ให้หมายเลข 1-10 อยู่ในการบริหารจัดการของเจ้าของโครงข่าย กลุ่มทรูวิชั่นส์ใช้ข้อได้เปรียบของความเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม กำหนดให้ช่อง 1-10 เป็นช่องรายการของทรูวิชั่นส์เกือบทั้งหมดยกเว้นช่องหมายเลข 1 ที่ยังเอื้อเฟื้อให้ช่อง 3 อนาล็อก เพื่อใช้เป็นอาวุธในการหารายได้โฆษณาในช่องที่ทรูวิชั่นส์ผลิตเองที่ย่อมได้เปรียบกว่าช่องอื่นๆ ที่อยู่ในกฎ Must Carry แต่ต้องไปตั้งต้นหมายเลข 11-47 กลุ่มพีเอสไอใช้เทคโนโลยี OTA จัดเรียงช่อง 1-10 ให้เป็นช่องเกรดเอมีราคาค่าหมายเลขในระดับ 2 ล้านบาทต่อเดือนและยังได้ประโยชน์อย่างมากจากการจัดระเบียบทีวีดาวเทียมของกสท. เสมือนการไล่ต้อน"ทีวีดาวเทียม"ให้จำยอมเข้าคอกแพลทฟอร์มของพีเอสไอที่ทุกช่องหมายเลขมีต้นทุน"ราคา"ลดหลั่นกันไป ทำให้ช่องทีวีดิจิทัลหลายช่องที่มีทุนมากกว่ายอมจ่ายเพื่อเลือกหมายเลขช่องในลำดับ1-10 คือช่อง 1 Workpoint, ช่อง 3 ไทยรัฐทีวี, ช่อง 6 PPTV, ช่อง 7 ไทยทีวีและ ช่อง 8 RS ร่างประกาศใหม่ของกสท.เรียงหมายเลข 1-36 ที่ผ่านประชาพิจารณ์ไป จึงเป็นการ"สางปัญหา"ไม่ถูกจุดและไม่สะเด็ดน้ำอีกครั้งที่อาจจะก่อปัญหาตามมาอีกหลายฉาก เห็นด้วยในการใช้อำนาจของกสท.บังคับให้ทุกโครงข่ายเรียงช่องทีวีดิจิทัลหมายเลข 1-36 เป็นช่องโทรทัศน์บริการทั่วไปที่มีต้นทุนในการใช้คลื่นความถี่ที่เป็นสมบัติสาธารณะ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสนามการแข่งขันที่เท่าเทียม( Level Playing Field )ในทางธุรกิจของ 24 ช่องและเพื่อประโยชน์สาธารณะในการกำหนดให้ช่อง 1-10 เป็นช่องบริการสาธารณะ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงทีวีดิจิทัลได้ทุกแพลตฟอร์ม แต่ไม่เห็นด้วยกับข้อห้ามในประกาศหลายข้อ เช่น ห้ามโครงข่ายไปดัดแปลงเพิ่มคุณภาพของช่องที่หมายความว่าช่อง SD ดิจิทัลไม่มีสิทธิ์อัพเป็นช่อง HD ในโครงข่ายตามกฎ Must Carry , ห้ามโครงข่ายออกอากาศซ้ำช่องหรือเพิ่มช่องของช่องทีวีดิจิทัลและทีวีดาวเทียม, กำหนดให้ช่องหมายเลข 37-57 บนโครงข่ายนำไปบริหารจัดการได้เอง ฯลฯ เมื่อกสท.ต้องการบังคับให้โครงข่ายเรียงหมายเลข 1-36 ให้เป็นช่องฟรีทีวีในระบบดิจิทัลเหมือนกับกล่องทีวีดิจิทัลบนภาคพื้นดินก็ควรจะหาทาง"ชดเชย"ภาระให้กับโครงข่าย เช่น ลดหย่อนค่าธรรมเนียม 4 %เหลือ 2% , กำหนดแค่ 1-36 เรียงลำดับ , ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีผลิตรีโมทคอนโทรลที่มีปุ่ม"เลือกช่องที่ชอบ"ให้อยู่ในหมวดหมู่หรือรีโมทคอนโทรลที่มีหมวดหมู่ให้เลือกได้ง่าย ฯลฯ กสท.ควรหาหนทางส่งเสริมช่องรายการทีวีดาวเทียมให้มีสถานะ KING เหนือกว่าแพลตฟอร์มที่ควรเป็น QUEEN เช่น กำหนดหมวดหมู่ของทีวีดาวเทียมใหม่ แยกย่อยลงไปในกลุ่มช่องวาไรตี้ให้ชัดกว่าเดิมที่กว้างเกินไป อาจจะเป็นกลุ่มช่องเพลงไทยลูกทุ่ง,เพลงไทยลูกกรุง,เพลงต่างประเทศ, ภาพยนตร์ , ดนตรี ฯลฯ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มไปสู่การเลือกรับช่องรายการแบบ Segmentation ที่จะทำให้เลือกช่องรายการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ร่างประกาศกสท.ว่าด้วยการจัดลำดับช่อง 1-36 แทนช่อง11- 47 ที่จะกระทบผลประโยชน์มหาศาลของโครงข่ายที่มีอำนาจเหนือตลาดน่าจะไม่ได้ช่วยทำให้"มหากาพย์ภาค 2 "ปิดฉากไปง่ายๆ หากยังไม่หาทางกำหนดคุณสมบัติของนิติบุคคลที่ถือใบอนุญาตโครงข่ายกับช่องรายการให้แยกออกจากกันให้ชัดเจนหรือเป็นเรื่อง"ต้องห้าม"ผู้ถือใบอนุญาตช่องรายการไม่ควรจะถือใบอนุญาตโครงข่ายด้วยหรือในทางกลับกัน เพื่อลดปัญหาผลประโยชน์ขัดแย้งแบบข้ามธุรกิจและการได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันที่ไม่สิ้นสุด |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | พฤศจิกายน 2014 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 |