Label: Repertoire
Release: 1970

วันหยุดช่วงตรุษจีนทำให้ผมมีเวลาว่างมาปัดฝุ่นบล็อกนี้อีกครั้งครับ เนื่องจากรู้ล่วงหน้าเลยว่าเดือนหน้าจะต้องติดภารกิจทั้งเดือนจนไม่มีเวลาเข้ามาเขียนหรือแม้แต่อ่านบล็อกอย่างแน่นอน T_T

จำได้ว่าคุณนาฬิกาลืมเวลา บล็อกเกอร์เพื่อนบ้านเคยมาเม้นไว้ว่าอยากให้ผมนำอัลบั้ม progressive rock มาแนะนำบ้าง ก็อย่างที่บอกไว้ว่าสองจิตสองใจกลัวบล็อกจะร้าง เพราะอัลบั้มที่เข้าข่ายมักจะมีแต่เพลงยาวๆ อาจจะต้องฟังวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ดื่มด่ำไปกับมัน ต้องยอมปล่อยให้บทเพลงมันค่อยๆซึมเข้าไปในตัวคุณก่อนที่จะหมดความอดทนไปเสียก่อน (ยอมรับครับว่านี่อาจจะฟังดูเกินจริงไปนิดกับบางวงที่นับว่า "เคี้ยวง่าย" สำหรับ prog rock อย่าง Genesis หรือ Jethro Tull -- อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าดนตรีของวงที่เคี้ยวง่ายนั้นฉาบฉวยหรือด้อยคุณภาพกว่า แต่อย่างใด)

ผมอาจจะเคยบอกว่าผมหลงเสน่ห์ของดนตรี krautrock ไว้หลายหนในบล็อกที่ผ่านๆมา แต่ครั้งนี้แหละครับที่จะขอนำอัลบั้มที่จัดอยู่ในดนตรีประเภท(ที่หลากหลายจนหาคำมาจำกัดความได้ยากมาก)นี้มาแนะนำกันสักที

krautrock ถือเป็นคำที่ใช้เรียกวงดนตรี progressive rock ในประเทศเยอรมนีช่วงปลายยุค 60s จนถึง 70s หลายๆวงเริ่มหันมาใช้เสียงสังเคราะห์ต่างๆแทนที่จะนำเครื่องดนตรีและโครงสร้างแบบ jazz หรือ classical มาผสมผสานจนได้ความอลังการแบบวง prog rock หลายๆวงจากฝั่งอังกฤษและอเมริกาที่มีชื่อเสียง

Amon Düül ถือกำเนิดในเมือง Munich เป็นกลุ่มคนที่นำซาวนด์กีต้าร์หลอนๆของ psychedelic rock มาผสมผสานกับเนื้อเพลงที่วิพากษ์วิจารณ์การเมืองและสังคมในช่วงปลายยุค 60s อันเป็นยุคแห่งการเรียกร้องความสันติและเสรีภาพทางความคิด (ใช้คำว่ากลุ่มคนอาจจะเหมาะกับ Amon Düül มากว่าการเรียกพวกเขาว่า วงดนตรี)

เมื่อก่อตั้งมาได้เพียงปีเดียว สมาชิกของ Amon Düül ก็แยกออกมา 3 คนออกอัลบั้มในนาม Amon Düül II (โดยที่ Amon Düül เองก็ยังคงมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง) ซึ่ง Phallus Dei อัลบั้มแรกของพวกเขาในนาม Amon Düül II ก็ถือว่าได้รับการยอมรับในแง่ของคุณภาพ สร้างชื่อเสียงให้กับวงมากกว่าผลงานของสมาชิกที่ยังคงรวมตัวกันในนาม Amon Düül

แม้จะมีสัดส่วนของเพลงที่มีท่อนร้องน้อยลงกว่าเดิม แต่อัลบั้มที่สองที่มีชื่อว่า Yeti ไปได้ไกลกว่าในแง่ของดนตรีและองค์ประกอบโดยรวม ด้วยเสน่ห์ของดนตรี progressive rock ที่มีกลิ่นอาย psychedelic ในแบบฉบับของการด้นสด มีการนำเครื่องดนตรี classical มาใช้ประปรายในเพลง เสียงแบ็คกราวน์ที่งึมงำคล้ายบทสวด บวกกับเนื้อเพลงที่แปลกประหลาด ทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมเป็นบรรยากาศอึมครึม ลึกลับ น่าค้นหา เหมือนเป็นซาวนด์แทร็คประกอบการผจญภัยในนิยายแฟนตาซีดาร์คๆที่มีฉากหลังเป็นยุคอัศวินของทวีปยุโรป (แถมยังมีดนตรีเร่งจังหวะเป็นระยะๆที่เร้าอารมณ์ได้เข้ากันเหลือเกินหากเป็นจุดไคลแม็กซ์ของการผจญภัยนี้) มีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ สงครามทางศาสนา รายรอบด้วยปีศาจ สัตว์ร้าย และแม่มด หน้าปกอัลบั้มเองยังเป็นรูปวาดที่ดูเหมือนมัจจุราช (ที่มีร่างกายเป็นหญิงสาวแต่มีใบหน้าที่ทำให้นึกถึงมนุษย์หิมะ! O_o') กำลังพรากชีวิตใครสักคนไป สีสันขมุกขมัวไม่ชัดเจนราวกับอยู่ในสภาวะกึ่งจริงกึ่งฝันร้าย สีแดงคือเปลวเพลิงที่ร้อนระอุตัดกับฉากหลังสีน้ำเงินเข้มที่เย็นยะเยือก เหมาะเจาะกับอารมณ์ของดนตรีในอัลบั้มที่บรรเลงอย่างมืดหม่น แต่ในบางจังหวะก็ดุดันราวกับเพลิงนั้นระอุขึ้นมา

Yeti กลายเป็นอัลบั้มคู่ที่แผ่นแรกประกอบไปด้วยบทเพลงทั้งหมด 7 แทร็ค (ที่ใช้คำว่าเพลงได้อย่างไม่เต็มปากเพราะว่า แทร็คที่ 1 ที่มีชื่อว่า Soap Shop Rock นั้นยาวเกือบ 14 นาทีและสามารถแบ่งแยกย่อยไปได้เป็น 4 ภาคในแทร็คเดียว) ในขณะที่แผ่นที่ 2 ทางวงใส่กันเต็มที่แบบไม่ยั้งกับดนตรีด้นสดทั้ง 3 แทร็คที่มีความยาวรวมกันเกินครึ่ง ชม. ได้ เมื่อเทียบกับจำนวนอัลบั้มซึ่งนี่ถือเป็นอัลบั้มที่ 2 ของพวกเขาเท่านั้น ในเมืองไทยเอง เท่าที่ผมนึกออกก็มีวงพรู ที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดทำเป็นอัลบั้มคู่ออกมาแบบนี้

แม้แต่อัลบั้มลำดับถัดมาอย่าง Tanz der Lemminge ที่ได้รับการยอมรับในระดับใกล้เคียงกันก็ยังออกมาในลักษณะของซีดี2แผ่น ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของวงดนตรีที่ลึกลับวงนี้ ในเวอร์ชั่น reissue ของอัลบั้ม Yeti ยังมีการเพิ่มโบนัสแทร็คลงไปด้วย 2 เพลง ซึ่งขอนำมารวบรวมให้ฟังกันอย่างครบถ้วนในบล็อกนี้

อาจเรียกได้ว่าหัวใจของงานชิ้นนี้อยู่ที่ซีดีแผ่นแรก (แต่จริงๆแล้วชื่อเพลงที่เป็นไตเติลแทร็คของ Yeti อยู่ในแผ่นที่ 2) ซึ่งเปิดอัลบั้มด้วยความอลังการของ Soap Shop Rock เป็นปฐมบทก่อนที่จะเข้าสู่เพลงมันส์ๆที่น่าจะเป็นที่จดจำมากที่สุดของวงอย่าง Archangel Thunderbird เรียบเรียงต่อกันอย่างลื่นไหลจนไปจบแผ่นอย่างสวยงามกับ Pale Gallery ทั้งแผ่นมีทั้งส่วนที่กึกก้องอย่างเมามันส์ และส่วนที่ผ่อนคลาย พลิ้วไหวราวกับอัลบั้มกลืนหายไปกับบรรยากาศ จนค่อยๆกลับมากึกก้องอีกได้อย่างเหมาะเจาะ

หากยังไม่หนำใจก็หยิบแผ่นที่ 2 มาฟังต่อ ซึ่งแผ่นหลังนี่แหละที่แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของดนตรีแบบด้นสดของวงนี้อย่างชัดเจนที่สุด บทเพลงบรรเลงอันเมามันส์ หลอนประสาท ในขณะเดียวกันก็ล่องลอยไปกับความเรียบง่ายของท่วงทำนองกีต้าร์โฟล์ค อัลบั้มที่มีที่มาของชื่อจากสัตว์ใหญ่ในตำนานบนเทือกเขาแห่งความหนาวเหน็บนี้จึงนับเป็นงานที่เข้าขั้นขึ้นหิ้งที่พลาดไปไม่ได้เลยสำหรับคนที่ชอบเสพดนตรี โดยเฉพาะ prog rock เป็นชีวิตจิตใจ

เพราะความยาวและซับซ้อนของบทเพลงเหล่านี้นี่แหละครับ ทำให้เชื่อว่านี่คือผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยใจ ทำออกมาเพราะมี"ของ"อยากจะปล่อย ป่วยการที่จะมัวไปคำนึงถึงยอดขาย เพราะไม่ใช่ดนตรีที่จะดังเปรี้ยงปร้างจากการที่วิทยุ(ยอม)เปิดกรอกหูคุณทุกวันอยู่แล้ว ไม่ว่าในยุคไหน (แต่สื่ออย่างวิทยุในยุคนั้นยังไม่มีการแข่งขันกันถึงขนาดที่ต้องนำเสนอแต่สิ่งที่"ขายได้"จนแต่ละคลื่นความถี่แทบจะหาความเฉพาะตัวไม่เจอ)

ต้องขอบคุณเทคโนโลยีของอินเตอร์เน็ตในยุคนี้ที่ทำให้วงดนตรีเหล่านี้มีกลุ่มคนที่ชื่นชอบอยู่จำนวนหนึ่งทั่วทุกมุมโลก แม้จะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างกับเนื้อหาที่นำเสนอ แต่ด้วยดนตรีที่เป็นการสื่อสารทางอารมณ์ความรู้สึก ไม่ว่าใครก็สามารถเพลิดเพลินได้หากเปิดใจลิ้มลอง ตราบใดที่นักฟังเพลงรุ่นใหม่ๆยังขุดหาผลงานของพวกเขามาฟังกันอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่า Yeti ของ Amon Düül II เป็นดนตรีที่อยู่เหนือการเวลา เช่นเดียวกับ krautrock อีกหลายๆอัลบั้ม ต่อให้อำกันเล่นๆว่าเป็นอัลบั้มใหม่ที่ออกในปีนี้ หลายคนก็คงเชื่ออย่างสนิทใจ ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วจะเป็นดนตรีที่มีอายุเกือบจะ 30 ปีแล้วก็ตาม