ปลาซีลาแคนธ์ ถือเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดของอาณาจักรสัตว์ในยุคปัจจุบันนี้ โดยเรื่องราวต่างๆของปลาซีลาแคนธ์ได้ถูกกล่าวขานกันเป็นอย่างมากในวงศ์การวิทยาศาสตร์ อีกทั้ง ยังจุดประกายให้นักวิทยาศาสตร์ ตื่นตัวกับการค้นพบปลาชนิดนี้ ปลาซีลาแคนธ์กล่าวได้ว่าเป็นฟอสซิลที่ยังมีชีวิต เนื่องจากรูปร่าง ลักษณะ มีความคล้ายคลึงกับปลาในยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ไดโนเสาร์กำลังครองโลกอยู่ ปลาซีลาแคนธ์ เป็นปลาที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของสายวัฒนาการของปลาในยุคปัจจุบัน ด้วยรูปแบบที่ยังคงคล้ายคลึงกับปลาดึกดำบรรพ์นั้นไว้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันซีลาแคนธ์ถูกจัดอยู่ในสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งยวด แต่อย่างไรก็ตามได้ ทั้ง 2 ชนิดนี้ ถูกบรรจุอยู่ในบัญชี CITES แล้ว ปริศนาแห่งการวิวัฒนาการ ปลาซีลาแคนธ์ เป็นปลาเพียงกลุ่มเดียว ที่ยังหลงเหลือมาจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งครั้งหนึ่งพวกมันเคยมีอยู่อย่างมากกมาย และหลากหลายสายพันธุ์ แต่พวกมันไม่ได้มีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบันได้ทั้งหมด ซึ่งพวกเราเชื่อกันว่ามันสูญพันธุ์ไปตั้งแต่เมื่อ สิ้นยุค Cretaceous เมื่อ 65 ล้านปีก่อน ปลาซีลาแคนธ์ จัดได้ว่าเป็นญาติกับ Eusthenopteron ซึ่งเป็นปลาในยุคเริ่มแรกที่มีขา และเริ่มที่จะวิวัฒนาการมาเป็นพวกสัตว์บก แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้เสนอแนวคิดใหม่ที่ว่า Icthyostega Panderirchthyes และ Acanthotega เป็นบรรพบุรุษของ Tetrapod (สัตว์ 4 เท้า เช่นพวก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ, สัตว์เลื้อยคลาน, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงมนุษย์ด้วย) แต่แนวคิดนี้ก็ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่า ปลาซีลาแคนธ์ มีความใกล้ชิด และ เกี่ยวข้องกับปลา Rhipidistai มากกว่า Tetrapod สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ อีกทั้งยังมีปลาอีกชนิดหนึ่งที่เป็นปลาดึกดำบรรพ์ด้วยเช่นกันที่มีความเกี่ยวข้องกับ Tetrapod มากกว่าปลาซีลาแคนธ์ ซึ่งก็คือปลาปอด (Lung fish) ซึ่งยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบันอยู่ 3 สกุล ฟอสซิลปลาซีลาแคนธ์ดึกดำบรรพ์ สามารถพบได้ในทุกทวีปยกเว้นทวีป Antarctica ในช่วง 200 ล้านปีก่อน พวกนั้นมีกันมากกว่า 30 ชนิด ที่อาศัยอยู่ในช่วงเวลานั้น ถือว่าเป็นยุคทองของปลาซีลาแคนธ์เลยก็ว่าได้ มีอยู่ 3 ชนิดจากทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในน้ำจืด โดยมีอยู่ 2 ชนิดที่ไม่นับรวมเป็นปลาซีลาแคนธ์โบราณเนื่องจากว่า ทั้ง 2 ชนิดนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก น้อยตัวที่จะมีขนาดใหญ่กว่า
เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 410 ล้านปีก่อนที่ ปลาซีลาแคนธ์ดึกดำบรรพ์ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของยุค Devonian ปลาซีลาแคนธ์ยุคนั้นยังเป็นปลากระดูกอ่อน ซึ่งภายในกระดูกสันหลังประกอบด้วยท่อที่เป็นกระดูกอ่อนที่บรรจุของเหลวอยู่ภายใน ซึ่งสามารถโค้งงอได้ Hollow fin spine ซึ่งพบในฟอสซิลเป็นที่มาของชื่อ ซีลาแคนธ์ (Coelacanth) ซึ่งมีความหมายในภาษากรีกว่า Hollow spine ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างจาการที่ไม่มีขากรรไกร มาเป็น มีเหงือกหลักแบบบานพับ และมีกะโหลกที่แข็งแรง (ปลาในสมัยก่อนหน้านี้ กระดูกจะหุ้มส่วนหัวอยู่ภายนอก จนดูเหมือนใส่เกราะ เพื่อป้องกันส่วนหัวไม่ให้ได้รับอันตราย) ฟันถูกจัดวางบริเวณสันของขากรรไกรล่าง และฟันบนอยู่บริเวณเพดานปาก (ถือได้ว่าเป็นขากรรไกรแท้จริง) สมองมีขนาดเล็กอยู่ภายในกะโหลกแข็ง กระดูกพับบริเวณส่วนกลางช่วยขยายขนาดของปาก เพื่อใช้ในการกินอาหาร (ลักษณะเช่นนี้พบได้ในสัตว์จำพวกกบ) ตาได้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น โดยมีเซลล์สะท้อนแสงที่เรียกว่า tapila เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการมองในที่มืด, (Chamber heart pump blood)ห้องของหัวใจเป็นต้นแบบของมนุษย์ยุคปัจจุบัน บริเวณจมูกมีรอยเว้า 3 รอยแต่ละข้าง ซึ่งช่องนี้จะเรียกว่า Rostal Organ ภายในเต็มไปด้วยเจล อวัยวะส่วนนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องรับกระแสไฟฟ้า (Electro receptor) เพื่อใช้ในการหาตำแหน่งของเหยื่อ, เส้นข้างลำตัวที่รับแรงสั่นสะเทือนจะพัฒนาไปเป็นส่วนรับสัมผัส (Ploximity) ในปลาชนิดอื่นๆ ซึ่งใช้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่ จังไม่เป็นที่สงสัยเลยว่ามันจะมีประโยชน์แค่ไหนเมื่อพวกมันว่ายผ่านเข้าไปยังถ้ำใต้ทะเล ปลาซีลาแคนธ์มีครีบหลัง 2 คู่ และยังมีครีบอีกอีก 1 ครีบบริเวณช่วงข้อต่อของส่วนหาง โดยครีบ 2 คู่แรกจะอยู่ตรงครีบอก และครีบตรงเชิงกราน ครีบเหล่านี้จะเป็นลักษณะพูเนื้อมีกระดูกเป็นแกนอยู่ภายในคล้ายกับ Eusthenopteron ซึ่งต่อมาจะพัฒนาไปเป็นแขนและขา ในพวกสัตว์บก อย่างไรก็ตามปลาซีลาแคนธ์ยังไม่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่จะใช้ในการเดินใต้พื้นทะเล. ครีบอกและครีบบริเวณเชิงกราน จะเป็นรูปแบบ pre-adaption (รูปแบบดั้งเดิมก่อนจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอวัยวะที่ใช้เคลื่อนไหวบนบก). การใช้ประโยชน์ครีบเหล่านี้ในน้ำนั้นนอกจากจะใช้เดินใต้พื้นทะเลแล้ว ยังใช้ในการคอยรักษาความนิ่ง ความสมดุล แต่ในญาติของปลาซีลาแคนธ์ Eusthenopteron จะทำหน้าที่เหมือนเป็นขาทั้ง 4 ข้างเพื่อใช้ในการเดิน เกล็ดของปลาซีลาแคนธ์มีความหนาและเป็นเส้นโดยวางตัวในลักษณะฟันปลาเรียงกันแน่น, การแยกปลาซีลาแคนธ์ออกจากปลาชนิดอื่นทำได้ง่ายเนื่องจากว่า ลักษณะหางของปลาซีลาแคนธ์จะมีลักษณะเป็น 3 พู ซึ่งลักษณะหางแบบนี้ทำให้ช่วยในการวิเคราะห์ตัวอย่างที่มีชีวิตที่พบเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบกับฟอสซิลทำได้ง่ายขึ้น ประชากรของปลาซีลาแคนธ์ พบเฉพาะถิ่นในบริเวณที่เคยถูกคุกคามจากการจับทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจซึ่งเมื่อถูกจับขึ้นมาจะถูกทิ้งไว้ทิ้งบริเวณผิวน้ำซึ่งปลาไม่สามารถกลับลงไปในระดับเดิมได้และตายลงในที่สุด ปัจจุบันปลาซีลาแคนธ์จัดอยู่ในสถานภาพใกล้สูญพันธุ์อย่างวิกฤต (Critically endangered) จากการประเมินประชากรพบว่ามีอยู่ระหว่าง 200-500 ตัว ส่วนชนิดของอินโดนีเซียยังไม่ทราบจำนวน การนับจำนวนที่แน่ชัดของปลาซีลาแคนธ์ ทำได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากถ้ำที่ปลาซีลาแคนธ์อาศัยอยู่นั้นยาวไปตามแถบชายฝั่งตะวันตกของเกาะ Grand Comoro และ จากการสำรวจนั้นพบว่าประชากรของประชากรที่เกาะ Grand Comoro มีจำนวนไม่ถึง 100 ตัว อย่างไรยังมีข้อให้สงสัยกันอยู่ว่า จำนวนประชากรที่อยู่ในเกาะใกล้เคียงนั้นจะมีอยู่เท่าใด และเมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานที่ยังไม่เป็นที่ยืนยันว่า พบปลาซีลาแคนธ์เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น ปลาซีลาแคนธ์ทั้งสองชนิด (ชนิดที่พบที่โคโมรอส และ ชนิดที่พบสุลาเวสี) พบใหญ่สุด บันทึกการค้นพบปลาซีลาแคนธ์
2-3 วันก่อนคริสมาสต์ในปี 1938 ปลาซีลาแคนธ์ได้ถูกจับขึ้นมาได้จากปากแม่น้ำ Chalumna ทางชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกาใต้ ปลาถูกจับได้ในตาข่ายดักฉลาม โดย กัปตันเฮนดริค กูเซ่น (Capt. Hendric Goosen) และลูกเรือ พวกเขาคิดว่าปลาที่จับได้นี้แปลกประหลาดมากเขาจึงแจ้งไปยังพิพิธพันธ์ท้องถิ่นในเมืองเล็กๆในแอฟริกาใต้ 22 ธันวาคม 1938 Courtney-Latimer ได้รับสายโทรศัพท์จาก กูเซ่น ที่ท่าเรือซึ่งได้ลากปลาแปลกประหลาดขนาดใหญ่ขึ้นมาใกล้กับปากแม่น้ำ Chalumna Courtney Latimar ไม่รู้ว่าเป็นปลาอะไร แต่เธอสังหรณ์ใจว่าควรเก็บมันไวที่โรงพยาบาลในห้องเก็บศพ เธอได้ส่งภาพสเก็ตและรายละเอียดไปให้ J.L.B Smith หลังจากนั้นเธอได้รับจดหมายจาก Smith ตอบกลับมาว่าภาพวาดของเธอนั้นเป็นปลาซีลาแคนธ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อกว่า 80 ล้านปีก่อน Smith ได้แจ้งไปยัง Courtney ให้เก็บรักษาตัวอย่างปลานี้ไว้ แต่ว่าข้อความนั้นมาช้าไปทำให้อวัยวะภายในของปลาซีลาแคนธ์นั้นเริ่มเน่าเสีย และเมื่อ ปลาชนิดนี้ต่อมาได้ได้ชื่อว่า Latimeria chalumnae เพื่อเป็นเกียรติแก่ Courtney latimiar ผู้ซึ่งพบปลาชนิดนี้เป็นคนแรก และแหล่งน้ำที่พบมัน ปลาตัวนี้ได้ถูกยืนยันว่าเป็นฟอสซิลที่ยังมีชีวิต ในปี 1997 Arnaz Menta Erdmann และสามีของเธอ Mark ได้เดินเล่นบริเวณตลาดกลางแจ้งใน ManadoTua เมืองที่อยู่ปลายเกาะ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1998 ปลาซีลาแคนธ์ได้ถูกจับขึ้นอีกครั้งหนึ่งในตาข่ายดักฉลามบริเวณทะเลลึก โดยชาวประมงท้องถิ่นห่างจากเกาะภูเขาไฟของ Manado Tua ทางเหนือของ สุลาเวสี อินโดนีเซีย ซึ่งที่ที่พบนี้อยู่ทางตะวันออกของ มหาสมุทรอินเดียตะวันตกไปประมาณ ปัจจุบันปลาซีลาแตนธ์ถูกใช้เป็นตัวอย่างเพื่อการจัดแสดงและวิจัย (ตัวอย่างดอง) ในพิพิธภัณฑ์ อย่างน้อย 74 ตัว ถูกเก็บไว้ในสถาบันต่าง ๆ ทั่วโลก และเชื่อว่าของเหลวในแกนสันหลังของปลาทำยาอายุวัฒนะได้ จึงถูกสั่งซื้อโดยประเทศจีน ไต้หวัน ปลามีราคาสูงถึง 500-2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาดจีน และ ไต้หวัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าปลาซีลาแคนธ์คงจะดำเนินชีวิตอยู่ในท้องทะเลไปอีกนานแสนนานโดยไม่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์โดยน้ำมือมนุษย์เหมือนสัตว์ชนิดอื่นน่ะครับ http://www.nicaonline.com/articles8/site/view_article.asp?idarticle=90+ + http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=ancplanet&date=16-02-2007&group=2&gblog=2 |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | มกราคม 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |