"ปวีณา หงสกุล" รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประกาศชัดเจนว่า ต้องแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ของไทยให้ได้ โดยเฉพาะในส่วนของเด็กและผู้หญิง เฉพาะตัวเลขจากมูลนิธิปวีณาฯ ปี 2556 มีผู้เข้ามาร้องเรียน 2,121 คน

แบ่งเป็นคดีข่มขืนและอนาจาร 123 คน เป็นคดีทารุณกรรม 128 คน ปัญหาใช้แรงงานไม่เป็นธรรม 105 คน ฯลฯ

หนึ่งในนโยบายที่เน้นย้ำเป็นพิเศษ คือให้เจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก, พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์

แต่ดูเหมือน "ปวีณา" จะลืมไปว่าคดีข่มขืนอนาจารที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กลายเป็นอาชญากรรมระดับโลกออนไลน์เสียแล้ว โดยเฉพาะการอนาจารเด็กให้กลายเป็นสินค้าราคาแพงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วโลก หลายประเทศทั่วโลกกำลังมุ่งเป้าสกัดแก๊งอนาจารเด็กเป็นพิเศษ ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายควบคุมเรื่องนี้โดยตรง

แม้แต่กฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ หรือ "พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550" ที่ประกาศใช้มานานเกือบ 6 ปี ยังระบุโทษของการเผยแพร่ภาพโป๊เด็กไว้เท่ากับผู้ใหญ่

ล่าสุดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) พยายามเพิ่มกฎหมายเรื่องนี้เข้าไปเป็นพิเศษ
เอกสารร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ฉบับใหม่ที่แจกจ่ายให้ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนนั้น พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมหลายอย่าง เช่น เพิ่มนิยามของ “ผู้ดูแลระบบ” เข้าไปด้วยจากเดิมที่มีเพียง “ผู้ให้บริการ” เพื่อครอบคลุมการลงโทษไปถึงเจ้าของเว็บไซต์ เว็บมาสเตอร์ บรรณาธิการเว็บ ฯลฯ

การเพิ่มมาตราใหม่ลงโทษการทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือก๊อบปี้ไฟล์ที่น่าจะทำความเสียหายให้ผู้อื่น รวมถึงการเพิ่มโทษข้อความดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทให้มีโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ฯลฯ
สิ่งที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือ การเพิ่มมาตรา 25 ที่มีข้อความว่า “ผู้ใดครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีลักษณะอันลามกที่เกี่ยวข้องกับเด็กหรือเยาวชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

เมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายเดิมที่ระบุไว้ในมาตรา 27 "ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น หรือข้อมูลอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้บุคคลอื่นเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย หรือเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่แท้จริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

การเพิ่มโทษจำคุกจาก 3 ปี เป็น 6 ปี และโทษปรับจาก 1 แสนบาทเป็น 2 แสนบาท ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ประเทศไทยจะเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำมิดีมิร้ายกับเด็กให้มากเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายแสดงความเห็นว่า ข้อความที่ระบุว่า “ลามก” นั้น ยังคลุมเครือไม่ชัดเจนยากต่อการตีความ ยิ่งไปกว่านั้นการใช้คำว่า “ผู้ใดครอบครอง...” อาจทำให้เกิดการกลั่นแกล้งหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ เพราะการท่องโลกอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน มีเครื่องมือช่วยดาวน์โหลดภาพหรือคลิปวิดีโอเข้ามาเก็บไว้แบบอัตโนมัติ โดยเจ้าของเครื่องหรือผู้ใช้อาจไม่ตั้งใจก็ได้ หรือแม้แต่ผู้ดูแลเว็บไซต์ ที่ไม่ได้ทำผิดเองหากมีคนเอาภาพโป๊ของเด็กไปเผยแพร่ผ่านเว็บนั้น อาจโดนลงโทษด้วยเช่นกัน

"สรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์" ผอ.มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก แสดงความเห็นว่า มาตรา 25 ที่เพิ่มใหม่ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง แม้เปรียบเทียบกับประเทศอื่นแล้ว ไทยยังไม่ได้เป็นศูนย์กลางเผยแพร่ภาพโป๊เปลือยหรือภาพลามกอนาจารเด็กในอินเทอร์เน็ต

แต่เป็นที่รู้กันว่าเมืองไทยคือแหล่งสำคัญในด้านการผลิตและจำหน่ายวัตถุลามกทั้งของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย การลงโทษหนักกว่าอย่างน้อย 1 เท่า ถือเป็นเรื่องปกติที่กฎหมายทุกประเทศกำหนดไว้ เนื่องจากกลุ่มทำความผิดเกี่ยวกับเด็ก ส่วนใหญ่เป็นผู้มีความผิดปกติทางจิต โดยเฉพาะผู้ชอบดูรูปลามกของเด็กๆ นั้น มีแนวโน้มล่วงเกินทางเพศหรือมีเซ็กส์กับเด็กด้วย

"ไทยกำหนดให้เด็กคือผู้อายุไม่ถึง 18 ปี บางประเทศระบุ 16 ปี ตามหลักสากลแล้วผู้ก่ออาชญากรรมกับเด็กจะถูกลงโทษหนักมากเป็นพิเศษ การเอารูปลามกเด็กไปโพสต์ในอินเทอร์เน็ตถือเป็นความผิดขั้นรุนแรง ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม พวกนี้จิตผิดปกติ เพราะคนทั่วไปเวลาเห็นรูปโป๊เด็กจะรู้สึกเวทนาสงสาร แต่พวกนี้จะมีอารมณ์ทางเพศ ถือเป็นโรคจิตเภทอย่างหนึ่ง กฎหมายข้อนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก แต่มีจุดน่าสงสัยคือการเพิ่มคำว่าเยาวชนเข้าไปด้วย เพราะตอนที่ผมเห็นร่างแรกไม่มีคำว่าเยาวชน แต่ตอนนี้ไม่รู้ใครแอบวางยาเอาข้อความนี้ใส่เข้าไป เยาวชนคืออายุไม่เกิน 25 ปี ทำให้การลงโทษทำได้ยาก เพราะไม่สามารถแยกแยะระหว่างเด็กออกจากเยาวชนได้ ผมกลัวว่ากฎหมายข้อนี้อาจทำให้เกิดปัญหาระหว่างการพิจารณาได้ ต้องรีบลบคำว่าเยาวชนออกไป"

ตัวแทนเครือข่ายคุ้มครองสิทธิเด็ก อธิบายเพิ่มเติมว่า รัฐบาลไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกพิธีสารของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ว่าด้วยการขายเด็กโสเภณีเด็กและสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก (Optional Protocol to the Convention on the Rights of the Child on the Sale of Children, Child Prostitution and Child Pornography) ตามพิธีสารนี้ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การแจกจ่าย การเผยแพร่ การส่งออก การเสนอ การขาย หรือการมีไว้ในครอบครองซึ่งสื่อลามกอนาจาร เป็นการกระทำความผิดทางอาญาทั้งสิ้น

ทำให้ประเทศไทยต้องปรับปรุงกฎหมายอีกหลายฉบับเพื่อปราบปรามและลงโทษกลุ่มนี้โดยตรง สำหรับเด็กที่พบว่ามีผู้นำภาพตัวเองไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตนั้น ไม่ต้องกลุ้มใจหรือหวาดกลัว แต่ให้ไปแจ้งผู้ใหญ่ที่ตัวเองไว้ใจได้ เพื่อแจ้งตำรวจให้สกัดไม่ให้มีการเผยแพร่ภาพเหล่านั้น และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ โดยเจ้าตัวไม่ต้องไปเป็นพยานด้วยตัวเองก็ได้ เพียงแต่ให้ข้อมูลว่าใครเป็นคนถ่ายหรือคนเผยแพร่ หรืออาจปรึกษามูลนิธิ ที่โทร.0-2412-1196, 0-2412-0739 อีเมล cpcrheadoffice@yahoo.com หรือเว็บไซต์ http://www.thaichildrights.org/

คริสโตเฟอร์ พอล นีล ผู้ร้ายชาวแคนาดาถูกตำรวจสากลรวบตัวที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา

จากคดีแพร่ภาพตัวเองขณะล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายไทยผ่านทางอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2550

พ.ต.อ.สมพร แดงดี รอง ผบก.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เผยเบื้องลึกการไล่ล่าแก๊งอนาจารเด็ก ว่าเป็นเรื่องยาก เพราะแตกต่างจากคดีทั่วไปที่คนร้ายมีตัวตนจริงๆ และผู้เสียหายตัวจริงมาร้องทุกข์ แต่การทำผิดกับเด็กในโลกไซเบอร์นั้น หาตัวตนคนทำผิดได้ยาก เช่น อาจมีการแอบไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นเผยแพร่ภาพออกไปในเว็บไซต์ โดยเจ้าของไม่รู้เรื่องด้วย และจำไม่ได้ว่าใครมาใช้เครื่องของตัวเองบ้าง หรืออาจเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ร่วมกันหลายๆ คน โดยเฉพาะการเอาผิดแก๊งอนาจารเด็กทำได้ยาก

"หลายคดีที่เจ้าหน้าที่ตรวจเจอเหยื่อในเว็บไซต์ แต่หาผู้ร้ายไม่เจอ หรือมีขั้นตอนซับซ้อน ส่วนใหญ่คลิปวิดีโอหรือภาพเด็กโป๊ที่ผลิตในไทยจะถูกนำไปเผยแพร่อินเทอร์เน็ตผ่านเซิร์ฟเวอร์จากต่างประเทศ การวางแผนจับกุมต้องประสานความร่วมมือหน่วยงานประเทศนั้นๆ กว่าจะหาตัวเจอก็ยาก และเมื่อพิสูจน์หาตัวผู้ทำผิดได้ต้องให้อัยการสูงสุดประสานงานไปต่างประเทศให้ช่วยจับกุมตัว โดยต้องผ่านกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้มารับโทษในเมืองไทย คดีเหล่านี้มากกว่าร้อยละ 50 เป็นการกระทำนอกราชอาณาจักรไทย" พ.ต.อ. สมพร กล่าว

- ทีมข่าวรายงานพิเศษ-

คมชัดลึก
17/07/2556
++++

 
+++++++++++