.

OishI : เที่ยวทั่วไทยไปยกแก๊งค์ วันที่ 2

.

วันนี้มาต่อจากตอนที่แล้ว((อยากทราบตอนต่อไปกันมากเลย ใช่ป่ะคะ ^^)

หลังจากพักผ่อนกันเต็มที่ ที่โรงแรม เอกไพลิน เช้าอันสดใสหลังจากเติมพลัง(กันเต็มที่ด้วย ไข่คน 1 ที่ ใส้กรอก 8 ชิ้น แฮม4 ชิ้น หนมปังปิ้งทาแยม-เนยเป็นมาการีนค่ะ เลยขอบาย- กาแฟ 2 แก้ว น้ำดื่มแก้วนึง .. ยังไม่จบ .. ข้าวต้ม 1 ถ้วย ไก่กับเต้าหู้ผัดกระเทียม จับฉ่าย)กันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็พร้อมออกเดินทาง ^^ สู่จุดหมายแรกของวันนี้ วัดป่าหลวงตาบัว เห็นน้องอาร์ท ไกด์ของเราบอกว่า ท่านเจ้าอาวาสเป็นลูกศิษย์ ของหลวงตาบัว ท่านมาตั้งวัดที่นี่ แล้วอยู่มาก็มีบุญ ปาฏิหาริย์ มีเสือโคร่ง มาสวามิภักดิ์ เอ้ย เข้ามาอาศัยใต้ร่มบุญ ท่านก็เลยเลี้ยงมาเรื่อย จนตอนนี้ท่านตั้งใจจะสร้างเป็นสวนเสือเลยทีเดียว จากการไปเยี่ยมเยือน พบว่าสัตว์ป่าอันได้แก่ กวาง หมูป่า วัวพันธุ์ จนกระทั่งม้า อยู่ร่วมกันผู้คนในสังฆาฐานแห่งนี้แบบ ร่วมกันจริงๆ คณะเราเดินผ่านม้าตาหวานที่ยืนนิ่งอยู่กลางทางเดิน ลูกทัวร์ พากันถ่ายรูปคู่กับม้าตัวนั้นกันคึกคัก พอเดินต่อไปอีกนิด เราก็เจอกับพ่อพันธุ์วัว(หรือกระทิง ไม่ทราบ พี่แกดูบึกบึนมั่กมากเลย)ยืนรอต้อนรับอยู่

ตอนเดินไปที่ศาลาเพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อ ก็มีวัวพ่อพันธุ์อีกตัวยืนกินฝักของต้นหางนกยูงอยู่ใกล้ๆ คนเมืองอย่างพวกเราเห็นวัว เห็นสัตว์เดินกันเตร็ดเตร่ อยู่ในหมู่ผู้คนก็ตื่นเต้นปนเสียวเล็กๆ ก็แหม ใครจะไปเดาใจพวกพี่เค๊าได้ แถมน้ำหนักตัวก็เกินกว่าพวกเราตั้งเยอะ หมีละเสี้ยวเสียว ;p

จากนั้นเราก็เดินต่อไปยังบริเวณกรงเสือ ตรงนี้เจ้าหน้าที่จะนำเสือโคร่งตัวใหญ่ มาให้พวกเราได้ถ่ายภาพคู่ อีกบริเวณใกล้ๆ กัน เจ้าหน้าที่ก็นำเสือโคร่งรุ่นเล็กมาให้เราถ่ายรูปคู่ด้วยเช่นกัน จริงๆ วันนั้นอากาศร้อนมากๆ ทำให้เสือตัวใหญ่ที่ต้องตกอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ กลิ่นแปลกๆ เต็มไปหมด สักพักก็ออกอาการหงุดหงิด จนมันลุกขึ้นและเอากรงเล็มมหึมาข่วนกับต้นไม้ข้างตัว เป็นที่แตกตื่นอยู่พักนึง แต่ไทยมุงก็ไม่ยั่นนะคะ ถอยออกไปนิดหร่อยเพื่อรอสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปถ่ายรูปต่อได้ แล้วจึงกรูกันเข้าไปรุมล้อมรอถ่ายภาพกับพี่เสือต่อ หน้าตาเฉย -*-

พอเราออกจากวัดป่า จุดหมายต่อไปของทริปก็คือ ปราสาทเมืองสิงห์ ปราสาทหินที่ได้รับการขุดแต่งเรียบร้อย อันนี้ตรงบริเวณตัวปราสาทจะสร้างความลำบากให้กับผู้ท่องเที่ยวที่สูงอายุหน่อยนะคะ คือ การจะเข้าไปชมภายใจตัวประสาทที่รูปสลักของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะต้องปีนขึ้นไปค่ะ และขั้นบันไดก็จะเล็กและชันมาก ทุลักทุเลกันพอสมควร แต่ก็เห็นลูกทัวร์ดูสนุกสนานเฮฮากันดีนะ ใครมีแม่ก็จูงแม่ ใครมีย่ามียายก็ช่วยกันจูง น่ารักดี

สถานีรถไฟถ้ำกระแซ คือที่แวะช่วงสั้นๆ ก่อนมุ่งหน้าไปทานอาหารกลางวันกันค่ะ หมีแอนด์เดอะแก๊งค์ เริงร่าท้าแดดกันตอนเดินมุ่งหน้าไปยังถ้ำเมื่อรถจอด แต่พอหมีเดินไปเห็นความหวาดเสียวของเส้นทางรถไฟเท่านั้น หมีก็สต็อปทันทีแล้วบอกกับมุ้ยว่า เด๋วพี่รออยู่ตรงนี้ เรื่องกลัวความสูงนี้ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ หมีนักรบก็กลัวความสูงได้นะคะ @^^@ ภาพบริเวณตรงนี้จึงน้อยนิด อิอิ ด้วยความที่หาที่หยั่งยืนแบบไม่ทำให้ใจเต้นตูมตามได้ยากยิ่งนักจิงๆ

ออกจากถ้ำกระแซ เราแวะทานอาหารกลางวันกันช่วงนึง ก่อนมุ่งหน้าสู่หัวใจของริปนี้ คือ การเยือนโรงถ่ายพร้อมมิตร อันเป็นสถานที่หลักในการใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง สมเด็จพระนเรศวร

เมื่อเราไปถึงเราได้รับการแจ้งให้ทราบว่า เราจะแลกเบี้ย หรือ เงินพดด้วง เพื่อใช้สำหรับจับจ่ายซื้อของตอนอยู่ในตลาดโยเดียจำลอง อันเป็นบริเวณที่คนไทยที่ถูกต้อนยกครัวไปจากอยุธยาเมื่อคราเสียกรุงให้กับพม่า พากันตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ที่บริเวณนี้ บริเวณตลาด จัดให้มีกของกิน ที่พอจะซื้อเพื่อชิมกันเล่นๆ เพลินๆได้ แต่ขนมถ้วยอร่อยเลยนะคะ ^^

เราเดินล่วงไปยังบริเวณที่ใช้เป็นฉากวัดของมหาเถรคันฉ่อง(สรพงษ์ ชาตรี)ตรงนี้เลยได้เจอกับ ผู้ที่รับบทเป็นสมเด็จพระนเรศวร และ สมเด็จพระเอกาทศรส ในการเคลื่อนขบวนทัพโชว์ผู้เข้าชม ซึ่งการเคลื่อนขบวนทัพโชว์นี้จะจัดให้มีทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลาประมาณ 16.00 น. หมีว่าโรงถ่ายพร้อมมิตร(และศัตรู อิอิ)เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใช้ได้เลยค่ะ วันนั้นที่ไปกันหมีและคณะอยู่ในนั้นกว่าสองชั่วโมง ยังเดินดูได้ไม่ทั่วเลยค่ะ ยิ่งมีการเคลื่อนทัพที่ตัวแสดงแต่งตัวเหมือนในหนัง ยิ่งน่าดูค่ะ เห็นแว่วว่าปกติค่าบัตรเข้าชมคือ 500 บาท ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนของเบี้ย/พดด้วง คือ อันละ 10 บาท หมีจิ๊กถุงใส่เบี้ยกลับมาบ้านด้วยแหล่ะ(เป็นการกระทำที่ไม่ดีนะคะเด็กๆ ผู้ปกครองควรชี้แนะบุตรหลานของท่าน นะคะ 555)

.

เดินมุ่งหน้าไปกราบท่านเจ้าอาวาส เจอ เจ้าถิ่น ผู้น่าเกรงขามท่านนี้เข้าค่ะ @^^@

.

.

เพราะ เทอเป็นHiso ที่บังแสงแดดของเทอจึงไม่ธรรมดา

.

หนึ่งในแก๊งค์ ไก่กำลังเชคภาพอย่างขมักเขม้นใต้ร่มไม้ ออกไปเชคนอกเงาไม้ไม่ได้เพราะมันมองภาพไม่เห็น

.

ชาวต่างชาติที่เป็นอาสาสมัครอยู่ในส่วนสวนเสือ แกเดินมาสำรวจน้องเสือเด็กๆ ตอนที่ออกโชว์เหมือนจะดูแลไม่ให้น้องเสือเด็กๆ เครียดเกินกับการถูกรุมล้อม เห็นรอยสักแกสะใจดี ^^

.

ที่ประสาทเมืองสิงห์ หมีไม่ทันได้ปีนเข้าไปในองค์ปราสาทกับเขาหรอกค่ะ เดินไปเดินมาถ่ายภาพบริเวณรอบๆ ก็หมดเวลาพอดี

.

.

.

.

.

ตอนนี้ สรุปว่าจะแยกทางกับ LostInSpace ชั่วคราว แต่พอมองๆ ไปก็ได้เห็นว่า มันมีทางเดินเข้าถ้ำที่เลียบหน้าผาไม่หวาดเสียวเลย จึงเดินตามไปสมทบกันกับ เดอะ แก๊งค์ทีหลังได้ค่ะ @^^@

.

หากมองไม่เห็นว่ามีทางเดินเลียบเขาแบบปลอดภัยให้เดินได้ คงไม่มีภาพที่ดูเหมือนท้ามฤตยูนี้ให้เห็น อย่างภาพนี้ น้องอาร์ทไกด์ผู้น่ารักบอกว่า เด๋วผมจัดให้มองมาจากรางนะคับพี่ๆ แล้วพวกเราก็เหงื่อตกรอน้องอาร์ทหามุมเหมาะ 555+

.

.

.

แพคเกจผัดไทย จ๊าบมาก ห่อได้เนียนไปเลย เหมือนบะหมี่รถไฟห่อละห้าบาทเป๊ะเลย ^^

.

*

เงินพดด้วง กับเงินเบี้ยค่ะ(ถุงผ้าใบนี้แหล่ะที่จิ๊กกลับบ้าน ^^)

.

.

กุฏิทางขวาเป็นกุฏิของมหาเถรคันฉ่องค่ะ เรื่องฮาอีกเรื่องของทริปก็คือ เราดูภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งภาค 1 และภาค 2 ในระหว่างที่เราอยู่บนรถค่ะ คุณน้องอาร์ทให้พวกเราลุ้นไปตลอดทางว่า จะได้ดูจบทั้งสองภาคก่อนจบทริปหรือป่าว ;p

.

สองนักแสดง ทางขวาคือผู้รับบทเป็นสมเด็จพระนเรศวร และ อีกท่านรับบทเป็นสมเด็จพระเอกาทศรส หมีเห็นแกนั่งตากพัดลมอยู่ เลยยื่นหน้าไปขอถ่ายภาพ แกคงกลัวเลยไม่กล้าปฏิเสธ อิอิ

.

.

.

จบเรื่องราวของ Oishi : เที่ยวทั่วไทยไปยกแก๊งค์ ณ กาญจนบุรี ตามรอยชมโรงถ่ายภาพยนตร์ สมเด็จพระนเรศวร ไว้ที่ตรงนี้ ต้องขอขอบคุณ Oishi มากๆ ที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี น้ำท่า อาหาร ที่พัก และน้องๆ ไกด์ คุณอาร์ท น้องผจก. น้องโอโน่(สุดหล่อ) น้องผู้ช่วย น้องอุ๊มคนน่ารัก ที่ร่วมกันทำให้ทริปนี้เป็นทริปแห่งความประทับใจ อย่าลืมนะคะ เที่ยวทั่วไทย เศรษฐกิจไทยคึกคัก ค่ะ

ปล.อาจมีแถมเฉพาะภาพบรรยากาศประกอบคำบรรยาย นะคะ อันนี้ขึ้นอยู่กับความขี้เกียจเป็นตัวแปรสำคัญ ^^

~~~apooh~~~