<< | มกราคม 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 |
อีโก้ง ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ราวๆ พ.ศ.2527 สมัยนั้นบริเวณบ้านที่ฉันอยู่อาศัย บางพื้นที่ก็เป็นทั้งสวนกล้วย สวนมะม่วง และมะพร้าว รายล้อมไปด้วยบ่อน้ำมากมาย ตอนนั้นอาหารการกินของฉันส่วนใหญ่มักหาได้มาจากบ่อน้ำบริเวณหลังบ้านตน ยิ่งเวลาน่าฝนด้วยแล้วเรียกว่าไม่ต้องลงทุนจับ เวี่ยงแหติดตาข่ายดักปลาให้เสียเวลา ด้วยความที่สภาพแวดล้อมรอบบ้านนั้นอุดมไปด้วยความสมบูรณ์ มันจึงเต็มไปด้วยสารพัดสัตว์ที่อาศัยอยู่ทั้งนก หนูและงู เป็นต้น นอกจากนี้ฉันยังมีรายได้จากการเก็บดอกบัวและฝักบัวในบ่อไปขายอีก มัดละ 5 บาท มีมัดละประมาณ 6 ฝักเล็กบ้างใหญ่บ้างคละๆ กันไป สมัยก่อนฉันโง่เวลากินเม็ดบัวฉันมักจะแกะเอาไส้อ่อนสีเขียวข้างในทิ้งเพราะมันมีรสขม จากการที่บ่อหลังบ้านฉันมีขนาดใหญ่มากสำหรับฉัน ในตอนนั้นมันจึงมีนกน้ำอาศัยอยู่บ้างประปราย และในฤดูหนาวจะมีนกเป็ดน้ำบินมาอาศัยอยู่เป็นฝูง เพราะในบ่อมีอาหารให้เหล่าบรรดานกได้จับกินอย่างมากมาย มันสามารถหลบภัยตัวแฝงอาศัยอยู่ในกอกกที่อยู่ใจกลางบ่อได้อย่างสบายมากฉันคิดอย่างนั้น เพราะฉันเห็นมันบินอพยพมาทุกปีและหนึ่งในนกที่ฉันอยากแนะนำให้รู้จักคือนกอีโก้ง มันมักจะส่งเสียงร้องกว๊าก...กัก..กัก เวลามันหาคู่และหาอาหาร มันอยู่กันเป็นฝูงเล็กๆ เรียกว่าฉันเห็นมันจนเบื่อก็ว่าได้ อีโก้งมันเป็นนกน้ำขนาดปานกลางมีขนาดน้องๆ ไก่ตัวเมียเพียงแต่หางไม่ยาวและ จากการขายที่ดินนี่เองบ่อ ทุ่ง สวน ไร่นาจึงกลายเป็นหมู่บ้านจัดสรรสมัยใหม่ทำให้ที่ดินที่เหล่าบรรดาสัตว์น้ำและนกน้ำทั้งหลายอาศัยอยู่มันลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียง 3 ปี รอบๆบ้านฉันกลายเป็นทาวน์เฮ้าส์และบ้านจัดสรรหลังขนาดย่อมๆ จะเหลือแต่ที่ยังคงสภาพเดิมอยู่แค่เพียงที่ฉันอาศัยอยู่รวมกับบรรดาญาติพี่น้องเท่านั้น เป็นเนื้อที่ประมาณ 5 - บ่อน้ำที่มีขนาดใหญ่ประมาณ 4 ไร่ก็ลดขนาดลงเหลือเพียง 2 งานเท่านั้นในระยะเวลา 5 ปีหลังจากเกิดการสร้างหมู่บ้านจัดสรร ฝูงนกเป็ดน้ำที่ฉันเคยเห็นทุกปีตอนนี้มันก็ไม่มาอยู่อีกแล้วเหลือแต่เพียงนกอีโก้งเท่านั้นที่ยังคงอาศัยอยู่ในกอต้นกก จากที่แต่ก่อนฉันเคยเห็นนับได้ประมาณ 10 กว่าตัว มาตอนหลังเหลือเพียง 6 ตัวเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่ามันพากันย้ายไปอยู่ไหนกัน จากความเจริญที่เข้ามา แม่ของฉันก็เกิดความคิดสร้างห้องเช่าชั้นเดียวขึ้นมาเพื่อรองรับความเจริญที่กลายเป็นเมืองมากขึ้น คนอื่นที่มาทำงานระแวกนี้จะได้มาเช่าอาศัยอยู่แม่จึงลงทุนสร้างจำนวน5 ห้อง ตอนนี้บ่อน้ำหลังบ้านมีที่เหลืออยู่เพียงประมาณ 1 งานเท่านั้น เนื่องจากบ้านน้าของฉันก็ถมที่เพื่อปลูกบ้านทำห้องเช่าตามมาเช่นกัน แต่น้าของฉันมีเงินถมที่และสร้างห้องเช่าได้มากกว่าเป็นจำนวน 10 ห้อง อีโก้งตอนนี้จาก 6 ตัวที่นับได้มันลดลงเหลือเพียง 4 ตัวเท่านั้น แม่ว่า น่าสงสารมันเพราะพวกมันจะอยู่เป็นคู่ๆ และมันจะไม่เปลี่ยนคู่ของมัน ตอน นั้นฉันยังไม่เข้าใจในความหมายที่แม่พูด จนกระทั่งคนเช่าบ้านฉันห้องหนึ่งซึ่งชื่อน้าวัตรแกพิเรนบอกว่าจะออกไปยิงนกอีโก้งหลังบ้านมากิน แม่และฉันต่างพากันบอกว่าอย่าทำมันเลย น่าสงสารพวกมัน แต่น้าวัตรไม่เชื่อก็ยังคงแอบไปยิงนกอีโก้งเสมอเวลาแม่กับฉันไม่อยู่ที่บ้าน หลังจากที่น้าวัตรแอบก่อเหตุ ฉันนับนกอีโก้งได้แค่เพียง 2 ตัวเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าอีก 2 ตัวหายไปไหนมันอาจจะบินหนีไปอยู่ฝั่งข้างนู้นก็ได้หรือไม่! ฮืม...ก็เสร็จน้าวัตรไปแล้ว ฉันขอภาวนาให้เป็นอย่างแรกที่ฉันคิดมากกว่า เวลาผ่านมาอีก 1 ปีแม่ของฉันเริ่มมีเงินเก็บมากขึ้นเลยคิดที่จะถมที่ทั้งหมดที่เป็นบ่อเหลืออยู่ เพื่อให้มันสะดวกสบายมากขึ้นในแง่ของอนาคตเพราะแม่มองแล้วว่าอนาคตรุ่นลูกอย่างฉันคงไม่มีปัญญาหาเงินมาถมที่ให้เต็มได้อย่างแน่นอน เพราะราคาที่ซื้อดินมาถมคันรถหนึ่งก็ราคาอยู่ที่คันละ 1,200 บาท ซึ่งราคามันสูงกว่าเมื่อปีก่อนหน้านี้ถึง 300 บาท แม่ว่าถ้าปล่อยเอาไว้ต้องไม่มีทางถมได้อย่างแน่นอน ฉันก็เลยถามแม่ว่า เจ้าอีโก้ง 2 ตัวหลังบ้านจะทำอย่างไรกับมัน แม่ฉันก็บอกเพียงแต่ว่า ถ้าเราถมที่ดินจนมันไม่เหลือบ่ออีกต่อไปแล้ว มันคงจะบินย้ายหนีไปอยู้ฝั่งข้างนู้นเอง แล้วถ้ามันไม่บินหนีไปละแม่จะทำยังไง แม่ว่า เราก็จับตัวมันไปปล่อยที่ฝั่งข้างนู้นยังไงล่ะ วันนั้นฉันรู้สึกไม่สบายใจ หลายอย่างมันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจากที่ตอนฉันยังเด็กๆ อยู่เคยนั่งเรือเก็บดอกบัวเก็บฝักบัวไปขาย ได้ยินเสียงนกอีโก้งร้อง กว๊าก...กัก..กัก ตอนนี้มันไม่ค่อยร้องแล้ว
แล้ววันนั้นก็มาถึงวันที่แม่พร้อมจะทำการถมที่ แม่นัดตกลงกับคนรถเรียบร้อยแล้วให้เอาดินมาลงได้เลย ปัญหาก็คือเจ้านกอีโก้ง 2 ตัวนี้มันยังไม่ยอมบินหนีไป แม่ของฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แม่จึงหันไปหยิบไม้ไผ่มาท่อนหนึ่งขนาดกำลังพอมือที่ฉันจะถือได้ แม่บอกว่าให้ฉันถือไม้ไผ่ไปยืนที่ขอบบ่อและตีฟาดลงไปที่น้ำเพื่อให้อีโก้งทั้งสองตัวมันตกใจ มันจะได้บินหนีไปอยู่ที่อื่น ฉันจำใจต้องทำตามที่แม่บอกเพราะว่ามันไม่มีทางเลือกอื่น มันทำให้ฉันนึกย้อนกลับไปเมื่อตอนก่อนที่ญาติพี่น้องของฉันจะพากันถมที่ก็ต้องทำการกั้นบ่อเป็นแนวฝั่งหนึ่งเพื่อวิดสูบน้ำออกแล้วจะได้ดักจับปลาที่อยู่ในบ่อไปขาย คราวนั้นฉันก็รู้สึกสงสารปลาไปทีหนึ่งแล้ว มันยังไม่ควรจะถึงคราวตายแต่มันก็ต้องมาตาย แถมต้องตายเป็นจำนวนเยอะมากด้วย ช่วงนั้นฉันทำใจลำบากเพราะฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องหิวถังปลาที่จับได้ไปเดินขายให้กับแม่ค้าและชาวบ้านละแวกนั้น ระหว่างที่ฉันเอาไม้ไผ่ฟาดลงไปที่น้ำเพื่อให้เกิดเสียงดังจนนกตกใจ ใช่มันได้ผลในแง่ที่นกมันตกใจแต่ว่ามันไม่ยอมบินหนีจากไป ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงวิ่งไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ฉันจึงว่า หรือว่านกคู่นี้มันจะวางไข่มีลูกอยู่ในกอกกนั้นแล้วเราไม่เห็น มันเลยไม่หนีไปเพราะมันห่วงลูกของมัน แต่ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะรถถมดินกำลังจะมาถึงแล้ว เดี๋ยวรถดั๊มมาถึงเสียงรถมันดังมันอาจเปลี่ยนใจบินหนีไปก็ได้มั้ง แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นนกอีโก้งคู่นี้มันยังอยู่ในกอกกต่อไป แม้เสียงรถและเสียงคนที่เอ่ะอ่ะโวยวายจะดังขนาดไหนมันก็ยังคงอยู่ในกอกกเหมือนเดิม มีเพียงแต่มันจะเดินออกมานอกกอกกเพื่อมายืนดูข้างนอกอยู่บ้าง ฉันและแม่กับคนอื่นๆ ที่เช่าบ้านต่างยืนดูกอกกค่อยๆ ล่มจมหายเข้าไปข้างใต้ผืนดินทีละเล็กทีละน้อย แต่คนที่ดูมีความสุขมากที่สุดคือน้าวัตร แกบอกว่า คราวนี้ถ้าถมจนหมดแล้วมันจะหนีไปไหนได้ ผมจะจับมันมากิน แม่ฉันว่า อย่าทำมันเลยมันบาป น้าวัตรว่า ก็มันไม่ยอมไปเองช่วยไม่ได้ ไม่ว่าฉันกับแม่จะพูดอย่างไรน้าวัตรก็ไม่เปลี่ยนใจ ฉันได้แต่นั่งมองกอกกมันหดหายจมไปในดินเรื่อยๆ โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ระหว่างนั้น ตาปรีชาเพื่อนของพ่อและแม่ฉันเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาดู เพื่อสอบถามราคา พอกอกกเหลือขนาดเล็กลงจนมองเห็นนกอีโก้งและไข่ของมันได้อย่างชัดเจน น้าวัตรรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องแล้ววิ่งกลับมาพร้อมมีหนังสติ๊กติดมือออกมาด้วย ในขณะที่แม่ฉันตะโกนว่า อย่า ก็ไม่ทันเสียแล้ว น้าวัตรก็จัดการยิงหนังสติ๊กกระหน่ำใส่ลงไปที่กอกกตรงรังที่วางไข่ จนพ่อนกตกใจรีบวิ่งออกมาแล้วบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วบินลับข้ามไปยังฝั่งข้างนู้น แม่จึงบอกว่า อย่ายิง...ฉันขอล่ะ ฉันจะไปเก็บเอาไข่กับแม่มันมาเลี้ยง หลังจากนั้นแม่ฉันก็ไต่ลงไปยังบริเวณขอบกอกกที่เหลืออยู่เพื่อเก็บเอาไข่ขึ้นมา ขณะนั้นแม่นกอีโก้งตัวนั้นมันก็เดินซุกเข้าไปซ่อนตัวในกอกกที่อยู่ลึกเข้าไปข้างใน โดยทิ้งรังไข่เอาไว้ แม่ฉันสามารถเก็บไข่มาได้ 3 ฟอง ขณะที่แม่ถือไข่ไว้ในอุ้งมือ ตาปรีชาแกก็บอกว่า เฟี้ยม...ข้าขอไข่เถอะ...ข้าจะเอาไข่มันไปฟักเลี้ยงดูเผื่อมันจะเกิด มันจะได้ไม่ตายข้าเห็นแล้วสงสารมัน...มันบาปจะเอามันกลับไปเลี้ยงน่ะเฟี้ยม แม่ฉันจึงส่งไข่ในมือให้ตาปรีชา ระหว่างนั้นเองน้าวัตรตัวแสบ ก็วิ่งลงไปไล่จับนกอีโก้งตัวแม่ที่เหลือพร้อมกับจับมันหักคออย่างรวดเร็ว จนฉันกับแม่ไม่ทันได้พูดอะไร แม่ว่า ตาวัตร...เราพรากลูกพรากแม่มันก็บาปแล้ว...แกยังจะกินมันอีกหรือ บาปมันมีจริงนะ คืนวันนั้นแม่บ่นกับฉันว่า รู้สึกไม่ดีเลย สงสารนกจัง ไม่รู้ว่าตาปรีชาเอาไข่ไปฟักมันจะรอดไหม ฉันว่า คงรอดมั้ง...เพราะตาปรีชาแกธัมมะธัมโมแกชอบทำบุญอยู่แล้ว หลังจากนั้นไม่นานเวรหรือกรรมไม่แน่ใจ น้าวัตรที่จับแม่นกอีโก้งไปก็มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับเมียถึงขั้นแตกหัก จนน้าวัตรต้องขนย้ายของออกจากห้องเช่าไป ฉันมารู้ทีหลังว่าที่น้าวัตรต้องออกจากห้องเช่าไปเพราะเขามีเมียน้อย แต่ฉันก็ยังคงคิดว่าที่น้าวัตรพรากแม่พรากลูกนกนั้นมันคงเป็นบาปติดตัวด้วยส่วนหนึ่งมันคงส่งผลถึงลูกของน้าวัดอย่างแน่นอน เพราะน้าวัตรเองก็มีลูกสาวแถมพ่อแม่มาทะเลาะกันถึงขั้นแตกหัก คนที่มีปัญหาหรือรับกรรมไปคงเป็นลูกน้าวัตรนั่นแหละ หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือนตาปรีชาก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาคุยกับแม่เล่าเรื่องเจ้าไข่ 3 ฟองที่ตาปรีชาเอาไปเลี้ยงฟักไข่เองนั้น ปรากฏว่าไข่มันฟ่อไป 2 ฟองและอีก 1 ฟองมันเกิดกลายเป็นลูกนกอีโก้ง ตอนนี้ตัวเล็กเท่าลูกเจี๊ยบตาปรีชาบอกว่าแกตั้งชื่อให้ว่า อีเดียว ฉันคิดว่าที่มาของชื่อคงมาจากคำว่าเดียวดายซะมั้ง ฉันถามว่า ตาปรีชาจะเลี้ยงมันต่อยังไง ตาปรีชาแกบอกว่า ไม่ต้องห่วงน้าเลี้ยงแบบลูกไก่เลย...อีเดียวมันไม่ตายหรอกน้ารับประกัน ต่อมาอีเดียวอยู่อย่างสุขสบายตาปรีชาว่าเลี้ยงแล้วเชื่องเหมือนสุนัขเลย พอแกกลับมาบ้านมันก็จะเดินขึ้นมาจากบ่อน้ำหลังบ้านมาเดินตามแกเข้าบ้าน ฉันคิดว่าอีเดียวมันสบายไปแล้ว แต่ที่ไม่สบายใจก็คือครอบครัวฉัน ทุกปีพอช่วงที่นกเป็ดน้ำบินอพยพหนีลมหนาวมาผ่านหลังคาบ้านฉัน เจ้าพ่อนกอีโก้งมันจะบินกลับมาเดินร้องวนเวียนตรงบริเวณที่ดินโล่งซึ่งปล่อยให้หญ้าขึ้นหลังบ้านฉัน ตรงที่ถมดินทับบ่อไปนั่นเอง มันจะส่งเสียงร้องกว๊าก...กัก...กัก กว๊าก...กัก...กัก ร้องอยู่ประมาณคราวละครึ่งชั่วโมงได้ ฉันคิดว่าอีโก้งคงเป็นนกที่ไม่เปลี่ยนคู่เหมือนนกเหงือกที่มันจะอยู่กับคู่ของมันจนมันตาย ฉันยังคงได้ยินเสียงพ่อนกอีโก้งร้องเรียกหาคู่ของมันอยู่หลายปีกว่าที่เสียงมันนั้นจะขาดหายไปตราบนานเท่านาน ......................................
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |