HIV และ AIDs คืออะไร

               เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2551 ดิฉันได้มีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานและเยี่ยมผู้ป่วยที่ติดเชื้อHIVที่ Camillian social center  ที่จ.ระยอง ซึ่งการไปครั้งนี้ขอยอมรับเลยว่ากลัวมากไม่กล้าไปเจอผู้ป่วย เพราะกลัวว่าจะไปเจอผู้ป่วยที่มีอาการป่วยระยะสุดท้ายแล้ว แต่พอได้ไปจริงๆแล้ว เจ้าที่และผู้ป่วยที่ติดเชื้อนั้นน่ารักทุกคน ให้การต้อนรับกันเป็นอย่างดี และผู้ป่วยที่นั่นก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ได้รับยาต้านไวรัสจึงทำให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้อย่างปกติ และทางด้านเจ้าหน้าที่ที่Camillian social center  เองก็ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยด้วยจิตกุศลจริงๆ ทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้รับความอบอุ่นและเข้มแข็งที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกใบได้อย่างคนปกติทั่วไป นอกจากนี้เรายังได้ความรู้เรื่องHIV/AIDs จากเจ้าหน้าที่และคุณพ่อยอลอีกด้วย

               HIV ย่อจาก  Human immunodeficiency virus เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายเชื้อจะแบ่งตัวอย่างมากและมีการเกิดโรคที่อวัยวะต่างๆ เช่นสมอง หัวใจ ไตและที่สำคัญคือจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันนี้จะทำหน้าที่สร้างถูมิเพื่อต่อต้านการติดเชื้อและมะเร็งบางชนิด ในการสร้างภูมิจะต้องอาศัยเซลล์หลายชนิดที่สำคัญได้แก่เซลล์ CD4+ lymphocytes ซึ่งเป็นเซลล์ที่เชื้อ HIV ชอบ เมื่อเซลล์ CD4+ lymphocytes ถูกทำลายโดยเชื้อมากจะทำให้ภูมิของร่างกายอ่อนแอ

               AIDs ย่อมาจากคำว่า Aquired immunodeficiency syndrome ซึ่งแปลว่า กลุ่ม อาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง    เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวี  โรคนี้เป็นโรคใหม่ที่มีรายงานครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา    เมื่อ ปีพ.ศ. 2524 และมีรายงานผู้ป่วยรายแรกในประเทศไทย    เมื่อปีพ.ศ. 2527โรคนี้มีการระบาดในทวีปแอฟริกาก่อนที่จะแพร่ กระจายไปยังสหรัฐอเมริกา ยุโรป และลุกลามไปทั่วโลก 
               สาเหตุเกิดจากเชื้อ เอชไอวี ซึ่งเป็นไวรัสชนิดใหม่ เพิ่งมีการเพาะเลี้ยงแยกเชื้อ
ได้ในปี พ.ศ. 2526 เชื้อนี้ มีมากในเลือด น้ำเชื้ออสุจิ และน้ำเมือกในช่องคลอด
ของผู้ติดเชื้อ     จึงสามารถแพร่เชื้อได้โดย
               1. ทางเพศสัมพันธ์ ทั้งต่างเพศและเพศเดียวกัน (ในชายรักร่วมเพศ, เกย์)
               2. ทางเลือด เช่น การได้รับการถ่ายเลือด, การปลูกถ่ายอวัยวะที่มีเชื้อ, 
    การแปดเปื้อนผลิตภัณฑ์ จากเลือด, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นต้น
    ส่วนการใช้ของมีคม (เช่นใบมีดโกน ที่ตัดเล็บ) ร่วมกับ ผู้ติดเชื้อ การสัก 
    การเจาะหู อาจมีโอกาสแปดเปื้อนเลือดที่มีเชื้อได้ แต่จะมีโอกาสติดโรค
    ได้ ก็ต่อ เมื่อมีแผลเปิด และปริมาณเลือด หรือน้ำเหลืองที่เข้าไปใน
   ร่างกายมีจำนวนมากพอ
               3. การติดต่อจากมารดาที่มีเชื้อสู่ทารก ตั้งแต่ระยะอยู่ในครรภ์ ระยะคลอด 
    และระยะเลี้ยงดูหลัง คลอด โอกาสที่ทารกจะติดเชื้อจากมารดา ประมาณ
    20-50% จากการศึกษาในประเทศต่าง ๆ เท่าที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีการ
    ติดต่อโดย
              - การหายใจ ไอ จามรดกัน
              - การกินอาหาร และดื่มน้ำร่วมกัน
              - การว่ายน้ำในสระ หรือเล่นกีฬาร่วมกัน
              - การใช้ห้องน้ำร่วมกัน
              - การอยู่ในห้องเรียน ห้องทำงาน ยานพาหนะ หรือการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ
              - การสัมผัส โอบกอด
              - การใช้ครัว ภาชนะเครื่องครัว จาน แก้ว หรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน
              - การใช้โทรศัพท์ร่วมกัน
              - การถูกยุง หรือแมลงกัด

ที่มา : http://www.thailabonline.com/hiv1.htm

                   สถานการณ์ความรุนแรงในปัจจุบันนี้นั้นมากขึ้นทุกวัน ถึงแม้ว่าการให้ความรู้เกี่ยวเรื่องHIV/AIDsมีอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะในสถานศึกษา สื่อต่างๆ หน่วยงานต่างๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุขแต่ผู้ติดเชื้อ HIV ก็ยังเพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งสถิติของผู้ติดเชื้อ HIV ในประเทศไทยสูงถึง 1,200,000 คน และนอกจากนี้ยังมีผู้ที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองติดเชื้ออีกกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ที่รู้ตัว ส่วนผุ้ที่ติดเชื้อได้รับยาต้าน ARV มีประมาณ 30,000 คน และผู้ที่ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละปีนั้นมีประมาณ 15,000 คน ดูจากตัวเลขของผู้ติดเชื้อ HIV แล้วเป็นตัวเลขที่น่ากลัวมาก และตัวเลขเหล่านี้ก็จะมีการเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ หากว่าไม่มีการป้องกันหรือยับยั้งการแผ่เชื้อของ HIV ตัวเลขของผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว

             ในฐานะที่ดิฉันเป็นนิสิตนั้น ดิฉันคงช่วยได้เพียงแค่ป้องกันเท่านั้น แต่ดิฉันไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องของ HIV ได้และการป้องกันของดิฉันก็คงทำได้เพียงช่วยกันรณรงค์ให้ผู้ที่ยังรักสนุกทุกคนหันมายืดอกพกถุงกันเถอะค่ะ นอกจากนี้ดิฉันก็อย่างแนะนำให้ทุกท่านรักเดียวใจเดียว ไม่ไปข้องแวะกับหญิงหรือชายอื่นใดนอกจากคู่ของตนเอง เพราะถ้าท่านทุกคนมีคู่นอนเพียงคนเดียวปัญหาเกี่ยวกับการติดเชื้อ HIV ก็จะไม่เกิดกับตัวท่านเป็นอันขาด

           ดิฉันเชื้อว่าทุกคนมีความกลัวเรื่องติดเชื้อ HIV กันทุกคน แต่ท่านจะกลัวกันเพียงอย่างเดียวโดยที่มีป้องกันตนเอง แล้วความกลัวของท่านจะมีผลอะไรค่ะ