*/
แมวดาว | ||
![]() |
||
แมวดาว |
||
View All ![]() |
กล้วยไม้กับเพลง นางฟ้าจำแลง | ||
![]() |
||
นางฟ้าจำแลง เพลงของสุนทราภรณ์ |
||
View All ![]() |
<< | กุมภาพันธ์ 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 |
ทำไมธรรมชาติจึงสร้างปีกให้นก... เพื่อให้อยู่ในกรงหรือ ??? หลังจากอ่านข่าวการชุมนุมเรียกร้องของสมาคม-ชมรมที่จัดแข่งขันนกกรงหัวจุดใน "ประท้วงกรมอุทยานฯปลด'นกกรงหัวจุก'ออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง" ตามด้วยความเห็นของตัวแทนของกลุ่มที่เดินทางไปออกรายการ "ชุมชนคนอาสา" ก็พอจะสรุปประเด็นได้สำหรับความต้องการของกลุ่มผู้เลี้ยงและจัดแข่งขันนกกรงหัวจุกที่ไปยื่นข้อเรียกร้องให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพิกถอนรายชื่อ "นกกรงหัวจุก" ออกจากรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน ผมเคยเขียนถึงประเด็นนี้ไว้ในหัวเรื่อง "ปี๊ดจะลิว ปิ๊ดจะหลิวไปไหน... Where Have All The Birds Gone?" หนึ่งปีพอดีสำหรับการเขียนต่อในภาคที่ 2 นับจากนี้ไปผมขออนุญาตใช้คำว่า "นกปรอดหัวโขน" เรียกแทนชื่อ "นกกรงหัวจุก" ความจริงทั้ง 2 ชื่อเป็นชนิดเดียวกัน เพียงแต่อาจถูกแบ่งแยกตามสถานที่อยู่อาศัยของนก คือ "นกกรงหัวจุก" เป็นคำแสดงถึง "นกปรอดหัวโขน" ที่ถูกเลี้ยงอยู่ในกรง อาจจะเพื่อแข่งขันประกวดฟังเสียงกันหรือเลี้ยงไว้ดูเล่น ที่ส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงกันอยู่ในภาคใต้ของเรา ส่วนคำเรียก "นกปรอดหัวโขน" เป็นชื่อมาตรฐานของนก ที่บัญญัติไว้ในหนังสือคู่มือดูนกทุกเล่มในประเทศไทย และเมื่อเราเอ่ยถึงชื่อนกปรอดหัวโขน ก็หมายถึงนกที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าธรรมชาติ ทั้งหากิน ทำรังวางไข่ และดำรงเผ่าพันธุ์มานานหลายชั่วอายุนก สาเหตุที่ สมาคมนกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย ชมรมนกกรงหัวจุก สมาพันธ์นกกรงหัวจุก และผู้รักนกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ถอดถอน นกปรอดหัวโขน ออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครองนั้น ก็เพราะทางกลุ่มเห็นว่า เป็นนกที่นิยมเลี้ยงกันในภาคใต้และกำลังได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ ดังนั้น การที่นกยังมีสถานะความเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองขณะที่มีการเลี้ยงกันในวงกว้างนั้น กลับกลายเป็นช่องทางให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบางคนจับกุมผ้เลี้ยงนกแข่งขันโดยคิดว่าเป็นนกป่า ทำให้ผู้นิยมชมชอบการเลี้ยงนกเดือดร้อนกันมาก คนที่สนใจอยากเลี้ยง ก็ไม่กล้าเลี้ยง เพราะยังติดตัวบทกฎหมายคุ้มครองอยู่ อุปสรรคอีกประการหนึ่งสำหรับการเลี้ยงนกปรอดหัวโขน ก็คือ การครอบครองนกในทุก ๆ กรณี ต้องมีใบอนุญาตครอบครอง การเพาะเลี้ยง หรือเพาะพันธุ์ก็ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐเช่นกัน ไม่เว้นกระทั่งการประกวดแข่งขันประชันเสียงนกก็ต้องมีใบอนุญาต ในแง่ธุรกิจการตลาดถือว่า กฎหมายนี้ขัดขวางการเติบโต ถ้านกไม่ได้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอีกต่อไป ทุก ๆ คนก็สามารถเลี้ยงนกได้ง่าย เพราะไม่ต้องมีใบอนุญาตถือครอง ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกจับกุม ปัจจุบัน ก็ยังไม่มีมาตรฐานอะไรมาชี้ชัดว่าเป็นนกจากป่าธรรมชาติ หรือเป็นนกที่เกิดจากการเพาะพันธุ์ของผู้เลี้ยง หน้าตาและเสียงร้องของนกก็เหมือนกันหมดเสียด้วย ดังนั้น การมีใบอนุญาตครอบครอง ก็พอจะรับประกันได้ว่าเป็นนกเพาะเลี้ยง แต่ไม่ใช่เสียทั้งหมด เพราะเคยมีคนนำนกป่ามาเสียบแทนนกเพาะเลี้ยงก็เห็นกันอยู่ Q&A ด้านล่างเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมล้วน ๆ เกิดจากประสบการณ์ในแวดวงข่าวและวงการดูนก ถาม : ต้องปฏิบัติอย่างไรเมื่อครอบครองนกปรอดหัวโขน ตอบ : นกปรอดหัวโขนเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทนก ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ผู้ใดมีไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ถือว่าผิดกฎหมาย ส่วนผู้มีนกในครอบครองก่อนปี 2535 ต้องขอใบอนุญาตครอบครอง และหากผู้ใดต้องการเพาะพันธุ์ จะต้องปฏิบัติตามกฤษฏีกา เล่มที่ 111 ตอนที่ 58 ปี 2537 ซึ่งระบุว่า นกปรอดหัวโขนหรือนกกรงหัวจุก เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ แต่จะต้องได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้เสียก่อน ส่วนการประกวดนกปรอดหัวโขนนั้นต้องปฏิบัติตามประกาศกรมป่าไม้ เรื่องการประกวดแข่งขันนกปรอดหัวโขน ลงวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 โดยอธิบดีกรมป่าไม้ที่ระบุว่า "ผู้ใดจะนำสัตว์ป่าคุ้มครอง ชนิดนกปรอดหัวโขน หรือสัตว์ป่าอื่นๆ เข้าประกวดแข่งขัน จะต้องนำเอกสารการแจ้งการครอบครองตามมาตรา 66 หรือ 67 ซึ่งได้จดแจ้งต่อกรมป่าไม้แล้วภายในเดือนพฤษภาคม 2535 และต้องนำเอกสารดังกล่าวติดตัวสัตว์ป่าไปด้วยทุกครั้ง และผู้ที่นำสัตว์ป่าไปเข้าประกวดแข่งขันจะต้องเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในเอกสารดังกล่าวข้างต้น หรือผู้เข้าประกวดนำสัตว์ป่าคุ้มครองอื่นไปแข่งขัน หรือมีการตกลงกันซื้อขายสัตว์ป่าคุ้มครองภายในสถานที่ประกวด จะมีความผิดตามมาตรา 19 และมาตรา 20 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือทั้งจำทั้งปรับไม่เกินสี่ปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" ถาม : เมื่อเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ทำไมชาวบ้านเลี้ยงกันได้ ไม่เห็นมีการจัมกุม ตอบ : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชี้แจ้งว่า คงไม่มีการจับกุมผู้เลี้ยงดูรายย่อย เพื่อความเพลิดเพลินหรือตามวิถีชาวบ้าน แต่จะจับกุมเฉพาะรายใหญ่ที่มีการครอบครองในจำนวนมากจนผิดสังเกต คำว่า "ผิดสังเกตุ"นั้น แปลความได้ว่า อาจเป็นนกที่ลักลอบจับมาจากป่าธรรมชาติคราวละมาก ๆ พูดกันตรง ๆ ก็คือ หากชาวบ้านซื้อนกป่ามาเลี้ยง ผิดแต่ไม่จับ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จึงเห็นร้านขายนกปรอดหัวโขน ประชาชนทั่วไปก็เลี้ยงนกชนิดนี้กันค่อนข้างมาก บางบ้านแขวนกรงนกไว้ 6-7 กรง ถาม : หากถอดชื่อรายชื่อนกออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตอบ : แน่นอน ตลาดเลี้ยงนกปรอดหัวโขนจะขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว ตาม Demand และ Supply ของตลาด มูลค่าตลาดจะเติบโตกว่า 200 ล้านบาท สร้างรายได้ให้กับคนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเลี้ยงนกชนิดนี้ ก่อให้เกิดเรื่องราวเชิงสังคมและวัฒนธรรม เช่นเดียวกับการเลี้ยงนกเขาชวา แต่... ผลพวงที่จะติดตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ จะมีการจับนกปรอดหัวโขนจากป่าธรรมชาติมาขายกันในท้องตลาดอย่างเสรี ขนาดเป็นนกที่มีกฎหมายคุ้มครอง ยังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ หากไม่มีกฎหมายคุ้มครอง จับมาขายกันเป็นว่าเล่น มิสูญพันธุ์จากธรรมชาติไปเลยหรือ หากมีการเพิกถอนนกปรอดหัวโขน อาจส่งผลให้เกิดการจับนกป่ามาเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เช่น นกที่เลี้ยงง่ายและให้เสียงไพเราะอย่างนกกระรางชนิดต่าง ๆ สุดท้าย..เมื่อมีคนนิยมเลี้ยงกันมากขึ้น ก็จะมีผู้มายื่นข้อเรียกร้องให้เพิกถอนรายชื่อออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองกันอีก หรือเราอยากจะเห็นนกป่าเลี้ยงกันอยู่แต่ในกรงขัง !!! ถาม : การเพาะเลี้ยงแล้วปล่อยออกไปสู่ธรรมชาติ ช่วยเพิ่มปริมาณนกในป่าหรือไม่ ตอบ : ถึงได้ ก็คงไม่ได้ผลอะไรมากนัก นกโดยทั่วไปที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงในกรง ย่อมไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในธรรมชาติที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่ได้ ศัตรูของนกมีอยู่จำนวนมาก ทั้งสัตว์นักล่าอย่างงูและเหยี่ยว และโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ยังไม่นับรวมถึงแหล่งอาหารที่ต้องอาศัยสัญชาตญาณสัตว์ป่าในการเข้าถึง แม้นกปรอดหัวโขนจะปรับตัวได้ง่ายในการดำรงชีวิตตามธรรมชาติ แต่ทำไมเราเลือกวิธีแก้ปัญหาด้วยการบอกว่าจะเพาะเลี้ยงให้ทดแทนแล้วปล่อยคืนสู่ป่า ตกลงว่า มันเป็นปัญหาของ "คน" หรือปัญหาของ "นก" นกอยู่ในป่าดี ๆ ทำไมคนจึงหาเรื่องเดือดร้อนไปให้มันเสียเล่า ปล่อยให้นกแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติ ไม่ดีกว่าหรือ ปัจจุบัน มีการเลี้ยงนกปรอดหัวโขนเพื่อแข่งขันจริง มีการจัดงานกันใหญ่โต มีหนังสือและเว็บไซต์เกี่ยวกับการแข่งขันและเลี้ยงนกกรงหัวจุกมากมาย มีมูลค่าธุรกิจปีละ 200 ล้านบาท สร้างเสริมรายได้ให้ชุมชนมหาศาล ก่อเกิดธุรกิจตามมาอีกจำนวนมาก ทั้งซื้อ-ขายนก กรงนก อาหารนก ยาบำรุง ยารักษาโรค และอื่น ๆ นกที่เข้าแข่งขัน ต้องคัดสรรมาเป็นพิเศษ เสียงต้องดี รูปร่างต้องสวย มีการเก็บพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ไว้เพาะเลี้ยงเพื่อปรับปรุงสายพันธุ์ นกพวกนี้ราคาแพงมาก เท่าที่ทราบตัวละเรือนหมื่นเรือนแสนก็มี ส่วนนกที่เราเห็นแขวนอยู่ตามบ้านคนหรือตามร้านค้าสัตว์ ตัวละไม่กี่ร้อยบาท ส่วนใหญ่เป็นนกที่จับมาจากป่าธรรมชาติทั้งนั้น ในภาคใต้แทบไม่เห็นนกชนิดนี้กันแล้ว เนื่องจากคนจับมาใส่กรงเลี้ยงกันเกือบหมด จะตามมาด้วยภาคเหนือและภาคอื่นๆ เพราะความนิยมเลี้ยงมาก ซื้อ-ขายกันคล่อง ทำให้การลักลอบจับนกป่าก็มากขึ้นด้วย ขนาดนกปรอดหัวโขนเป็นสัตว์ป่าค้มครองในปัจจุบัน ยังมีใบสั่งซื้อกันจำนวนมาก ทำกันล่ำสันเป็นขบวนการ ใช้ตาข่ายดักจับมาตัวละ 5-10 บาท แล้วมาขายตัวละเป็นร้อย ที่ตายไประหว่างขนส่งก็มีมาก ที่นำมาเลี้ยงแล้วตายก็มีเยอะ ทำให้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของนกในธรรมชาติอย่างยิ่ง หากสามารถจับมาขายได้อย่างอิสระ นกในป่าจะกลายเป็นนกหายาก แทบจะเห็นกันง่าย ๆ ก็แต่นกในกรงเท่านั้น การเรียกร้องให้เพิกถอนนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่มีมาตรการที่เข้มงวดและจริงจังมารองรับปัญหาลักลอบค้านกป่า ก็เท่ากับว่าเป็นการเปิดทางสะดวกให้ขบวนการค้านก จับนกมาขายโดยเสรี และโดยไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป "การเลี้ยงนกป่า" ก็เท่ากับเรา "สนับสนุนการจับมาจากธรรมชาติ" ทำให้ปริมาณนกในธรรมชาติลดไปเรื่อยๆ วิธีการที่สุดที่สุดตามสติปัญญาน้อย ๆ ของผม คือ กลุ่มผู้เพาะเลี้ยงนก นักอนุรักษ์ และกรมทรัพยากรธรรมชาติ ต้องมานั่งหารือร่วมกันว่า ทำอย่างไร การเลี้ยงนกปรอดหัวโขนที่กำลังขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนนกในธรรมชาติ หาทางออกให้กับ "นก" ไม่ใช่ "คน" ในเมื่อสมาคม-ชมรมต่าง ๆ ติดขัดปัญหาเรื่องขั้นตอนเอกสารเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยง และการแข่งขันประกวดนกปรอดหัวโขน ก็ไปแก้เจรจาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อเป็นที่พอใจกันทุกฝ่ายแล้ว การเพาะเลี้ยงหรือแข่งขันนกเพาะเลี้ยงนกปรอดหัวโขนก็ทำกันไป ส่วนนกในป่าธรรมชาติ อย่าไปยุ่งกับมัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาขอเพิกถอนรายชื่อนกออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง !!! แล้วก็มาร่วมมือกันหาทางทำลายล้างขบวนการค้านกป่าเสียให้สิ้นซาก !!! ทุกคนพูดเสียงเดียวกันว่า"รักนก" เหมือนกันไม่ใช่หรือ การเปิดประชาพิจารณ์ภายในเดือนนี้ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันและสถานที่ที่ชัดเจน อย่างน้อยน่าจะมีคำตอบและทางออกให้กับ "นก" บ้าง !!! อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง : - งานเข้าแล้วพี่น้อง .. กรมอุทยานฯ พิจารณาปลด'นกกรงหัวจุก'ออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง !!! - อยู่ดี ๆ ก็งานเข้า... นกปรอดหัวโขน.......นี่คือเรื่องจริง - ปิ๊ดจะลิว ปิ๊ดจะลิว ไปไหน... Where Have All The Birds Gone?.... เพลงป่าตะโกน
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |