*/
<< | ธันวาคม 2014 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 |
พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 339 ได้ยินว่า เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรู ยังอยู่ในพระครรภ์ พระเทวีเกิด การแพ้ท้องถึงขนาดอย่างนี้ว่า โอ หนอ เราพึงดื่มโลหิตพระพาหา เบื้องขวาของพระราชา. พระนางมีพระดําริว่า การแพ้ท้องเกิดขึ้นใน ฐานะอันหนัก ไม่อาจบอกให้ใครทราบได้ เมื่อไม่อาจบอกได้ จึงซูบ ผอมผิวพรรณซีดลง. พระราชาตรัสถามพระนางว่า "แน่ะนางผู้เจริญ
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 340 ร่างกายของเธอมีผิวพรรณไม่ปรกติ มีเหตุอะไรหรือ." ทูลว่า " โปรด อย่าถามเลย ทูลกระหม่อม." รับสั่งว่า " แน่ะพระนาง เมื่อไม่อาจบอก ความประสงค์ของเธอแก่ฉัน เธอจักบอกแก่ใคร" ดังนี้ ทรงรบเร้า ด้วยประการนั้น ๆ ให้พระนางบอกจนได้ พอได้ทรงทราบเท่านั้นก็รับสั่ง ว่า "พระนางนี่โง่ ในเรื่องนี้เธอมีสัญญาหนักหนา มิใช่หรือ" ดังนั้น จึงรับสั่งให้เรียกหมอมา ให้เอามีดทองกรีดพระพาหา แล้วรองพระโลหิต ด้วยจอกทองคํา เจือด้วยน้ำแล้วให้พระนางดื่ม. เนมิตตกาจารย์ทั้งหลายได้ทราบข่าวดังนั้น พากันพยากรณ์ว่า พระโอรสในครรภ์องค์นี้จักเป็นศัตรูแก่พระราชา พระราชาจักถูกพระ โอรสองค์นี้ปลงพระชนม์. พระเทวีทรงสดับข่าวดังนั้น มีพระดําริว่า "พระโอรสที่ออกจาก ท้องของเราจักฆ่าพระราชา" จึงมีพระประสงค์จะทําลายครรภ์ให้ตกไป เสด็จไปพระราชอุทยานให้บีบพระครรภ์. แต่พระครรภ์ก็หาตกไม่. พระนางเสด็จไปให้ทําอย่างนั้นบ่อย ๆ. พระราชาทรงสืบดูว่า พระเทวีนี้ เสด็จไปพระราชอุทยานเนือง ๆ เพื่ออะไร ทรงทราบเหตุนั้นแล้วจึงทรง ห้ามว่า พระนาง เด็กในท้องของพระนาง ยังไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง เลย พระนางก็กระทําอย่างนี้กะทารกที่เกิดแก่ตนเสียแล้ว โทษกองใหญ่ ของเราดังกล่าวนี้จักกระจายไปทั่วชมพูทวีป ขอพระนางจงอย่ากระทํา อย่างนี้อีกเลย แล้วได้ประทานอารักขา. พระนางเธอได้หมายใจไว้ว่า เวลาตลอดจักฆ่าเสีย. แม้ในเวลาที่ตลอดนั้น พวกเจ้าหน้าที่อารักขาก็ได้ นําพระกุมารออกไปเสีย. สมัยต่อมา พระกุมารเจริญวัยแล้ว จึงนํามา แสดงแก่พระเทวี. พอทอดพระเนตรเห็นพระกุมารเท่านั้น พระนางก็
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 341 เกิดความรักพระโอรส. ฉะนั้นจึงไม่อาจฆ่าพระกุมารนั้นได้. ลําดับต่อมา แม้พระราชาก็ได้พระราชทานตําแหน่งอุปราชแก่พระโอรส. สมัยต่อมา พระเทวทัตอยู่ในที่ลับ คิดว่า พระสารีบุตรก็มี บริษัทมาก พระโมคคัลลานะก็มีบริษัทมาก พระมหากัสสปะก็มีบริษัท มาก ท่านเหล่านี้มีธุระคนละอย่าง ๆ ถึงเพียงนี้ แม้เราก็จะแสดงธุระ สักอย่างหนึ่ง. พระเทวทัตนั้น เมื่อไม่มีลาภ ก็ไม่อาจทําบริษัทให้เกิด ขึ้นได้ จึงคิดว่า เอาละ เราจักทําลาภให้เกิดขึ้น จึงใช้อิทธิปาฏิหาริย์ ทําให้อชาตศัตรูราชกุมารเลื่อมใส ตานนัยที่มาในขันธกะ พอรู้ว่า พระกุมารอชาตศัตรู เลื่อมใสคุ้นเคยยิ่ง ถึงขนาดมาสู่ที่บํารุงของตนทั้งเช้า เย็นพร้อมด้วยบริวารเต็มรถ ๕๐๐ คัน วันหนึ่งจึงเข้าไปหากล่าวว่า ดูก่อน กุมาร เมื่อก่อนพวกมนุษย์มีอายุยืน แต่เดี๋ยวนี้มีอายุน้อย ดูก่อนกุมาร ถ้าอย่างนั้นพระราชกุมารพระองค์จงปลงพระชนม์พระบิดาเสียแล้วเป็น พระราชา. อาตมภาพจักปลงพระชนม์พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วจักเป็นพระ พุทธเจ้า แล้วส่งพระกุมารไปปลงพระชนม์พระบิดา. พระกุมารอชาตศัตรู นั้นหลงเชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้าเทวทัตมีอานุภาพมาก สิ่งที่พระเทวทัตไม่รู้ แจ้งไม่มี จึงเหน็บกฤชที่พระอุรุ มุ่งจะฆ่ากลางวันแสก ๆ มีความกลัวหวาด- หวั่นสะดุ้งตื่นเต้น เข้าไปภายในพระราชฐาน ทําอาการแปลก ๆ มีประการ ดังกล่าวแล้ว. ครั้งนั้นพวกอํามาตย์จับอชาตศัตรูราชกุมารได้ ส่งออกมา ปรึกษาโทษว่า พระกุมารจะต้องถูกประหาร พระเทวทัตจะต้องถูกประหาร และภิกษุพวกพระเทวทัตทั้งหมดจะต้องถูกประหาร แล้วกราบทูลพระ ราชาว่า พวกข้าพระองค์จักกระทําตามพระราชอาชญา. พระราชาทรง ลดตําแหน่งของพวกอํามาตย์ที่ประสงค์ลงโทษประหาร ทรงตั้งพวก
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 342 อํามาตย์ที่ไม่ต้องการให้ลงโทษประหารไว้ในตําแหน่งสูง ๆ แล้วตรัสถาม พระกุมารว่า ลูกต้องการจะฆ่าพ่อเพื่ออะไร. พระกุมารกราบทูลว่า หม่อมฉันต้องการราชสมบัติ พระเจ้าข้า. พระราชาได้พระราชทาน ราชสมบัติแก่พระโอรสนั้น. อชาตศัตรูราชกุมาร บอกแก่พระเทวทัตว่า ความปรารถนาของเรา สําเร็จแล้ว. ลําดับนั้นพระเทวทัตกล่าวกะพระกุมารว่า พระองค์เหมือน คนเอาสุนัขจิ้งจอกไว้ภายในกลองหุ้มหนัง แล้วสําคัญว่าทํากิจสําเร็จ เรียบร้อยแล้ว อีกสองสามวันพระบิดาของพระองค์ทรงคิดว่า พระองค์ ทําการดูหมิ่น แล้วก็จักเป็นพระราชาเสียเอง. พระกุมารถามว่า ถ้า อย่างนั้น ข้าพเจ้าจะทําอย่างไรเล่า. พระเทวทัตตอบว่า จงฆ่าชนิด ถอนรากเลย. พระกุมารตรัสว่า พระบิดาของข้าพเจ้าไม่ควรฆ่าด้วย ศาตรามิใช่หรือ. พระเทวทัตจึงกล่าวว่า จงฆ่าพระองค์ด้วยการตัด พระกระยาหาร. พระกุมารจึงสั่งให้เอาพระบิดาใส่เข้าในเรือนอบ. ที่ชื่อ ว่าเรือนอบ คือเรือนมีควันที่ทําไว้เพื่อลงโทษแก่นักโทษ. พระกุมารสั่ง ไว้ว่า นอกจากพระมารดาของเราแล้ว อย่าให้คนอื่นเยี่ยม. พระเทวีทรงใส่ภัตตาหารในขันทองคําแล้วห่อชายพกเข้าเยี่ยมพระ ราชา. พระราชาเสวยภัตตาหารนั้นจึงประทังพระชนม์อยู่ได้. พระกุมาร ตรัสถามว่า พระบิดาของเราดํารงพระชนม์อยู่ได้อย่างไร. ครั้นทรงทราบ ความเป็นไปนั้นแล้ว ตรัสสั่งห้ามมิให้พระมารดานําสิ่งของใส่ชายพก เข้าเยี่ยม. ตั้งแต่นั้น พระเทวีก็ใส่ภัตตาหารไว้ในพระเมาลีเข้าเยี่ยม. พระ กุมารทรงทราบแม้ดังนั้น รับสั่งห้ามมิให้พระมารดามุ่นพระเมาลีเข้าเยี่ยม.
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 343 ลําดับนั้น พระเทวีทรงใส่ภัตตาหารไว้ในฉลองพระบาททอง ปิดดีแล้ว ทรงฉลองพระบาททองเข้าเยี่ยม. พระราชาดํารงพระชนม์อยู่ ด้วยภัตตาหารนั้น. พระกุมารตรัสถามอีกว่า พระบิดาดํารงพระชนม์อยู่ ได้อย่างไร ครั้นทรงทราบความนั้น ตรัสสั่งห้ามมิให้แม้แต่ทรงฉลอง พระบาทเข้าเยี่ยม. ตั้งแต่นั้นพระเทวีก็ทรงสนานพระวรกายด้วยน้ําหอม แล้วทาพระ วรกายด้วยอาหารมีรสอร่อย ๔ อย่าง แล้วทรงห่มพระภูษาเข้าเยี่ยม. พระราชาทรงเลียพระวรกายของพระเทวีประทังพระชนม์อยู่ได้. พระกุมาร ตรัสถามอีก ครั้นทรงทราบดังนั้นแล้วจึงตรัสสั่งว่า ตั้งแต่นี้ไป ห้าม พระมารดาเข้าเยี่ยม. ต่อแต่นั้น พระเทวีประทับยืนแทบประตูทรงกันแสงคร่ําครวญว่า ข้าแต่พระสวามีพิมพิสาร เวลาที่เขาผู้นี้เป็นเด็ก พระองค์ก็ไม่ให้โอกาส ฆ่าเขา ทรงเลี้ยงศัตรูของพระองค์ไว้ด้วยพระองค์เองแท้ ๆ บัดนี้ การเห็น พระองค์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ต่อแต่นี้ไปหม่อมฉันจะไม่ได้เห็นพระองค์ อีก ถ้าโทษของหม่อมฉันมีอยู่ ขอได้โปรดพระราชทานอภัยโทษด้วยเถิด พระเจ้าข้า แล้วก็เสด็จกลับ. ตั้งแต่นั้นมาพระราชาก็ไม่มีพระกระยาหาร ดํารงพระชนม์อยู่ด้วยความสุขประกอบด้วยมรรคผล ( ทรงเป็นพระ โสดาบัน) ด้วยวิธีเดินจงกรม พระวรกายของพระองค์ก็เปล่งปลั่งยิ่งขึ้น. พระกุมารตรัสถามว่า แน่ะพนาย พระบิดาของเรายังดํารงพระชนม์ อยู่ได้อย่างไร ครั้นทรงทราบว่า ยังดํารงพระชนม์อยู่ได้ด้วยวิธีเดิน จงกรม พระเจ้าข้า ซ้ำพระวรกายยังเปล่งปลั่งยิ่งขึ้นอีก จึงทรงพระดําริ ว่า เราจักติดมิให้พระบิดาเดินจงกรมได้ในบัดนี้ ทรงบังคับช่างกัลบก
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 344 ทั้งหลายว่า พวกท่านจงเอามีดโกนผ่าพระบาททั้ง ๒ ของพระบิดาของเรา แล้วเอาน้ำมันผสมเกลือทา แล้วจงย่างด้วยถ่านไม้ตะเคียนซึ่งติดไฟคุไม่มี เปลวเลย แล้วส่งไป. พระราชาทอดพระเนตรเห็นพวกช่างกัลบก ทรง ดําริว่า ลูกของเราคงจักมีใครเตือนให้รู้สึกตัวแน่แล้ว ช่างกัลบกเหล่านี้ คงจะมาแต่งหนวดของเรา. ช่างกัลบกเหล่านั้นไปถวายบังคมแล้วยืนอยู่ ครั้นถูกตรัสถามว่า มา ทําไม จึงกราบทูลให้ทรงทราบ พระราชาพิมพิสารจึงตรัสว่า พวกเจ้าจง ทําตามใจพระราชาของเจ้าเถิด พวกช่างกัลบกจึงกราบทูลว่า ประทับนั่งเถิด พระเจ้าข้า ถวายบังคมพระเจ้าพิมพิสารแล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้สมมติเทพ พวกข้าพระองค์จําต้องทําตามพระราชโองการ ขอพระองค์ อย่าทรงพิโรธพวกข้าพระองค์เลย การกระทําเช่นนี้ไม่ควรแก่พระราชา ผู้ทรงธรรมเช่นพระองค์แล้วจับข้อพระบาทด้วยมือซ้าย ใช้มือขวาถือ มีดโกนผ่าพื้นพระบาททั้ง ๒ ข้าง เอาน้ำมันผสมเกลือทา แล้วย่างด้วย ถ่านเพลิงไม้ตะเคียนที่กําลังคุไม่มีเปลวเลย. เล่ากันว่า ในกาลก่อน พระราชาพิมพิสารได้ทรงฉลองพระ บาทเข้าไปในลานพระเจดีย์ และเอาพระบาทที่ไม่ได้ชําระเหยียบเสื่อกกที่ เขาปูไว้สําหรับนั่ง นี้เป็นผลของบาปนั้น. พระราชาพิมพิสารทรงเกิดทุกขเวทนาอย่างรุนแรง ทรงรําลึก อยู่ว่า อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม อโห สงฺโฆ เท่านั้น ทรงเหี่ยว แห้งไปเหมือนพวงดอกไม้ที่เขาวางไว้ในลานพระเจดีย์ บังเกิดเป็นยักษ์ ชื่อชนวสภะ เป็นผู้รับใช้ของท้าวเวสสวรรณในเทวโลกชั้นจาตุมหาราช.
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 345 และในวันนั้นนั่นเอง พระโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรูก็ประสูติ. หนังสือ ๒ ฉบับ คือข่าวพระโอรสประสูติฉบับหนึ่ง ข่าวพระบิดาสวรรคต ฉบับหนึ่ง มาถึงในขณะเดียวกันพอดี. พวกอํามาตย์ปรึกษากันว่า พวกเราจักทูลข่าวพระโอรสประสูติก่อน จึงเอาหนังสือข่าวประสูตินั้นทูนถวายในพระหัตถ์ของพระเจ้าอชาตศัตรู. ความรักลูกเกิดขึ้นแก่พระองค์ในขณะนั้นทันที ท่วมไปทั่วพระวรกายแผ่ ไปจดเยื่อในกระดูก. ในขณะนั้นพระองค์ได้รู้ซึ้งถึงคุณของพระบิดาว่า แม้เมื่อเราเกิด พระบิดาของเราก็คงเกิดความรักอย่างนี้เหมือนกัน. จึงรีบ มีรับสั่งว่า แน่ะพนาย จงไปปล่อยพระบิดาของเรา. พวกอํามาตย์ทูลว่า พระองค์สั่งให้ปล่อยอะไร พระเจ้าข้า แล้วถวายหนังสือแจ้งข่าวอีกฉบับ หนึ่งที่พระหัตถ์. พอทรงทราบความเป็นไปดังนั้น พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงกันแสง เสด็จไปเฝ้าพระมารดา ทูลว่า ข้าแต่เสด็จแม่ เมื่อหม่อมฉัน เกิด พระบิดาของหม่อมฉันเกิดความรักหม่อมฉันหรือหนอ พระนาง เวเทหิมีรับสั่งว่า เจ้าลูกโง่ เจ้าพูดอะไร เวลาที่ลูกยังเล็กอยู่ เกิดเป็น ฝีที่นิ้วมือ ครั้งนั้นพวกแม่นมทั้งหลายไม่สามารถทําให้ลูกซึ่งกําลังร้องไห้ หยุดร้องได้ จึงพาลูกไปเฝ้าเสด็จพ่อของลูกซึ่งประทับนั่งอยู่ในโรงศาล เสด็จพ่อของลูกได้อมนิ้วมือของลูกจนฝีแตกในพระโอษฐ์นั้นเอง ครั้งนั้น เสด็จพ่อของลูกมิได้เสด็จลุกจากที่ประทับ ทรงกลืนพระบุพโพปนพระ โลหิตนั้นด้วยความรักลูก เสด็จพ่อของลูกมีความรักลูกถึงปานนี้. พระเจ้าอาชาตศัตรูทรงกันแสงคร่ำครวญ ได้ถวายเพลิงพระศพพระบิดา. ฝ่ายพระเทวทัตเข้าเฝ้าพระเจ้าอชาตศัตรูทูลว่า มหาบพิตร พระองค์ จงสั่งคนที่จักปลงชีวิตพระสมณโคดม แล้วสั่งคนทั้งหลายที่พระเจ้า-
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 346 อชาตศัตรูพระราชทาน ตนเองขึ้นเขาคิชฌกูฏ กลิ้งศิลาก็แล้ว ให้ ปล่อย ช้างนาฬาคิรีก็แล้ว ด้วยอุบายไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ไม่อาจปลง พระชนม์พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ ก็เสื่อมลาภสักการะ จึงขอวัตถุ ๕ ประการ เมื่อไม่ได้วัตถุ ๕ ประการนั้นก็ประกาศว่า ถ้าอย่างนั้น จักให้ มหาชนเข้าใจเรื่องให้ตลอด จึงทําสังฆเภท เมื่อพระสารีบุตรและพระ โมคคัลลานะพาบริษัทกลับแล้ว จึงรากเลือดออกร้อนๆ นอนอยู่บนเตียง คนไข้ ๙ เดือน เดือดร้อนใจ ถามว่า เดี๋ยวนี้พระศาสดาประทับอยู่ที่ ไหน ครั้นได้รับตอบว่า ในพระเชตวัน จึงกล่าวว่า พวกท่านจงเอา เตียงหามเราไปเฝ้าพระศาสดา เมื่อเขาหามมา เพราะมิได้กระทํากรรมที่ ควรจะได้เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงถูกแผ่นดินสูบที่ใกล้สระโบกขรณี ในพระเชตวันนั่นเอง ลงไปอยู่ในมหานรก. นี้เป็นความย่อในเรื่องนี้. ............ คลิกดู ศรัทธา_ทางรอดทางเดียวที่สัตว์ข้ามพ้นได้ยาก |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |