“ข่าวดี” ท่ามกลาง “ข่าวร้ายๆ” ของวงการทีวีดิจิทัล ว่าด้วยการแถลงข่าวแผนการยุติการออกอากาศโทรทัศน์แบบอนาล็อกภายในปี 2561 ของ “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ น่าจะทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้มองเห็นแสงสว่างแว่บๆ ปลายอุโมงค์ได้บ้าง นับจากวันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสุดระบบอนาล็อกเหลือเวลาอีกประมาณ 2 ปี 6 เดือน เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคโทรทัศน์ระบบดิจิทัลในปี 2562 ที่พอจะเรียกได้ว่าสนามการแข่งขันของโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ทุกช่องจะมีความเท่าเทียมกันในระบบเดียวกันหรือ Level Playing Field ที่ไม่มีแต้มต่อใดๆ ให้กับช่องฟรีทีวีภาคพื้นดินเดิมอีกต่อไป เมื่อรู้แผนการยุติระบบอะนาล็อกชัดเจนขึ้น คงทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจชัดขึ้นว่าจะ “ดำน้ำ” กลั้นลมหายใจไปอีก 2 ปี 6 เดือน หรือเลือกโดดลงเรือเล็กเอาตัวรอดไปก่อนที่ยังเหลือเงินค่าประมูลที่ต้องชำระอีก 4 งวด ด้วยความไม่เชื่อมั่นในขีดความสามารถของ กสทช.อีกแล้ว อย่างกรณีเจ๊ติ๋ม-ทีวีพูล ที่ตัดสินใจไม่ไปต่อขอยกเลิกใบอนุญาต 2 ช่องพร้อมกัน แล้วไปเผชิญชะตากรรมฟ้องร้องกันบนศาลปกครองและกลับไปสู่เส้นทางเดิมที่เคยเฟื่องฟูคือ “ทีวีดาวเทียม” กับ “ฟรีทีวีอะนาล็อกช่อง 5” ถ้าถามผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 16 บริษัทที่เหลือว่าเชื่อมั่นในการบริหารงานของ กสทช.ชุดนี้ ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกสู่ดิจิทัลอีกประมาณ 2 ปี 6 เดือนหรือไม่ เสียงส่วนใหญ่หรือแทบจะเป็น “เอกฉันท์" คงตอบว่าไม่เชื่อมั่นอีกต่อไปแล้ว เพราะในช่วงหลังประมูลทีวีดิจิทัลเสร็จสิ้นปลายเดือน ธ.ค. 2556 หลังจากนั้นเป็นหนังคนละม้วน กับช่วงก่อนการประมูลทีวีดิจิทัลที่ทุกอย่างดูสวยหรูชีวิตดี๊ดี แล้วพี่น้องชาวไทยควรจะทำอย่างไรกับแผนการยุติการออกอากาศระบบอนาล็อก เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานและผู้บริโภคไม่สับสนอลหม่าน หลังจากนั้น ข้อเสนอของผมที่เคยเสนอไปแล้วคือ การเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิทัลควรจะยกระดับเป็น “วาระแห่งชาติ” หาใช่วาระเล็กๆ ขององค์กรอิสระองค์กรเดียวอย่างกสทช.ที่ไม่ค่อยมีใครให้ความเชื่อถือในการทำงานมากนัก อ่านจากข่าวการแถลงของ “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เลขาธิการ กสทช.แล้วน่าจะพอเห็นร่องรอยในการทำงาน ที่น่าจะมีความหวังว่าสำนักงาน กสทช.กำลังเดินถูกทาง ไม่หวงงานนี้ไว้ทำคนเดียวเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ล้มเหลวหลายครั้ง เช่น กสทช.จะเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบแผนการยุติออกอากาศระบบอนาล็อกเพื่อจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ในระดับชาติ ฯลฯ แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง จนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าหากกรรมการ กสท.บางท่าน ยังแยกไม่ออกระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมกับผลประโยชน์ของช่องจะเกิดกรณีช่อง 3 จอดำหรือไม่เกิดความขัดแย้งยืดเยื้อในกสท.จนกระทบความเชื่อมั่นของสังคมอย่างมาก การเจรจากับช่อง 3 และช่อง 7 เพื่อให้ยุติการออกอากาศในระบบอนาล็อกก่อนสัญญาสัมปทานสิ้นสุดให้เป็นภายในปี 2561 การกำหนดเป้าหมายผู้บริโภคนำคูปองมาแลกเป็นกล่องรับสัญญาณให้ได้ถึง 75% การขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อแจกคูปองหรือกล่องรับสัญญาณให้ครบทั้งหมด 22 ล้านครัวเรือนจากเดิมแจกคูปองไปแล้ว 14.1 ล้านครัวเรือน ฯลฯ แต่ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเลขาธิการ กสทช. ไม่ได้มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย การยุติการออกอากาศแบบอนาล็อก แต่ กสท. 5 คนยังเคยแสดงความ่ชัดเจน ว่าหลังจากแต่ละสถานีได้ส่งแผนการยุติออกอากาศอนาล็อกมาแล้ว มีความเห็นเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร เพราะเท่าที่ดูจากข้อมูลของแต่ละสถานีที่เลขาธิการ กสทช. แถลงแล้วคงจะเกิดความสับสนอลหม่านแน่ๆ ข้อมูลบางอย่างไม่น่าจะถูกต้องแล้ว เช่น ช่อง 7 ยังมีอายุสัญญาสัมปทานสิ้นสุดปี 2566 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ กสทช. ออกใบอนุญาตบริการโครงข่ายทีวีดิจิทัลให้ช่อง 5 จำนวน 2 ใบอนุญาตเพื่อแลกกับช่อง 5 จะเจรจาแก้สัญญาสัปทานลดอายุลง 5 ปีจากสิ้นสุดปี 2566 หรือเท่ากับแผนของช่อง 5 ภายในปี 2561 ทำไม กสท.ปล่อยให้เรื่องนี้เรื้อรังไม่ได้มีการแก้สัญญาก่อนให้ใบอนุญาตช่อง 5 หรือไม่ ช่อง 3 ยังมีอายุสัญญาสัมปทานกับ อสมท.ถึงวันที่ 24 มี.ค. 2563 น่าจะยินยอมลดอายุสัญญาลงให้สิ้นสุดปี 2561 เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานซ้ำซ้อนกับค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัล อสมท.เองนั่นแหละจะยอมเสียสละเงินรายได้ค่าสัมปทานอีก 2 ปีคือปี 2562-63 ปีละประมาณ 250 ล้านบาท โดยไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยนเหมือนกับช่อง 5 ได้อย่างไร อีกประเด็นที่สำคัญมากคือแนวทางแผนการยุติออกอากาศระบบอะนาล็อกของแต่ละช่องไม่ตรงกัน ไทยพีบีเอสเป็นสถานีเดียวที่เสนอแผนยุติการส่งสัญญาณอนาล็อกแบบทยอยยุติในแต่ละพื้นที่ตั้งแต่ปีนี้ที่เริ่ม 3 สถานี , ปี2559 25 สถานี, ปี 2560 21 สถานี และปี 2561 3 สถานี กรมประชาสัมพันธ์ ยุติการออกอากาศทุกสถานีพร้อมกันภายในปี 2560 แต่ อสมท.จะยุติพร้อมกันทุกสถานีภายในปี 2561 ในขณะที่ช่อง 5 กลับทำเป็น 2 ขยักเริ่มยุติการออกอากาศอนาล็อก 4 สถานีในปี 2560 และสถานีที่เหลือ 37 สถานีในปี 2561 ประชาชนในแต่ละพื้นที่คงจะสับสนอลหม่านถึงขั้นโกลาหลแน่ ถ้าไม่ได้นำคูปองไปแลกกล่องรับสัญญาณหรือไม่ได้ติดตั้งจานดาวเทียม หากแต่ละพื้นที่ยุติการออกอากาศระบบอะนาล็อกไม่พร้อมกัน จะทำให้เกิดภาวะจอดำในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน กรรมการ กสท.และที่ปรึกษา กสท.ได้ใช้เงินไปดูงานต่างประเทศในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาหลายร้อยล้านบาท รวมทั้งประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่าจากระบบอนาล็อกไปสู่ดิจิทัลเสร็จสิ้นแล้ว แต่ละประเทศมีบทเรียนต่างกัน น่าจะมานำเสนอให้กับสาธารณชนทราบเพื่อร่วมแสดงความเห็น ประเทศเยอรมันใช้วิธีทยอยยุติการออกอากาศแบบอนาล็อกของทุกช่องพร้อมกันในแต่ละโซนย่อยๆ บางประเทศใช้วิธียุติการออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศในวันเดียวกัน ฯลฯ การขยายโครงข่ายภาคพื้นดินของผู้ถือใบอนุญาตทุกรายควรจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดพื้นที่ยุติการออกอากาศอนาล็อก เมื่อได้สำรวจแล้วว่าประชาชนในพื้นที่นั้นๆสามารถรับชมทีวีดิจิทัลได้อย่างทั่วถึงทุกครัวเรือนแล้วจริงๆ ทั้งแบบภายในอาคารและในรถเคลื่อนที่ได้ นั่นหมายความว่าผู้ถือใบอนุญาตโครงข่ายจะต้องเร่งลงทุนสถานีย่อยและสถานีเสริมไปตามแผนยุติออกอากาศอนาล็อกของทุกสถานี กสท.ควรจะเริ่มต้นกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกสู่ดิจิทัลแบบง่ายๆ ด้วยการปล่อยมือบ้างเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามามีส่วนร่วมจริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นกรรมการแบบ “พระอันดับ” อยู่ในคณะอนุกรรมการเปลี่ยนผ่าน จากอนาล็อกสู่ดิจิทัลที่ได้ตั้งขึ้นเมื่อเดือนมี.ค. 2557 แล้วจัดประชุมเดือนละครั้งได้สัก 5-6 ครั้งเท่านั้น ปีนี้คณะอนุกรรมการชุดนี้ยังไม่เคยมีการเรียกประชุมอีกเลยโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งๆ ที่มีปัญหามากมายเกิดขึ้นในช่วง 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมาของการออกอากาศทีวีดิจิทัล กสท.ควรจะเสนอคณะรัฐมนตรี หรือคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกสู่ดิจิทัล” ระดับชาติมีนายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนเป็นประธาน เพื่อใช้อำนาจที่มีขอบเขตกว้างขวางกว่า กสทช. สั่งการในเชิงนโยบายให้หน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้เข้ามามีส่วนร่วม เช่น กลไกกระทรวงมหาดไทยที่เข้าถึงทุกครัวเรือนทุกพื้นที่ในประเทศไทย น่าจะช่วยกระจายคูปองหรือกล่องรับสัญญาญาณให้ไปถึง 22 ล้านครัวเรือนจริงๆ ฯลฯ อย่ายอมให้ กสท.ทำงานหวงอำนาจ ดันทุรังเดินหน้าแผนการเปลี่ยนผ่าน เพื่อยุติการออกอากาศแบบอนาล็อกตามลำพังอีกต่อไป มิเช่นนั้นอาจจะกลายเป็นเร่งยุติออกอากาศอนาล็อก เพื่อเปิดทางให้ทีวีดาวเทียมกลายเป็นแพลทฟอร์มหลักของประเทศ แทนระบบทีวีดิจิทัลภาคพื้นดินที่มีเสถียรภาพมากกว่า และลงทุนไปไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท ทั้งจากผู้ถือใบอนุญาต 24 ช่องกับผู้ถือใบอนุญาตโครงข่าย 4 ราย |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กรกฎาคม 2015 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |