ระยะเวลา 5 วัน นำพาฉันผ่านเส้นทางหลายจังหวัด ลพบุรี นครสวรรค์ พิษณุโลก พิจิตร จนถึงเพชรบูรณ์ ฉันได้แวะท่องเที่ยวทักทายกับประสบการณ์ใหม่ๆทั้งที่น่าประทับใจมาก ประทับใจน้อย และไม่ประทับใจปะปนกันไป แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ส่งผลให้ฉันรู้สึกผิดหวังกับเป้าหมายที่ตั้งใจ นั่นคือการแบกสุดที่รักติดหลังไปเพื่อบันทึกภาพเก็บไว้ในทุกมุมมองที่สายตาฉันตวัดไปถึง 

การเดินทางไปคราวนี้ฉันกระหายที่จะได้เห็นทะเลหมอกและกดชัตเตอร์เก็บภาพอันงดงามของเขาค้อไว้ด้วยปลายนิ้วของตัวเองสักครา แต่ฉันก็ผิดหวังจนได้ เมื่อคนนำทางวางโปรแกรมให้เราไปถึงเขาค้อเสียสายโด่ ถึงแม้จะได้นอนพักค้างที่อิมพีเรียล แกรนด์ฮิลล์ รีสอร์ท แต่วันรุ่งขึ้นรถก็มารับเอาตอน 8 โมงเช้า แทนที่จะเป็นตีห้าที่ฉันพยายามถ่างตาตื่น

โธ่เอ๊ย...แล้วทะเลหมอกที่ไหนมันจะรอฉันไหว  นั่นคือความผิดหวังที่ทำให้ฉันถึงขนาดกลืนกินอาหารเช้าอันหลากหลายของรีสอร์ทแทบไม่ลง เพราะความเซ็งในหัวใจ

แต่ก็เหมือนฟ้าประทานสิ่งชดเชยทดแทน เมื่อรถพาเราเดินทางไปถึงพุทธสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง...

ซึ่งทำให้ฉันตื่นตะลึง และถ่ายภาพด้วยความสุขจนลืมความผิดหวังเรื่องทะเลหมอกไปจนหมดสิ้น!!

ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์  "พระธาตุผาแก้ว" ตั้งตระหง่านเผยพลังแห่งความศรัทธาอยู่บนยอดทิวเขาอันสูงลิบๆ โดยมีภูเขาขนาดใหญ่ซ้อนเรียงรายโอบรอบพระธาตุอย่างงดงาม ระยะทางที่เดินไต่ขึ้นไปไม่ได้ยากลำบากอะไรสำหรับคนแรงน้อยใจไม่สู้อย่างฉัน เพราะพื้นดินได้ถูกจัดเกลี่ยให้เรียบสะดวกไร้หลุมรอยขรุขระ ทางเดินส่วนหนึ่งเป็นผิวดินที่อัดแน่น แล้วทอดต่อเชื่อมไปถึงบันไดสวรรค์ ที่สร้างจากปูนแต่ประดับประดาด้วยเซรามิคหลากสีสันจนเกิดความแวววาว มองไปประดุจเพชรนิลจินดายามเมื่อแสงเเดดส่องสะท้อน

ฉันเริ่มรู้สึกว่าแผ่นหลังเริ่มเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ จากความร้อนแรงของแสงแดดยามบ่าย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันเหน็ดเหนื่อยจนต้องถอดใจเลยแม้แต่น้อย คงเพราะระหว่างทางเดินขึ้นไปให้ถึงพระธาตุ เราสามารถหมุนตัวถ่ายรูปได้รอบทิศ มองไปมุมไหนก็โดนธรรมชาติชวนเชิญให้ถ่ายรูปไปเสียหมด  ทำให้ฉันเกิดความเพลิดเพลินจนลืมเรื่องระยะทางและความร้อนไปหลายอึดใจ 

โชคดีเหลือเกินที่วันนี้มีเพียงกรุ๊ปของเราเดินทางมากราบนมัสการ ภาพที่ออกมาจึงไม่เห็นผู้คนเดินบดบังรบกวนความสง่างามของพระธาตุ มันทำให้ฉันมีเวลาจัดองค์ประกอบภาพอย่างสบายๆโดยไม่ต้องมีคนเดินผ่านหรือยืนเกะกะรกสายตา  นี่ถ้ามาตอนช่วงสิ้นปีซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวคงไม่ได้ภาพที่ตั้งใจแน่ๆ

..

..

..

ได้ชื่นชมพระธาตุผาแก้วกันแล้ว เรามาลองทำความรู้จักที่มาที่ไปกันบ้างดีมั้ยคะ ว่าใครนะช่างเสกสรร ช่างมีความมานะพยายามสร้างสิ่งอัศจรรย์อันสวยงามนี้ไว้ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่งดงาม และเขาสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใด

ประวัติความเป็นมา

วัดพระธาตุผาแก้ว ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ในนาม"พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว" ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัดในมงคลนามว่า"วัดพระธาตุผาแก้ว"เมืีอวันที่ 1 ก.ค. 2553 จากคณะกรรมการมหาเถรสมาคม โดยมีพระครูสังฆรักษ์ ปารมี สุรยุทโธ เป็นเจ้าอาวาส

วัดพระธาตุผาแก้ว ตั้งอยู่ในชัยภูมิธรรม ณ. บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่

พระครูสังฆรักษ์ปารมี สุรยุทโธ และ พระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส สองครูบาอาจารย์คู่บุญคู่บารมี ร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์และเหล่าผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วประเทศได้ร่วมกันจัดสร้างเสนาสนะ กุฏิที่พักสงฆ์ อาคารปฎิบัติและบรรยายธรรม รวมถึงอาคารที่พักของผู้มาภาวนาเพื่อรองรับคณะผู้มีจิตศรัทธาจากทุกแห่งหนทีหลั่งไหลกันเข้ามาอบรมภาวนาในแนวสติปัฎฐานสี่ แห่งองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากันอย่างต่อเนื่อง  เป็นที่ปิติยินดียิ่งของครูบาอาจารย์กับเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ..สละทั้งแรงกายและแรงทรัพย์ในการจัดสร้าง และสมกับคุณค่าแห่งความเสียสละ ความอุตสาหะ วิริยะ และมุ่งมั่นตั้งใจที่ได้ตั้งไว้โดยชอบแล้ว...

สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า "ผาซ่อนแก้ว" และพุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า "พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว" เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป

วัตถุประสงค์การสร้าง

เพื่อเป็นที่สอนปฏิบัติการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงชี้ว่าเป็นทางสายเอกที่นำไปสู่ความบริสุทธิ์ของกายและใจ ความดับทุกข์ การเข้าถึงมรรคและพระนิพพาน

วัดพระธาตุผาแก้ว เป็นที่วิเวกสงบโอบล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงาม ซึ่งความเบิกบานของธรรมชาติ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดสมาธิ เรียกว่าความสุขเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธิ สมาธิเป็นเหตุใกล้ให้เกิดปัญญา ซึ่งศาสนาพุทธล้วนเป็นกระบวนการของเหตุปัจจัย ดังนั้น สถานที่แห่งนี้จึงสร้างให้เหมาะกับเหตุปัจจัย ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่จะช่วยน้อมนำมาสู่ธรรมชาติภายในของตัวเอง

ขอบคุณข้อมูลจากคณะศิษย์ผู้จัดทำ
http://www.phasornkaew.org/history/phasornkaew

..

..

..

..

..

..

..

อากาศร้อน แดดจัดเปรี้ยง
แต่ใจเรากลับอิ่มสุขเเละเย็นฉ่ำ
ขอบคุณหน้าต่างบานใหญ่
ที่ให้ฉันได้มองเห็นสิ่งสวยงาม
ที่ซ่อนตัวในโลกกว้าง
และขอบคุณโอเคเนชั่น ที่ทำให้ฉันมองเห็นพวกคุณเสมอ

ภาพและเรื่อง...VitaMin B
กล้อง...Canon 550 D
เลนส์canon EF 17-40 /4L (ตามคำแนะนำของป๋าโด่ง)
CPL 77m
(อยากให้นักถ่ายภาพช่วยวิจารณ์พร้อมให้คำแนะนำด้วยค่ะ)