*/
แมวดาว | ||
![]() |
||
แมวดาว |
||
View All ![]() |
กล้วยไม้กับเพลง นางฟ้าจำแลง | ||
![]() |
||
นางฟ้าจำแลง เพลงของสุนทราภรณ์ |
||
View All ![]() |
<< | กรกฎาคม 2014 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
ตอนที่แล้วผมพาไปตระเวนเมืองโนะโบะริเบะสึ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งของเกาะฮอกไกโด วันที่สองของการเดินทางในฤดูร้อนอย่างนี้ เรามุ่งหน้าลงไปยังตอนใต้ของตัวเกาะ เพื่อไปเยือน "ฮาโกะดาเตะ" เมืองที่กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ในภาคใต้ของเกาะฮอกไกโด มีโปรแกรมไปท่องเที่ยวกันหลายที่ ค่อนข้างหลากหลายในรสชาติ ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม แหล่งช้อปปิ้ง มีทั้งนั่งรถยนต์ ขึ้นรถไฟ ขี่จักรยาน และลอยขึ้นขุนเขาไปกับกระเช้าไฟฟ้า ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ว่าจะตื่นนอนประมาณตี 5 ครึ่ง หกโมงเช้าวางแผนออกไปหามุมเก็บภาพวิวทะเลสาบโทยายามรุ่งอรุณ ซึ่งอยู่ด้านหน้าโรงแรมที่พักเลยทีเดียว แต่เผลอตื่นขึ้นมาตอนตี 4 เปิดหน้าต่างเห็นฟ้าสว่างแล้ว บรรยากาศน้องๆ 6 โมงเช้าบ้านเรา ยามเช้ามาเยือนในอัตราความเร็วตามที่เพื่อนร่วมทางให้ข้อมูลไว้จริงๆ เลยต้องปรับแผนใหม่ ออกไปถ่ายภาพเลยดีกว่า น้ำพุร้อนสำหรับแช่เท้า Ashiyu ฟรีครับ สภาพอากาศรอบๆทะเลโทย่าดีมากทีเดียวครับ แม้ท้องฟ้าขมุกขมัวเหมือนฟ้าจะหลั่งฝนลงมา แต่ที่ได้สัมผัสก็เป็นเพียงไอหมอกเท่านั้น มีชาวเมืองและนักท่องเที่ยวมาวิ่งจ๊อกกิ้งกันหลายคน เวลาเดินผ่านคนพื้นถิ่นที่มาออกกำลังกาย มักจะได้รับรอยยิ้มและคำทักทาย "อรุณสวัสดิ์" เป็นภาษาญี่ปุ่นอยู่เสมอ ผมตอบรับคำทักทาย ด้วยการพูดภาษาท้องถิ่นว่า "โอะฮาโย โกไซอิมัส" สำเนียงทะแม่งๆ เพราะฝึกมาแค่วันเดียวเอง ทึกทักเอาว่าคนสนทนาคงฟังออก เห็นส่งยิ้มกลับมาด้วยนี่นา
กินลมชมวิวอยู่ราวหนึ่งชั่วโมง ก็ต้องกลับที่พัก จัดแจงหาอาหารหากาแฟรองท้อง เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะผจญภัยไปกับเมือง "ฮาโกะดาเตะ" ตามที่นัดหมายกันไว้ ก่อน"ชิม" ต้องมีการ"ชง"ข้อมูลกันสักเล็กน้อยครับ เมืองฮาโกะดาเตะ นั้นตั้งอยู่ทางใต้สุดของเกาะฮอกไกโด บนคาบสมุทรโอชิมะ มียอดเขาฮาโคะดาเตะสูงประมาณ 334 เมตร เป็นจุดที่สูงที่สุด ล้อมรอบด้วยทะเล ร่ำรวยทรัพยากรธรรมชาติ ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลที่สดและอร่อย มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังยาวไกลไปหลายร้อยปี อดีตเป็นถึงท่าเรือนานาชาติแห่งแรกของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่เมืองนี้ปีละกว่า 5 ล้านคน ป้ายแสดงแหล่งท่องเทีี่ยวโดยรอบทะเลสาบโทย่า
พลพรรคนักเดินทางเคลื่อนตัวออกจากโรงแรมที่พัก มาถึงสถานีรถไฟ Jr Toya station ในช่วงสายๆ เราจะนั่งรถไฟสาย jr Hokuto- 84 express ไปยังสถานีปลายทาง Onuma Koen station เพื่อทำกิจกรรมยอดฮิตของคนไทย ณ เวลานี้ นั่นคือ ปั่นจักรยานสองล้อ ไม่ใช่ปั่นกันในเมืองนะครับ งานนี้เราปั่นเที่ยวรอบทะเลสาบกันเลยทีเดียว ขอบอกว่าตัวสถานีรถไฟกับทะเลสาบอยู่ใกล้กันมาก ๆ จักรยานก็เช่าเอาจากร้านใกล้ๆ สถานีรถไฟนั่นแหละ ขึ้นรถไปจาก สถานีรถไฟ Jr Toya station ไปยัง Onuma Koen station
ทะเสาบโอนุมา เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Onuma Quasi National Park (Onuma Koen) ประกอบด้วยทะเลสาบเล็กชื่อว่าโคนุมะ (Konuma) และทะเลสาบขนาดใหญ่โอนุมา (Onuma) เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้นิยมธรรมชาติ ไม่ว่าการเดินชมธรรมชาติระยะสั้น-ระยะไกล ปั่นจักรยาน แคมปปิ้ง นั่งเรือกินลมชมวิว อยู่ห่างจากตัวเมืองฮาโกะดาเตะประมาณ 20 กิโลเมตรเองครับ จะว่าไปแล้วสภาพวิวทิวทัศน์ของที่นี่จะแตกต่างกันในแต่ละฤดูกาล จึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญและมีชื่อเสียงชาวฮอกไกโดและชาวเมืองฮาโกะดาเตะ และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ชื่นชอบความงดงามของธรรมชาติ จิบสายลม อาบแสงแดด คลอเคล้าสายน้ำ ภายใต้ท้องฟ้าใสๆ ปุยเมฆสีขาวโพลน สถานีรถไฟ Onuma Koen station แม้เป็นช่วงสั้นๆ แต่การปั่นจักรยานไปตามทะเลสาบโอนุมาของพวกเราก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ต่างเพลิดเพลินกับวิวสวยๆ เกาะแก่งทะเลสาบที่มีสะพานขนาดเล็กเชื่อมต่อถึงกัน ต้นไม้เขียวๆ น้ำใสๆ ฟ้าเป็นฟ้า มีภูเขาโคมะกะดะเค (Komagatake) เป็นฉากหลัง อากาศบริสุทธิ์สุดๆ ได้สูดกลิ่นอายธรรมชาติเข้าปอด ช่วยสูบฉีดหัวใจให้สดชื่นขึ้นเยอะทีเดียว ล่องลอยไปกับการปั่นสองล้อ ภายใต้ฤดูร้อนของทะเลสาบโอนุมา รู้สึกเหมือนถูกโอบกอดด้วยแสงแดดบางเบาอันอบอุ่น ยังไงยังงั้นเชียวครับ
เจ้าหน้าที่ร้านเช่า 2 ล้อ แนะนำเส้นทางปั่น เจ้าของร้านนำสตรอว์เบอร์รี่มาบริการลูกค้าชาวไทย หวาน กรอบ อร่อย ระหว่างปั่นจักรยานกินลมชมวิวด้วยความเพลิดพลิน ก็สอดส่ายสายตามองหาย "นก" ไปตามสัญชาตญาณของนักดูปักษา ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง นกค่อนข้างเยอะทีเดียวเจอทั้งนกเป็ดน้ำ และเหยี่ยวหลายชนิด บางตัวเป็นนกอพยพหนีหนาวเข้ามาหากินในบ้านเมืองเราในช่วงฤดูร้อน มีสถานะเข้าขั้น"หายาก" ทีเดียว ปีๆหนึ่งเห็นในไทยเพียง 3-4 ตัวเท่านั้น แต่ที่ญี่ปุ่นหาง่ายเหลือเกิน เรียกว่ามาเที่ยวฮอกไกโดครั้งนี้ ในฐานะคนชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง เป็นปลื้มมากที่สุดกับกิจกรรมปั่นจักรยานกินลมชมวิวทะเลสาบโอนุมานี่แหละ # Lunch at Crawford in ONUMA เสร็จจากกิจกรรมปั่นสองล้อชิมวิวทะเลสาบ ก็เที่ยงพอดี ได้เวลามื้อกลางวัน คราวนี้ เราไปกันที่โรงแรม Crawford Inn Onuma ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นทางปั่นจักรยานของเรา ดังนั้น เราจึงถีบจักรยานมาถึงที่นี่กันเลยทีเดียว เป็นโรงแรมสไตล์ตะวันตก ห้อมล้อมด้วยความร่มรื่นของแมกไม้ อาหารรสชาติเยี่ยมมากๆ การบริการก็น่าประทับใจ ด้านหลังของโรงแรมมองเห็นทะเลสาบ วิวสวยอยู่ไม่ใช่เล่น # Goryo-Kaku Park and Tower พื้นที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ "ฮาโกดาเตะ" มาท่องเที่ยวเกาะฮอกไกโดกันทั้งที สำหรับผู้ที่นิยมชมชอบแง่มุมทางประวัติศาสตร์ และหลงรักศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่น แนะนำให้แวะไปเยือนเมืองฮาโกะดาเตะ เมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 ของฮอกไกโด ได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งรุ่งอรุณ" มีประวัติย้อนหลังกลับไปยาวไกลหลายร้อยปี ตั้งแต่ครั้งที่ญี่ปุ่นเริ่มเปิดประเทศเลยทีเดียว ถือได้ว่า"ฮาโกดาเตะ"เป็นเมืองแรกที่มีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ ปัจจุบันเป็นเมืองท่าที่สำคัญในการติดต่อค้าขายทางเรือของญี่ปุ่น มีอีกชื่อเรียกในยุคสมัยนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "เมืองแห่งดาว 5 แฉก" พนักงานเก็บตั๋ว ในชุดยูนิฟอร์มที่คล้ายแอร์โฮสเตส รูปปั้นโทชิโซะ ฮิชิคาเตะ นักดาบผู้มีพรสวรรค์คนหนึ่ง อดีตรองหัวหน้ากลุ่มตำรวจพิเศษของรัฐบาลโชกุนโตกูกาวะ ใช่ครับ...ผมกำลังพูดถึงสถานที่สำคัญของเมืองฮาโกดาเตะ นั่นก็คือ ป้อมปราการโกเรียวคาคุ และหอชมวิวโกเรียวคาคุ ทาวเวอร์ (Goryo-Kaku Park and Tower) ก่อนจะไปเยี่ยมชมป้อมปราการใหญ่ที่มีเรื่องราวซ่อนอยู่มากมาย อยากให้ไปขึ้นหอโกเรียวคาคุ ทาวเวอร์ เพื่อชมวิวเมืองฮาโกะดาเตะ ในแบบพานอรามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิวรูปทรงดาว 5 แฉกของป้อมปราการโกเรียวคาคุที่โด่งดังไปทั่วโลก ในช่วงใบไม้ผลิที่ดอกซากุระในตัวป้อมปราการผลิบานสะพรั่ง เป็นฉากที่สวยงามราวกับเนรมิตรเลยทีเดียว ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ขึ้นมาชมความงามได้เป็นจำนวนมาก โกเรียว คาคุ ปราสาทรูปดาว 5 แฉก มองจากหอชมวิว ภายในลิฟท์ที่พานักท่องเที่ยวขึ้นไปยังหอชมวิว มีเจ้าหน้าที่สาวคอยให้ข้อมูลของหอชมวิวพร้อมๆกับมีการแสดงอินโฟร์กราฟฟิกและแอนนิเมชั่นในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ของลิฟท์กันเลยทีเดียว เล่นเอานักเดินทางจากแดนสยามอดทึ่งกับเทคนิคและไอเดียนี้ไม่ได้ ชั้นที่ 1 ของหอชมวิว เรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านไอศรีม ร้านเครื่องดื่ม และงานประติมากรรมที่ฝังอยู่ใต้พิ้นซึ่งแสดงถึงลักษณะของตัวเมืองฮาโกะดาเตะ (ทราบมาว่าที่นี่มีร้านกาแฟสดแบบ drip coffee ด้วย เสียดายด้วยเวลาจำกัด จึงไม่ได้ลิ้มรสชาติ) ส่วนชั้นที่ 2 เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ"เส้นทางประวัติศาสตร์ของโกเรียวคาคุ" เพื่อให้ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์การก่อตั้งเมือง และเรื่องราวของบุคคลสำคัญต่างๆ ในอดีต พื้นบางส่วนเป็นกระจกใส มองลงไปเห็นวิวด้านล่าง ทำให้รู้สึกเหมือนลอยอยู่ในอากาศ บางท่านเดินมาไม่ทันสังเกตุ มาเจอจุดนี้เข้า ทำเอาตกใจไปก็มาก โดยมุมมองส่วนตัว การขึ้นมาเยือนหอชมวิวนี้ ถือได้ว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาเรื่องการนำเสนอองค์ความรู้ในแง่มุมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเลยทีเดียว ทึ่งกับญี่ปุ่นที่นำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการสร้างแบบจำลองบอกเล่าเรื่องราวบรรพชนครั้งเก่า มีการเปรียบเทียบรูปทรงเมืองยุคแรกๆกับสมัยปัจุบันด้วยระบบกราฟฟิก มีการแสดงภาพถ่ายโบราณ จัดทำแบบจำลองวิวอย่างละเอียดขนาดเล็ก 16 ชิ้น แสดงถึงประวัติศาสตร์การก่อตั้งเมือง ตั้งแต่แบบจำลองที่ 1 ว่าด้วยกรณีเรือรบอเมริกันมาปิดล้อมเมืองฮาโกะดาเตะ จนถึงแบบจำลองสุดท้ายที่ 16 พูดถึงโกเรียวคาคุภายหลังสงคราม ที่สุดทึ่ง(อีกคำรบ) คือ หากนักท่องเที่ยวมีข้อสงสัยค้างคาในใจ ก็สามารถป้อนคำถามเข้าไปในเครื่อง"แนะนำโกเรียวคาคุ" (เฉพาะภาษาญี่ปุ่น) นอกจากนั้นยังมีแบบจำลองโกเรียวคาคุ และหอโกเรียวคาคุ ให้ได้ชมกันด้วย เชื่อว่าในอนาคตคงจัดทำเป็นภาษาต่างประเทศ รวมทั้งภาษาไทยด้วย เพราะคนไทยนิยมไปเที่ยวทีนี่กันมาก ขณะใช้บริการลิฟท์ลงจากหอชมวิว เพื่อไปยังป้อมปราการโกเรียวคาคุ ผมอดนึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งไม่ได้ "ประวัติศาสตร์ไม่ใช่แค่ตำรา แต่เป็นการเรียนรู้อดีต เพื่ออยู่กับปัจจุบัน และเข้าใจอนาคต" ป้อมปราการโกเรียวคาคุ สร้างโดยโตกูกาวะบาคุฟุ เมื่อปี ค.ศ. 1857 เพื่อใช้เป็นปราการป้องกันการรุกรานจากต่างชาติ หลังจากสหรัฐอเมริกานำเรือรบมาบังคับให้ญี่ปุ่นยกเลิกนโยบายปิดประเทศ และขอทำสัญญาทางการค้ากับญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1854 ต่อมา โตกูกาวะ บาคุฟุ ได้ตกลงทำสนธิสัญญาการค้ากับสหรัฐ โดยเปิดท่าเรือที่เมืองฮาโกะดาเตะ เพื่อรองรับกองเรือจากต่างประเทศ และในปี ค.ศ. 1859 จึงเริ่มเปิดนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ความหนาของป้อมปราการหิน 27-30 เมตร สูง 5-7 เมตร ไม่มีสิ่งใดยืนยงคงกระพันแม้แต่ขุนเขาสูงตระหง่าน หลังจากอำนาจของตระกูลโตกูกาวะ ค่อยๆลดลง ก็เกิดความร่วมมือของกลุ่มต่างๆ เพื่อแย่งชิงอิทธิพลจากตระกูลนี้ จนนำไปสู่สงครามที่เมืองเกียวโดเมื่อปี ค.ศ. 1868 และลุกลามกลายเป็นสงครามทั่วประเทศในที่สุด เมื่อกองทัพของตระกูลโตกูกาวะแพ้สงคราม ทหารและพันมิตรประมาณ 3,000 คน ได้ถอยร่นมาที่เมือง ฮาโกะดาเตะ ตั้งป้อมอยู่ที่ปราสาทโกเรียวคาคุ ทำให้ในปี 1869 ป้อมโกเรียวคาคุถูกใช้เป็นศูนย์กลางการปกครอง การทูต และศูนย์บัญชาการทางภาคเหนือของตระกูลโตกูกาวะ ตระกูลโตกูกาวะยื่นขออนุญาตต่อรัฐบาลใหม่ เพื่อบุกเบิกที่ดินในฮอกไกโด แต่รัฐบาลได้ส่งกำลังทหารจำนวนมากมาปราบปราม ในที่สุด ทหารของตระกูล ได้ปราชัยต่อกองทัพจักรพรรดิเมจิ ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า สงครามฮาโกะดาเตะ ซึ่งเป็นสงครามภายในครั้งสุดท้ายของญี่ปุ่น อันเป็นการสิ้นสุดการปกครองอันยาวนานในระบอบโชกุน ป้อมปราการโกเรียวคาคุ จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่เตือนความทรงจำแห่งการสิ้นสุดของระบบศักดินาของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน (หมายเหตุ : บาคุฟุ แปลว่า "ทำเนียบรัฐบาล" หมายถึงระบอบการปกครองที่นำโดยโชกุน หรือชื่อตำแหน่งทางการว่า เซอิไทโชกุน) ป้อมปราการแห่งนี้ มีลักษณะเด่นและแตกต่างไปจากป้อมปราการอื่นๆในญี่ปุ่น เนื่องจากผู้ออกแบบปราสาทได้จำลองมาจากเมืองปราสาทของทางยุโรป เรียกว่าเรียนรู้เทคโนโลยีมาจากชาวยุโรปนั่นแหละ ใช้เวลาก่อสร้างนาน 7 ปี รูปแบบของปราการเป็นรูปดาว 5 แฉก คล้ายกับเป็นดาวกระจายของนินจา อย่างไรก็ตาม จากผลของสงครามโบชิน ทำให้ตัวป้อมถูกทำลายลง เหลือเพียงส่วนฐานของปราการที่เป็นรูปดาวเท่านั้น ในปี ค.ศ. 1914 ปราสาทโกเรียวคาดุ ได้รับการพัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับการพักผ่อนชาวเมือง โดยมีการรื้อถอนอาคารเดิมออกเกือบหมด และในปี 1952 ได้รับการยกย่องให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อรำลึกถึงระบบการปกครองของโตกูกาวะ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นรัฐบาลในยุคเมจิต่อมา ห้องวีดิทัศน์ แสดงเรื่องราวในอดีตและการบูรณะ โกเรียวคาคุ ต่อมา คณะกรรมการเมืองฮาโกะตาเดะเห็นว่า การที่ไม่มีอาคารต่างๆเหลืออยู่เลยใน ทำให้เข้าใจสภาพดั้งเดิมของโกเรียวคาคุได้ยากยิ่ง จึงริเริมโครงการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถานในโกเรียวคาคุขึ้นมาใหม่ โดยจุดสำคัญอยู่ที่สร้างสำนักงานปกครองาโกะดาเตะขึ้นมาใหม่ให้อยู่ในภาพเดิม เริ่มทำการขุดค้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 หลังจากใช้เวลารวบรวมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ และภาพถ่ายในอดีต ถึง 21 ปี จึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี ค.ศ. 2006 อันเป็นการก่อสร้างที่ยึดตามหลักความเป็นจริงในอดีต เรียกว่าอดีตสร้างยังไง ปัจจุบันก็สร้างยังงั้น โดยมีการเรียกระดมผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง และช่างไม้จากทั่วประเทศ ใช้เทคนิคในการสร้างที่ไม่ใช้ตะปูในการยึดพื้นผิว จนแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2010 สำนักงานปกครองฮาโกะดาเตะก็กลับคืนมาอีกครั้งหลังวันเวลาผ่านไป 140 ปี หากเปรียบป้อมปราการแห่งนี้ เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง คุณค่าของหนังสือเล่มนั้น คงไม่ได้อยู่ที่ความใหม่หรือเก่า แต่อยู่ที่เนื้อหาที่สะท้อนออกมาต่างหาก ! ป้อมปราสาทโกเรียวคาคุ ในฤดูกาลทั้ง 4 Kanemori Red Brick Warehouse โกดังสีแดง แหล่งชอปปิ้งสุดชิล ออกจากตัวป้อมปราการเมื่อยามแดดร่มลมตก ก็ได้เวลาไปซื้อของ(ฝาก) ที่ย่าน Bay area แหล่งช็อปปิ้งสุดชิลของฮาโกะดาเตะ อารมณ์ประมาณ Asiatique ในบ้านเรา แต่ต่างกันตรงที่ Bay area ล้วน ว่ากันตามตรง ใครมาเที่ยวเกาะฮอกไกโดน้อยคนที่ไม่ขอมาเดินช็อปทีนี่ หากไม่รีบเร่ง อยากแนะนำให้เดินจากตัวป้อมปราการ ชมเมืองไปเรื่อยๆ ประมาณ 15 นาที ก็จะถึงจุดขึ้นรถราง Hakodate City Train เพื่อไปลงยังป้าย Jyujigai แล้วเดินต่อแบบสบายๆอีก 5 นาที ก็ถึงย่านโกดังอิฐแดง Kanemori Red Brick Warehouses และ Hakodate Factory แหล่งรวมสินค้านานาชนิดที่บรรดานักท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมไปถึงจากขาช้อปจากไทยแลนด์แดนสยาม นิยมมาซื้อของกันมาก โกดังอิฐแดง ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือริมทะเลในเมืองฮาโกดาเตะ เป็นโกดังเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี ของพวกพ่อค้าวานิช ที่สร้างเอาไว้เก็บสินค้าจากท่าเรือฮาโกะดาเตะ ดังนั้น รูปทรงอาคารจึงเป็นแบบตะวันตก อดีตเป็นท่าเรือญี่ปุ่นแห่งแรกที่เปิดให้มีการซื้อขายสินค้ากับต่างประเทศ แต่ปัจจุบันกลายเป็นย่านร้านค้า แหล่งบันเทิง และจุดชมวิวริมทะเล แบบครบวงจร เห็นตู้ไบรษณีย์เก่า ๆ แล้วอยากส่งจดหมายกลับมาเมืองไทยครับ ขณะเดียวกัน พื้นที่ด้านหลังโกดังที่เหลืออยู่ถูกแปลงสภาพมาเป็นแหล่งช็อปปิ้งอีกจุด ในชื่อ Hakodate Factory มีทั้งร้านขนมหวาน ร้านขายไวน์ท้องถิ่น ร้านของที่ระลึก ร้านเสื้อฟ้า ร้านทำเครื่องแก้ว ร้านกล่องดนตรี และอีกมากหมายหลายร้าน ให้เดินชมช้อปกันแบบกระจาย หลายคนนิยมนั่งทานอาหารมื้อค่ำที่โกดังอิฐแดง แล้วก็เดินชมวิวทะเลยามค่ำคืน ดื่มด่ำวันเวลาในอดีต บรรยากาศเพอร์เฟ็กต์ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ เบียร์ถูกคอ รสชาติอาหารถูกใจ กับปูยักษ์ทาราบะ ที่ Saranotsuki Seafood # Enjoy night view at Mt.Hokodate (Ropeway)
หลังจากทานอาหารมื้อค่ำที่ Saranotsuki Seafood เสร็จสรรพ ก็ถึงคิวไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าสู่ยอดเขาฮาโกดาเตะ (Mt. Hakodate) ในความสูง 334 เมตร เพื่อไปชมวิวของเมืองในมุมสูง ข้างบนสถานีจะมีร้านขายของฝาก มีร้านอาหารบริการ และชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้าเป็นสถานที่สำหรับชมวิว นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการเดินทางมาฮอกไกโดเลยทีเดียว ชาวญี่ปุ่นยกให้เป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวที่สวยที่สุดในโลกรองจากฮ่องกงและเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี เมื่อยืนอยู่บนสถานีกระเช้าลอยฟ้าบนยอดเขาแห่งนี้ สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองฮาโกดาเตะได้ไกลสุดลูกหูลูกตา จุดสำคัญๆก็มีภูเขาฮาโกะดาเตะ ช่องแคบสึการุ และเทือกเขาโยโกตสึอี แนะนำให้ไปเยือนยอดเขาแห่งนี้ ช่วงก่อนที่พระอาทิตย์จะตกประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะทำให้สามารถชมวิวได้ทั้งตอนที่ฟ้ายังสว่าง ตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะตก และตอนที่ฟ้ามืดแล้ว เหมือนซึบซับการเปลี่ยนแปลงถึง 3 ช่วงเวลา คล้ายความรู้สึก 3 ห้วงอารมณ์ "รู้จัก" ,"สัมผัส" และ"พลัดพราก" ในคราเดียวกัน เมื่อความมืดมิดมาเยือน ทอดอารมณ์มองลงไปยังเบื้องหน้า เห็นเมืองเบื้องล่างเต็มไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน ดุจดั่ง"ดาวดิน"ที่เปล่งแสงระยิบระยับประดับพื้นปฐพี ถูกโอบล้อมด้วยสีดำทะมึนของท้องทะเลยามค่ำคืน ติดตามชมกันต่อไปครับว่าวันที่ 3 ของการเดินทางเยือนฮอกไกโดช่วงฤดูร้อน เราจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันต่อครับ # สัมผัส...ฮอกไกโด ช่วงเวลาแห่งไออุ่น ตอน 1 Thank you very much everyone for an unforgettable experience Wild Mountain Thyme - Cordoba Torres from the Master Series
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |