วันศุกร์ ที่ 6 กรกฎาคม 2550
Posted by
ภาพหลัง
,
ผู้อ่าน : 575
, 14:27:46 น.
หมวด : การศึกษา
พิมพ์หน้านี้
โหวต
0 คน
มนุษย์ พยายาม สร้างเครื่องมือ เพื่อ ช่วย การ คำนวณ มา ตั้ง แต่ สมัย โบราณ แล้ว จึง ได้ พยายาม พัฒนาเครื่องมือ ต่าง ๆ ให้ สามารถ ใช้ งาน ได้ ง่ายเพิ่ม ขึ้น ตาม ลำ ดับ ซึ่ง พอ ที่ จะ ลำ ดับเครื่องมือ ที่ ถูก ประดิษฐ์ ขึ้น มา มี ดัง นี้ ใน ระยะ 5,000 ปี ที่ ผ่าน มา มนุษย์ เริ่ม รู้ จัก การ ใช้ นิ้ว มือ และ นิ้ว เท้า ของ ตน เพื่อ ช่วย ใน การ คำนวณ และ พัฒนา เป็น อุปกรณ์ อื่น ๆ เช่น ลูก หิน ประมาณ 2,600 ปี ก่อน คริสตกาล ชาว จีน ได้ ประดิษฐ์เครื่องมือ เพื่อ ใช้ ใน การ คำนวณ ขึ้น มา ชนิด หนึ่ง เรียก ว่า ลูก คิด (Abacus) ซึ่ง ถือ ได้ ว่า เป็น อุปกรณ์ ช่วย การ คำนวณ ที่ เก่า แก่ ที่ สุด ใน โลก และ ยัง คง ใช้ งาน มา จน ถึงป ัจจุ บัน พ.ศ . 2158 นัก คณิต ศาสตร์ ชาว สก็อตแลนด์ ชื่อ John Napier ได้ ประดิษฐ์ อุปกรณ์ ที่ ใช้ ช่วย ใน การ คำนวณ ขึ้น มา เรียก ว่า Napier's Bones เป็น อุปกรณ์ ที่ มี ลักษณะ คล้ายกับตา ราง สูตร คูณ ใน ปัจจุบัน พ.ศ . 2185 นัก คณิต ศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส ชื่อ Blaise Pascal ได้ ออก แบบเครื่องมือ ช่วย ใน การ คำนวณ โดย ใช้ หลัก การ หมุน ของ ฟัน เฟือง หนึ่ง อัน ถูก หมุน ครบ 1 รอบ ฟัน เฟือง อีก อัน หนึ่ง ทางด้าน ซ้าย จะ ถูก หมุน ไป ด้วย ใน เศษ 1 ส่วน 10 รอบ เช่น เดียวกับการ ทด เลข สำหรับ ผล การ คำนวณ จะ ดู ได้ ที่ ช่อง บน และ ได้ ถูก เผย แพร่ ออก สู่ สา ธารณชน เมื่อ พ.ศ . 2188 แต่ ไม่ ประสบ ผล สำเร็จ เท่า ที่ ควร เครื่องมือ นี้ สามารถ ใช้ ได้ ดี ใน การ คำนวณ บวก และ ลบ เท่า นั้น ส่วน การ คูณ และ หาร ยัง ไม่ ดี เท่า ไร ใน ปี 2216 นัก ปรัชญา ชาว เยอรมัน ชื่อ Gottfried Wilhelm Baronvon Leibnitz ได้ ปรับ ปรุงเครื่องคำนวณ ของ ปาสคา ล ซึ่ง ใช้ การ บวก ซ้ำ ๆ กัน แทน การ คูณ เลข จึง ทำ ให้ สามารถ ทำ การ คูณ และ หาร ได้ โดย ตรง ซึ่ง อาศัย การ หมุน วง ล้อ ของเครื่องเอง เครื่องคิด เลข ที่ไลบ นิซ สร้าง ขึ้น เรียก ว่า Leibniz's Stepped และ ยัง ค้น พบ เลข ฐาน สอง (Binary Number) คือ เลข 0 และ เลข 1 ซึ่ง เป็น ระบบ เลข ที่ เหมาะ ใน การ คำนวณ พ.ศ . 2344 นัก ประดิษฐ์ ชาว ฝรั่งเศส ชื่อ Joseph Marie Jacquard ได้ พยายาม พัฒนา เครืองทอ ผ้า โดย ใช้ บัตร เจาะ รู ใน การ บัน ทึก คำ สั่ง ควบ คุมเครื่องทอ ผ้า ให้ ทำ ตาม แบบ ที่ กำหนด ไว้ ซึ่ง เป็น แนว ทางที่ ทำ ให้ เกิด การ ประดิษฐ์เครื่องเจาะ บัตร (Punched Card Machine) ใน เวลา ต่อ มา และ ถือ ว่า เป็นเครื่องจักร ที่ ใช้ ชุด คำ สั่ง (Program) สั่ง ทำ งาน เป็นเครื่องแรก พ.ศ . 2373 Charles Babbage ศาสตราจารย์ ทางคณิต ศาสตร์ แห่ งม หา วิทยา ลัย แคมบริดจ์ของ อังกฤษ ได้ สร้างเครื่องหา ผล ต่าง (Difference Engine) ซึ่ง เป็นเครื่องที่ ใช้ คำนวณ และ พิมพ์ ตา ราง ทางคณิต ศาสตร์ อย่าง อัตโนมัติ แต่ ก็ ไม่ สำเร็จ ตาม แนว คิด ด้วย ข้อ จำกัด ทางด้าน วิศวกรรม ใน สมัย นั้น แต่ ได้ พัฒนาเครื่องมือ หนึ่ง เรียก ว่า เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) เครื่องนี้ ประกอบ ด้วย ส่วน สำคัญ 4 ส่วน คือ 1. ส่วน เก็บ ข้อ มูล เป็น ส่วน ที่ ใช้ ใน การ เก็บ ข้อ มูล นำ เข้า และ ผล ลัพธ์ ที่ ได้ จาก การ คำนวณ 2. ส่วน ประมวล ผล เป็น ส่วน ที่ ใช้ ใน การ ประมวล ผล ทางคณิต ศาสตร์ 3. ส่วน ควบ คุม เป็น ส่วน ที่ ใช้ ใน การ เคลื่อน ย้าย ข้อ มูล ระหว่าง ส่วน เก็บ ข้อ มูล และ ส่วน ประมวล ผล 4. ส่วน รับ ข้อ มูล เข้า และ แสดง ผล ลัพธ์ เป็น ส่วน ที่ ใช้ รับ ข้อ มูล จาก ภาย นอกเครื่องเข้า สู่ ส่วน เก็บ ข้อ มูล และ แสดง ผล ลัพธ์ ที่ ได้ จาก การ คำนวณด้วยเครื่องวิเคราะห์ นี้ มี ลักษณะ ใกล้ เคียงกับส่วน ประกอบ ของ ระบบ คอมพิวเตอร์ ในปัจจุบ ั น จึง ทำ ให้ Charles Babbage ได้ รับ การ ยก ย่อง ให้ เป็น "บิดา แห่งคอมพิวเตอร์ " พ.ศ . 2385 สุภาพ สตรี ชาว อังกฤษ ชื่อ Lady Augusta Ada Byron ได้ ทำ การ แปล เรื่อง ราว เกี่ยวกับเครื่อ ง Analytical Engine และ ได้ เขียน ขั้น ตอน ของ คำ สั่ง วิธี ใช้เครื่องนี้ ให้ ทำ การ คำนวณ ที่ ยุ่ง ยาก ซับ ซ้อน ไว้ ใน หนังสือ Taylor's Scientific Memories จึง นับ ได้ ว่า ออ กุสต้า เป็น โปรแกรมเมอร์คน แรก ของ โลก และ ยัง ค้น พบ อีก ว่า ชุด บัตร เจาะ รู ที่ บรรจุ ชุด คำ สั่ง ไว้ สามารถ นำ กลับ มา ทำ งาน ซ้ำ ใหม่ ได้ ถ้า ต้อง การ นั่น คือ หลัก การ ทำ งาน วน ซ้ำ หรือ ที่ เรียก ว่า Loop เครื่องมือ คำนวณ ที่ ถูก พัฒนา ขึ้น ใน ศต วรรษ ที่ 19 นั้น ทำ งานกับเลข ฐาน สิบ (Decimal Number) แต่ เมื่อ เริ่ม ต้น ของ ศต วรรษ ที่ 20 ระบบ คอมพิวเตอร์ ได้ ถูก พัฒนา ขึ้น เป็น ลำ ดับ จึง ทำ ให้ มี การ เปลี่ยน แปลง มา ใช้ เลข ฐาน สอง (Binary Number)กับระบบ คอมพิวเตอร์ ที่ เป็น ผล สืบ เนื่อง มา จาก หลัก ของ พีชคณิต พ.ศ . 2397 นัก คณิต ศาสตร์ ชาว อังกฤษ George Boole ได้ สร้าง ระบบ พีชคณิต แบบ ใหม่ เรียก ว่า พีชคณิตบูลลีน (Boolean Algebra)ซึ่ง มี ประ โยชน์ มาก ต่อ การ ออก แบบ วง จร ไฟ ฟ้า และ อิเล็กทรอนิกส์ และ การ ออก แบบ ทางตรรก วิทยา ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ใน ปัจจุบัน ด้วย พ.ศ . 2423 Dr. Herman Hollerith นัก สถิติ ชาว อเมริกัน ได้ ประดิษฐ์เครื่องประมวล ผล ทางสถิติเครื่องแรก ซึ่ง ใช้กับบัตร เจาะ รู ซึ่ง ได้ ถูก นำ มา ใช้ ใน งาน สำรวจ สำ มะ โน ประชา กร ของ สหรัฐ อเมริกา เรียก บัตร เจาะ รู นี้ ว่า บัตรฮอลเลอ ริท หรือ บัตร ไอบีเอ็ม เพราะ ผู้ ผลิต คือ บริษัท ไอบีเอ็ม พ.ศ . 2480 ศาสตราจารย์ Howard Aiken ได้ พัฒนาเครื่องคำนวณ ตาม แนว คิด ของ แบบเบจ ร่วมกับวิศวกร ของ บริษัท ไอบีเอ็มได้ สำเร็จ โดยเครื่องจะ ทำ งาน แบบเครื่องจักร กล ปน ไฟ ฟ้า และ ใช้ บัตร เจาะ รู เป็นสื ่อใน การ นำ ข้อ มูล เข้า สู่เครื่องเพื่อ ทำ การ ประมวล ผล เครื่องมือ นี้ มี ชื่อ ว่า MARK I หรือ มี อีก ชื่อ หนึ่ง ว่า IBM Automatic Sequence Controlled Calculator และ นับ เป็นเครื่องคำนวณ แบบ อัตโนมัติเครื่องแรก ของ โลก พ.ศ . 2486 เป็น ช่วง สงคราม โลก ครั้ง ที่ 2 ศูนย์ วิจัย ของ กอง ทัพ บก สหรัฐ อเมริกา ต้อง การเครื่องคำนวณ หา ทิศ ทางและ ระยะ ทางใน การ ส่ง ขีปนาวุธ ซึ่ง ถ้า ใช้เครื่องคำนวณ สมัย นั้น จะ ต้อง ใช้ เวลา ถึง 12 ชม.ต่อกา รยิง 1 ครั้ง ดัง นั้น จึง ให้ ทุน อุด หนุน แก่ John W. Mauchly และ Persper Eckert สร้าง คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ ขึ้น มา มี ชื่อ ว่า ENIAC (Electronic Numerical Intergrater and Calculator) สำเร็จ ใน ปี 2489 โดย นำ หลอดสุญญากาศจำนวน 18,000 หลอด มา ใช้ ใน การ สร้าง ซึ่ง มี ข้อ ดี คือ ทำ ให้เครื่องมี ความ เร็ว และ มี ความ ถูก ต้อง แม่น ยำ ใน การ คำนวณ มาก ขึ้น พ.ศ . 2492 Dr. John Von Neumann ได้ พบ วิธี การ เก็บ โปรแกรม ไว้ ใน หน่วย ความ จำ ของเครื่องได้ สำเร็จ เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ถุฏพัฒนา ขึ้น ตาม แนว คิด นี้ ได้ แก่ EDVAC (Electronic Discrete Variable Automatic Computer) และ นำ มา ใช้ งาน จริง ใน ปี 2494 และ ใน เวลา เดียว กัน มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ก็ ได้ มี การ สร้าง คอมพิวเตอร์ ใน ลักษณะ คล้ายกับเครื่อ ง EDVAC นี้ และ ให้ ชื่อ ว่า EDSAC (Electronic Delay Strorage Automatic Calculator) มี ลักษณะ การ ทำ งาน เหมือนกับ EDVAC คือ เก็บ โปรแกรม ไว้ ใน หน่วย ความ จำ แต่ มี ลักษณะ พิเศษ ที่ แตก ต่าง ออก ไป คือ ใช้ เทปแม่ เหล็ก ใน การ บัน ทึก ข้อ มูล ต่อ มา ศาสตราจารย์ แอคเคิทและ มอชลี ได้ ร่วม มือ กัน สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ อีก ชื่อ ว่า UNIVAC I (Universal Automatic Calculator) ซึ่ง ผลิต ขึ้น มา เพื่อ ขาย หรือเช่า เป็นเครื่องแรก ที่ ออก สู่ ตลาด ซึ่ง ทำ ให้ คอมพิวเตอร์ ขยาย ตัว ออก ไป ใน ภาค เอกชน และ เริ่ม มี การ ซื้อ ขาย คอมพิวเตอร์ เพื่อ ใช้ งาน กัน อย่าง แพร่ หลาย และ วิวัฒนาการ เรื่อย มา จน ถึง ปัจจุบัน