เมื่อไม่นานมานี้ (ขอโทษที จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่) ผมได้อ่านบทความเรื่อง วาจาบำบัด ไม่ใช้ยาก็รักษาโรคได้ จากคอลัมน์ ธรรมชาติบำบัด โดย น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ในมติชนรายสัปดาห์ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับ ว่าบทความนี้ค่อนข้างยาว จนถึงยาวมาก (สำหรับบางคน) คิดให้ดีก่อนตัดสินใจอ่าน ผมว่ามันเป็นบทความที่เหมาะกับคนแค่ 2 กลุ่ม ต่อไปนี้เท่านั้น คือ 1. คนที่มีพ่อมีแม่ และไม่อยากให้พ่อแม่ของตัวเองป่วยเป็นโรคมะร็งตับ และ / หรือ 2. คนที่มีลูก และไม่อยากให้ลูกตัวเองเป็นมะเร็งตับ ผมตัดสินใจอ่านเรื่องนี้ เพราะกรณีของผมเข้าข่ายทั้งสองข้อเลย เนื่องจากผมยังมีแม่ที่อายุ 70 กว่าแล้ว และก็มีลูกชายวัยใกล้ 8 ขวบอีก 1 คน พออ่านแล้วก็ได้ทั้งสาระความรู้ และความรู้สึกดี ๆ ทั้งกับงาน และกับการใช้ชีวิตส่วนตัวของผม เลยคัดลอกบทความนี้ มาให้พวกเราได้อ่านกัน เนื้อหาอย่างนี้ครับ ... คุณหมอหลิวโหย่วเซิง หมอนักวาจาบำบัดเล่าให้ฟัง บนเวทีของหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ที่เขาได้รับเชิญเป็นองค์ปาฐก ว่า ท่านผู้ฟังเคยเห็นไหม เด็กอายุ 5 ขวบก็ป่วยเป็นมะเร็งตับแล้ว ผมเจอมาจริงๆ เด็กคนนี้ตรวจที่โรงพยาบาลทหารประจำมณฑลของเรา มีก้อนที่ตับข้างซ้าย นอนแบบลุกจากเตียงไม่ได้ หมอบอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว ให้ไปนอนตายที่บ้าน แม่จึงโทรศัพท์มาหาผม วิธีรักษายังมีอยู่วิธีหนึ่ง แต่น่ากลัวว่าคุณจะทำไม่ได้ คุณหมอบอกแม่ของเด็กคนนี้ ต่อให้ยากแค่ไหน ฉันก็จะยอมทำตาม คุณแม่ตอบ ถ้างั้น คุณกล้าเผชิญความจริงมั้ย ถามหน่อยเถอะว่า คุณไปโกรธแค้นกับใครเขามาได้รุนแรงขนาดนี้ ให้ไปขอโทษเขาเสีย จึงจะช่วยเด็กได้ คุณหมอบอก ทันทีนั้นเองคุณแม่ก็ร้องไห้ขึ้นมาในโทรศัพท์ เธอสะอึกสะอื้นแล้วบอกคุณหมอว่า ค่ะ ค่ะ ค่ะ...ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย ที่แท้แล้ว คุณแม่คนนี้มีเรื่องโกรธแค้นกับพ่อผัวเป็นที่สุด พ่อผัวทำงานเป็นสมุห์บัญชีของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอรีบมุ่งหน้าไปหาพ่อผัวซึ่งกำลังอยู่ในบ้านทำอาหารเช้าอยู่กับแม่ผัวของเธอ ไปถึงคุณแม่คนนี้ก็ตรงเข้าคุกเข่าลงกับพื้น กอดขาพ่อผัวแล้วร้องไห้โฮ ๆ พ่อผัวตกใจ รีบชักเท้ากลับ ตะโกนขึ้นมาว่า เฮ้ย เที่ยวนี้มาอีท่าไหนเนี่ย จะมารบกันอีกสักตั้งหรือยังไง แสดงว่าคู่นี้รบกันอยู่เป็นอาจิณอยู่แล้ว เหมือนขงเบ้งกับสุมาอี้ เปล่า ฉันมาขอโทษ เธอละล่ำละลักบอก เมื่อก่อนฉันทะเลาะกับพ่อเป็นประจำ ทั้งที่ฉันเป็นลูกสะใภ้ ฉันผิดเอง ฉันขอโทษ ฉันทำไม่ดี เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อไป เอาล่ะ ๆ รู้ตัวก็ดีแล้ว รู้ผิดรู้ถูกก็ถือว่าเป็นเรื่องดี พ่อผัวบอก เธอทำอย่างนี้อยู่ถึง 3 ครั้ง 3 หน ด้วยความสำนึกผิดอย่างบริสุทธิ์ใจ ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคของคุณหมอหลิวโหย่วเซิง
แล้วก็เป็นที่น่าประหลาดว่า ลูกของเธอเริ่มดีวันดีคืน จนเริ่มลุกจากเตียงได้ภายในไม่กี่วัน เธอจึงโทร.กลับไปหาคุณหมอ แต่ตอนนั้นหมอไม่อยู่เพราะไปธุระที่ปักกิ่ง 2 สัปดาห์ เธอรอจนคุณหมอกลับบ้านแล้ว จึงรีบไปหาคุณหมอที่สถานบำบัดทันทีที่เมืองเป่ยอาน มณฑลเฮยหลงเจียง ที่บ้านของคุณหมอจัดเป็นสถานที่บำบัดซึ่งใครจะไปจะมาหรือพักอาศัยอยู่ก็ได้ เพื่อรับ วาจาบำบัด จากคุณหมอ โดยสถานที่แห่งนี้ทำแบบการกุศล คุณหมอไม่เคยคิดสตางค์ แต่มีคนศรัทธาช่วยกันบริจาคข้าวปลาอาหารสำหรับคนที่จะมาอยู่มากิน เธอตั้งใจจะอยู่รับ วาจาบำบัด จากคุณหมอสัก 2 เดือน เธอบอกคุณหมอว่า นับแต่นี้ต่อไป ฉันจะเปลี่ยนแปลงตัวฉันเองให้เป็นคนใหม่ จะไม่ปากคอเราะร้าย จิตใจมุ่งร้ายต่อใคร ไม่โกรธไม่เกลียดใคร เธอสารภาพจากส่วนลึกในจิตใจของเธอ และเธอก็เห็นมากับตาว่าในเวลาเพียง 14 วัน ลูกชายของเธอก็ดีวันดีคืนด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเธอเอง คุณหมอหลิวเห็นการเปลี่ยนแปลงของเธออย่างชัดเจน จึงบอกให้เธอกลับบ้านได้หลังจากเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองอยู่ที่นั่นเพียง 7 วัน หลังจากนั้นเธอได้พาลูกไปตรวจกับแพทย์ที่โรงพยาบาลทหารที่เดิม เรื่องก็ปรากฏเป็นที่แปลกใจของแพทย์ที่โรงพยาบาลว่า ก้อนมะเร็งในตับของเด็กยุบหายไปแล้ว เป็นการยุบหายไปภายใน 21 วัน จากนั้นติดตามตรวจทุก 6 เดือน หลังสุดตรวจเมื่อปี ค.ศ.2004 ก็ยังเป็นปกติทุกอย่าง นี่เป็นตัวอย่างของผู้ป่วยรายหนึ่งที่คุณหมอหลิวโหย่วเซิงบรรยายให้แพทย์และนักศึกษาแพทย์ ที่เป่ยต้า หมอหลิวเป็นชาวนาคนแรกที่ไม่มีการศึกษาทางการแพทย์อะไรเลย นอกจากอ่านหนังสือการแพทย์จีนเพียงไม่กี่เล่ม แต่ได้รับเชิญให้ไปปาฐกถา ณ มหาวิทยาลัยแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศจีน วิชาของหมอหลิวได้รับการขนานนามว่า วาจาบำบัด (Jiang Bing) เป็นวิชาว่าด้วยการพูดจากับผู้ป่วยให้พิจารณาตัวเอง เกี่ยวกับพฤติกรรมของตน ในด้านคุณธรรมและจริยธรรมที่ผ่านมา อันอาจเป็นรากฐานของการปรากฏซึ่งโรคภัยไข้เจ็บที่ตนกำลังเจ็บป่วยอยู่ ถ้าคนคนนั้นสามารถสำรวจตัวเอง เข้าใจถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ประพฤติปฏิบัติมา พลังการเปลี่ยนแปลงของจิตใจนั้น จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เกิดการบำบัดเยียวยาภายในตัวเองขึ้นมา คุณหมอหลิวบรรยายเนื้อหาต่อไป อีกว่า... คนเราแต่ละคนมีลักษณะของธาตุประจำตัว การแพทย์จีนเรียกว่าธาตุห้า ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ทอง ไม้ ลองมาพิจารณาที่ธาตุไม้ก่อน คนธาตุไม้แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ไม้หยาง และ ไม้ยิน ไม้หยาง เป็นคนเปิดเผย ไม่เก็บกด โกรธก็แสดงออกแล้วจบแล้วจบกัน ถือเหตุผล มีเมตตา จิตใจเหมือนพระโพธิสัตว์กวนอิม ไม้ยิน เป็นตรงกันข้าม เป็นคนดื้อรั้น เอาแต่ใจ ไม่มีเมตตา คนแบบนี้ถ้าป่วยก็จะป่วยด้วยโรคตับ เพราะความโกรธทำลายตับ เป็นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่น่าสังเกตว่าผู้ชายโกรธมักจะกักเก็บไว้ในใจ แล้วเกิดอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ตั้งแต่ปวดหัว ตาลาย หูอื้อ ปวดหน้าอก ปวดขาสองข้าง เป็นเหน็บชาที่ปลายมือปลายเท้า สุดท้ายอาจเกิดอัมพาต หรือไม่ก็เป็นโรคตับโรคถุงน้ำดีเรื้อรัง วัยรุ่นก็เป็นโรคนี้กันได้ ทำไมสมัยนี้คนเป็นโรคตับกันเยอะ... เพราะการเปลี่ยนแปลงของสังคม... สมัยก่อนลูก ๆ ว่านอนสอนง่าย ผู้ใหญ่พูดลูก ๆ ก็เชื่อฟัง แต่สมัยนี้กลับกัน พ่อแม่ต้องทำตามลูก เพราะเป็นสมัยไฮเทค ลูก ๆ มักถือว่าตัวเองฉลาดกว่าพ่อแม่ เพียงเพราะตัวเองใช้คอมพิวเตอร์เป็น พ่อแม่กลายเป็นคนล้าสมัยในสายตาของลูก สุดท้ายพ่อแม่พูด ลูกก็ไม่เชื่อฟัง แถมจะย้อนกลับมาสอนพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่กล่าวว่าลูก ๆไม่ได้ ก็เก็บไว้เป็นอารมณ์โกรธที่แฝงฝังอยู่ในจิตใจ นอกจากโรคตับแล้ว ความที่คิดไม่ตก ทำให้ชี่พุ่งขึ้นทางศีรษะ ยังผลให้เกิดโรคเส้นเลือดในสมอง เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต นี่จะเห็นว่าโรคที่เกิดกับพ่อแม่ เป็นเพราะพฤติกรรมของลูก นี่เป็นผลของความอกตัญญูที่ลูกกระทำต่อพ่อแม่ ถ้ามีลูกอกตัญญูเราควรมีทรรศนะอย่างไร ? พึงพิจารณาจากสองด้าน ด้านหนึ่งคือพ่อแม่ อีกด้านหนึ่งคือตัวลูก ฝ่ายของพ่อแม่ เราควรจะโกรธลูกได้ไหม? แท้ที่จริงควรสำรวจตัวเอง คำจีนมีว่า เมื่อรถแล่นไป ย่อมทิ้งไว้ซึ่งรอยล้อ ลูก ๆ ก็เป็นผลิตผลของพ่อแม่ พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก สิ่งที่พ่อแม่กระทำมันจะแฝงฝังอยู่ในจิตใจของลูก เพราะเห็นพ่อแม่เป็นแบบอย่าง ดังนั้น ลูกไม่กตัญญูจะไปว่าลูกฝ่ายเดียวได้อย่างไร พ่อแม่ก็ต้องส่องกระจกดูหน้าตัวเองเสียก่อน ฝ่ายลูก ลูก ๆ จะรู้ตัวหรือเปล่า ว่าความอกตัญญูของตัวเอง ก่อโรคได้ทั้งกับพ่อแม่และกับตัวเองด้วย เราเป็นลูกถ้าไม่เคารพพ่อแม่ ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ ก็แปลว่าคุณกำลังละเมิดกฎแห่งสวรรค์ (Tian li) เพราะพ่อแม่คือ ฟ้า ของลูก ที่น่าเศร้าใจก็คือ ลูกที่อกตัญญูกับพ่อแม่ แต่มัวไปไหว้พระ ทำบุญ นั่งสมาธิ บอกว่าตัวเองนับถือพระพุทธศาสนา ทำไปอย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไร ? ทำอย่างนั้น คำจีนเขาเรียกว่า ดื่มน้ำจากบ่อ ไม่พึงลืมบุญคุณของตนขุด (He sui bu wang wa jing ren) คิดดูให้ดีเมื่อก่อนที่คุณจะเกิดมาได้ แม่อุ้มท้องอยู่ 10 เดือน ป้อนนม ป้อนข้าว พ่อแม่อุ้มชูให้ศึกษาเล่าเรียนจนเติบใหญ่ บุญคุณพ่อแม่ใหญ่เท่าฟ้าตอบแทนอย่างไรก็ไม่หมด ยิ่งสมัยนี้เลี้ยงดูลูกแต่ละคนยิ่งไม่ง่าย พ่อแม่เลี้ยงลูกยากเย็นแสนเข็ญเหมือนสละซึ่งหยาดเหงื่อ แรงงาน เลี้ยงลูกจนจบปริญญาตรี ปริญญาเอก พ่อแม่ลำบากแค่ไหน เราจะมีใจได้คิดถึงบุญคุณข้อนี้หรือเปล่า การกตัญญูต่อพ่อแม่ ก็คือกตัญญูต่อครอบครัวเล็ก ซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุดของสังคมจีน เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้ ของใครสักคนหนึ่งที่จะทำตนเป็นคนดี ทีนี้มาถึง ครอบครัวใหญ่ เราเติบโตแล้วต่างก็มีหน้าที่การงาน ต้องทำงานมีส่วนช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติ นั่นคือ ความกตัญญูใหญ่ ที่คนเราจะต้องมีเหมือนกัน พึงจำไว้ว่า ไม่มีใครที่จะเป็นคนที่กตัญญูต่อประเทศชาติได้ ถ้าคุณไม่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่เสียก่อน ไม่มีวันที่คุณจะเป็นคนดีของสังคมได้ ถ้าคุณไม่เป็นคนดีต่อพ่อแม่ของคุณซะก่อน ไม่มีเล็กก็ไม่มีใหญ่ มันเป็นสัจธรรม เนื้อหาที่คุณหมอหลิวใช้บำบัดผู้ป่วย แท้ที่จริงก็คือหลักปรัชญาขงจื๊อ ที่ยั่งยืนมา 2,500 ปี ที่กำลังได้รับการสืบทอดและพัฒนาอยู่ในประเทศจีนและขอบเขตทั่วโลกอยู่ในเวลานี้ แต่ท่านใช้มันมาประยุกต์ได้อย่างเป็นรูปธรรมนั่นเอง.... ใครอยากทบทวนหลักการคำสอนของขงจื๊อแบบสั้น ๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่จดจำได้นาน ๆ แบบตราตรึงใจ แนะนำให้ไปดูหนังขงจื๊อที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้ก็ได้ครับ ลูกศิษย์ผมหลายคนดูมาแล้ว บอกว่าดี ถ้าสนใจก็ลองดูครับ. ********************************************************************* |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
Train-The-Trainer @ Netstle (8-9 August 2016) | ||
![]() |
||
ภาพบรรยากาศในห้องอบรม |
||
View All ![]() |
<< | กุมภาพันธ์ 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 |