สัปดาห์ที่ผ่านมาผมแวะไปพักผ่อนที่ฮ่องกง 4-5 วัน ต้องลุ้นแทบแย่ว่าจะถูกยกเลิกเที่ยวบินหรือไม่ เพราะก่อนหน้านั้น 2 วัน มีซุปเปอร์ไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งจีนบริเวณฮ่องกงพอดี แต่โชคดีไต้ฝุ่นไม่ดีเลย์ ขึ้นฝั่งตามเวลาที่คาดไว้ หลังจากนั้น 2 วันผมก็เดินทางไปโดยสวัสดิภาพ ความจริงหน้ามรสุมซึ่งตรงกับฤดูร้อนของฮ่องกงเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าไปเที่ยว เพราะนอกจากมีฝนและพายุแล้ว อากาศยังร้อนอบอ้าวอีกด้วย ถ้าให้ดีไปช่วงใบไม้ร่วงจะดีที่สุด ประมาณตุลาคม-พฤศจิกายน

           ไปฮ่องกงเที่ยวนี้ไม่ได้ไปเที่ยวอย่างจริงจัง เพราะเคยไปมาหลายครั้งแล้ว หลายแห่งที่แวะไปคราวนี้ก็เพราะประทับใจ และอยากจะไปถ่ายรูปเก็บไว้และก็ไม่ผิดหวังที่ได้รูปสวยๆมามากมาย

           ฮ่องกงยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเร่งรีบของผู้คน ความแออัดภายในรถไฟฟ้าใต้ดิน แม้แต่เสียงประกาศสามภาษาในรถไฟฟ้าใต้ดินก็ยังเป็นเสียงคนเดิมๆ ยกเว้นค่าเงินฮ่องกงอ่อนลงไปเยอะ แค่ 4 บาทต่อเหรียญ เมื่อเทียบกับกับ 4.50 บาทก่อนหน้านี้

ทางเข้าประตูสวนจีน

           วันแรกเราแวะไปสำนักชีฉีหลินซึ่งมีสวนจีนที่สวยงามมาก สวนจีนที่สวยงามตามแบบฉบับของยุคราชวงศ์ถัง สวนจีนที่เน้นก้อนหินก้อนใหญ่ๆ สำนักชีฉีหลินแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยมีถนนคั่นกลาง ส่วนแรกเป็นอารามซึ่งดูเงียบสงบ มีพระพุทธรูป แต่ไม่มีการจุดธูปเทียน ส่วนใหญ่จะห้ามการถ่ายรูป จึงไม่ค่อยมีรูปมาให้ดู อีกส่วนหนึ่งเป็นสวนจีน ซึ่งทั้งสองส่วนมีสะพานข้ามถนนเพื่อต่อเชื่อมกัน

ป้ายชือสวน "หนานเหลียน"

          ส่วนที่เป็นอารามซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนมีชื่อว่าจื้อเหลียนหรือฉีหลินในสำเนียงกวางตุ้ง แต่สวนจีนนี้มีชื่อเรียกว่าหนานเหลียน

ภายในสวน

ต้นไม้ภายในสวนมีไม่กี่ชนิด

มีถนนรอบสวนเป็นวงกลม

ตรงนี้ทำเป็นน้ำตก

จุดเด่นของสวนก็คือเนินที่มีทั้งต้นไม้และก้อนหินซึ่งจัดอย่างลงตัว

อีกมุมหนึ่ง

กังหันวิดน้ำที่อยู่ข้างๆน้ำตก

ไฮไลท์ของสวนก็คือทะเลสาบเล็กๆ มีปลาคาร์ฟตัวใหญ่ด้วย

กลมกลืนไปกับตึกสมัยใหม่ที่อยู่เบื้องหลังแทนขุนเขา

ก้อนหินใหญ่ที่นำมาประดับสวนมีมากจริงๆ

พลับพลาสีทองหลังนี้เป็นพระเอกของสวนนี้เลยทีเดียว

อยู่กลางสระน้ำที่กลมกลืนกับต้นไม้โดยรอบ

อากาศที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนกลับทำให้แสงอยู่ในระดับพอดี ไม่จ้าเกินไป

สะพานสีแดงเข้ากันได้ดีกับพลับพลาสีทอง

เราข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามที่เป็นอาราม หรือสำนักนางชีฉีหลิน (Chi Lin Nunery)

         สำนักนางชีฝั่งนี้ค่อนข้างเข้มงวดกับการถ่ายรูป เลยได้ภาพมาแค่นี้ ไฮไลท์อยู่ที่ตัวอาคารซึ่งสร้างแบบโบราณ ไม่ใช้ตาปูเลย หลังอาคารนี้จะเห็นภูเขาอยู่เบื้องหลังซึ่งสำนักนางชีแห่งนี้กินบริเวณออกไปอีกมาก แต่คงเป็นบริเวณที่สงวนไว้สำหรับปฏิบัติธรรม เพราะผ่านไปไม่ได้

ทิ้งท้ายด้วยภาพนี้ก่อนหนีฝนกลับไปพักผ่อน

        วันรุ่งขึ้น เราไม่รู้จะไปไหนดี เพราะไม่ได้วางแผนล่วงหน้า เห็นอากาศคงจะดีขึ้น ไประลึกความหลังที่สวนสนุกโอเชี่ยนพาร์คก็แล้ว พบกันสัปดาห์หน้าครับ