คุ้มค่าจริง ๆ กับการใช้ส่วนเสี้ยวเล็ก ๆ ของวันหยุดไปเข้าวัดเข้าวาบ้าง ไปแค่วัดเดียวแต่ก็ดูจะได้คุณค่าและความสุขแบบ 4 in 1 คือหนึ่งธรรมะดีงาม สองโบราณสถานมากคุณค่า สามธรรมชาติสวย และสี่ทุ่งทานตะวันบานสะพรั่ง วัดที่พูดถึงนี้ก็คือวัดเขาวง ซึ่งอยู่ที่ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ภายในบริเวณวัดมีโบราณสถานถ้ำนารายณ์ซึ่งมีจารึกโบราณอยู่ที่บริเวณปากทางเข้าถ้ำ ระยะทางจากบ้านประมาณ 130-140 กม. ใช้เวลาขับรถชั่วโมงครึ่ง พอ ๆ กันกับเวลาที่ใช้อยู่บนถนนตอนไปทำงานเช้า ๆ และกลับบ้านตอนเย็น ๆ การเดินทางใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน จากสระบุรีที่มุ่งหน้าไปทางลพบุรี พอถึงสามแยกไฟแดงหน้าพระลาน ก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวง 3034 ไปได้ประมาณ 4 กม.ครึ่ง ก็เลี้ยวขวาตรงสามแยกไฟแดงเข้าถนนทางหลวง 4009 เลี้ยวไปประมาณ 700-800 เมตร ก็จะเจอประตูทางเข้าวัดอยู่ทางฝั่งขวามือ เมื่อเลี้ยวรถเข้าสู่บริเวณวัดก็ได้เห็นถึงความสงบร่มรื่นของธรรมชาติที่ได้รับการดูแลให้มีความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย แค่บริเวณที่จอดรถก็ยังดูร่มรื่นสวยงามอยู่ท่ามกลางร่มเงาของหมู่ต้นไม้สีเขียว เดินท้าแดดออกไปที่ลานทุ่งทานตะวันส่องธรรม มาดูทุ่งทานตะวันสีเหลืองบานสะพรั่งเต็มทุ่งให้เต็มตาก่อน จะได้ไม่ต้องเลยไปตระเวนแวะหาดูทุ่งทานตะวันที่ไหนอื่นอีก ทุ่งทานตะวันสีเหลืองที่มีฉากหลังเป็นป่าเขาธรรมชาติ เห็นพระพุทธอภัยทาน หรือหลวงพ่อขาว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสีขาว ๆ บนเขาอยู่ไกล ๆ กลับเข้าสู่เส้นทางเดินเพื่อเที่ยวชมในบริเวณวัด มาที่นี่เจอแดดร้อนหรือฝนตกแล้วไม่ได้พกเอาร่มติดตัวมาด้วย ไม่ต้องทนตากแดดหรือฝนเพราะมีบริการร่มให้ใช้แล้วคืน พื้นที่โดยรวมของวัดนั้นดูกว้างขวาง แต่พื้นที่สำหรับนักเที่ยวชมดูจะมีอยู่น้อยกว่าพื้นที่ของผู้มาปฏิบัติธรรม ตามเส้นทางเดินมีต้นไม้ให้ร่มเงาและม้าหินให้นั่งพักอยู่ตลอดแนวทั้งสองฝั่งถนน ความสวยงามเป็นระเบียบของต้นไม้ใบหญ้าและการดูแลจัดแต่งสิ่งต่าง ๆ ให้ดูสบายตา ก็น่าจะเป็นอะไรอย่างหนึ่งที่ช่วยเริ่มต้นให้จิตดูสงบ สบาย พร้อมที่จะตั้งมั่นและมีกำลัง ต่างจากการได้เห็นอะไรที่ดูรกรุงรังซึ่งจะฉุดรั้งจิตให้ดูหมองวุ่นวายไม่นิ่ง บริเวณสวนสมเด็จพระศรีจักรีวงศ์ประดิษฐานรูปหล่อพระศรีอาริยเมตไตรย พระหัตถ์ซ้ายทรงจักร พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช บริเวณอุทยานปฏิบัติธรรมเทิดพระเกียรติบรมราชจักรีวงศ์ มุมมองที่ได้เห็นพระพุทธอภัยทาน หรือหลวงพ่อขาว ดูสวยงามที่สุด นามพระพุทธรูปอภัยทานนั้นช่วยกระตุ้นเตือนจิตให้รู้จักการไม่ผูกโกรธ การไม่อาฆาตจองเวรผูกพยาบาทคิดร้าย ลำดับประวัติของวัดเขาวงมีว่าได้รับอนุญาตให้สร้างวัดเมื่อปี 2460 ถึงปีนี้ก็ครบ 100 ปีพอดี และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี 2521 และมีการดำเนินการผูกพัทธสีมาเมื่อปี 2553 แต่ถ้าย้อนหลังไปดูถึงจารึกอักษรโบราณที่ผนังปากถ้ำนารายณ์ซึ่งก็น่าจะมีอายุกว่า 1,200 ปีมาแล้ว แสดงถึงการมีอยู่ของผู้คนในบริเวณนี้ที่มีมาตั้งแต่ยาวนานนั้นแล้ว ไม่ได้เดินเข้าไปในเขตสังฆาวาส เกรงว่าจะเป็นการเข้าไปรบกวนสงฆ์ ก็เลยไม่ได้ไปไหว้หลวงพ่อขาวให้ถึงองค์พระบนเขา พระอุโบสถของวัดสร้างแบบสถาปัตยกรรมร่วมสมัย เหมือนจะเคยได้ยินว่าผู้ออกแบบคือ อาจารย์ก่อเกียรติ ทองผุด จากกรมศิลปากร อายุอานามของโบสถ์ยังดูใหม่น่าจะสักประมาณ 8-9 ปี สร้างอยู่ในที่เดิมแทนโบสถ์หลังเก่าซึ่งชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ไม่มีสิ่งประดับอะไรมากมายนัก การตกแต่งดูเรียบง่ายสบายตา สงบร่มเย็น ไม่วุ่นวาย รูปหล่อพระอรหันต์ 4 องค์ ที่อยู่ด้านหน้าโบสถ์ 2 องค์ และอยู่ด้านหลังโบสถ์อีก 2 องค์นั้น เป็นผลงานของคุณไพโรจน์ ศิริพลเลิศ ผู้ให้กำเนิดอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามที่บางแพ ราชบุรี ผนังและเสาก่อด้วยหินแกรนิต เครื่องแสดงเขตสีมาเป็นก้อนหินที่แกะสลักรูปลายธรรมจักรไว้ ทั้งหมดนี้ชวนให้ดูกลมกลืนเข้ากันกับธรรมชาติของพื้นที่ซึ่งเป็นภูเขาหินปูน ถอดรองเท้าเข้าไปกราบพระพุทธรูปประธานในโบสถ์ มีพระพุทธปฏิมากรทรงเครื่องอยู่สององค์ องค์หน้าทรงเครื่องจักรพรรดิราชประดิษฐานอยู่บนฐานที่ต่ำลดหลั่นลงมาจากองค์หลังที่ทรงสร้อยสังวาลย์ดูงามวิจิตร บนผนังโบสถ์ด้านบนมีภาพเขียนพุทธประวัติประดับอยู่ เป็นผลงานของอาจารย์คำนวณ ชานันโท เจ้าของฉายาพุทธจิตรกร พระพุทธรูปประธานทั้งสององค์ต่างก็น่าจะเป็นรูปลักษณ์ตัวแทนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่ก่อนเป็นเด็กโตมาในบ้านที่อยู่หน้าวัด ก็วิ่งเข้าโบสถ์ในวัดอยู่แทบทุกวันได้กราบพระพุทธรูปที่เข้าใจว่ามีแต่รูปตัวแทนของพระสมณโคดมพุทธเจ้า แต่หลัง ๆ มานี้ในหลาย ๆ วัดจะมีพระพุทธรูปให้เห็นกันอยู่อีกหลายแบบและหลายเครื่องทรง ทั้งที่เรียกว่าพระพุทธเจ้าองค์ปฐมหรือสมเด็จองค์ปฐม พระปัจเจกพุทธเจ้า พระศรีอาริยเมตไตรย เพิ่มเข้ามา รูปลักษณ์ในการสร้างองค์พระของแต่ละวัดก็มีแตกต่างกันไปบ้างหรือบางทีก็ดูคล้าย ๆ กันบ้าง ซึ่งก็น้อมก้มกราบด้วยจิตศรัทธาที่มีอยู่เหนือความสับสนไม่รู้นั้นทุกครั้งไป หากแต่ละวัดจะมีคำบอกเล่าอะไรไว้ด้วยสักหน่อย ก็จะเป็นกุศลผลบุญยิ่งแก่คนมาวัดที่ไม่ค่อยจะรู้อะไรเรื่องพระพุทธรูปในวัดสักเท่าไร ภายหน้าต่อไปก็ยังไม่รู้ว่าจะมีการสร้างพระพุทธรูปที่เป็นสิ่งแทนพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ กันเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า ก็คติความเชื่อทางศาสนานั้นพูดถึงพระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นแล้วไว้ไม่น้อยกว่า 30 พระองค์ กราบพระด้วยใจอันสงบนิ่งแล้วก็เดินกลับออกมาจากโบสถ์ ได้เห็นและรับรู้ถึงการออกแบบสิ่งก่อสร้างที่ทำให้ดูกลมกลืนใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ เป็นความสวยแบบเรียบง่าย ตัดความหรูหราประดับประดาลง เหลือไว้แต่ประโยชน์ใช้สอย ด้านหลังโบสถ์บนผนังด้านบนประดับไว้ด้วยแท่นเศียรพระปรกใบโพธิ์ ส่วนที่พื้นมีตุ่มน้ำตั้งอยู่ใบหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะแฝงปริศนาธรรมอะไรไว้หรือไม่ ดูแล้วก็ยังยากที่จะเข้าใจ ก็เลยได้แต่ปล่อยจิตให้ว่างเปล่า คิดมากไปเดี๋ยวก็ต้องไล่ตามตะครุบเอาจิตกลับมา บริเวณรอบ ๆ ท่ามกลางหมู่แมกไม้ที่ร่มรื่นก็ยังมีพระพุทธรูปที่ประดิษฐานไว้เป็นเครื่องช่วยรั้งสติไม่ให้คิดหลงออกนอกลู่นอกทาง แล้วก็ยังมีรูปหล่อจำลองของพระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันติดปากว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำในอิริยาบทนั่งอยู่ที่ใต้ต้นโพธิ์ ซึ่งวัดเขาวงแห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมเจริญพระกรรมฐานในสายทางของหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุงและหลวงปู่ปานวัดบางนมโคมาอย่างต่อเนื่อง เดินต่อมาที่บริเวณศาลพระนารายณ์ ซึ่งอยู่ด้านข้างติดต่อกับร้านขายของของทางวัดที่ชื่อร้านวันยังค่ำ บรรยากาศเป็นแบบมินิมาร์ทที่มีของขายครบครันทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ขนม เบเกอรี่ เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในวัดเขาวงจะมีถ้ำที่มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานซึ่งมีชื่อเรียกว่าถ้ำนารายณ์ เหตุผลหนึ่งของการเรียกชื่อนี้ต่อ ๆ กันมาก็ด้วยมีเรื่องเล่าว่าแต่ก่อนนานมาแล้วภายในถ้ำแห่งนี้ได้มีรูปหล่อสำริดพระนารายณ์ทรงครุฑหรือทรงฤทธิ์ซึ่งเป็นศิลปะแบบโบราณอายุน่าจะนานกว่าพันปีสถิตย์อยู่เป็นที่สักการะของชาวบ้าน แต่ต่อมารูปหล่อดังกล่าวได้สูญหายไป แต่ชาวบ้านก็ยังคงติดปากเรียกว่าถ้ำนารายณ์กันสืบเนื่องต่อมา จนกระทั่งเมื่อท่านพระครูภาวนาวิลาศ หรือหลวงตาวัชรชัย อินทวังโส ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาวงรูปปัจจุบัน ได้มาจำพรรษาเพื่อบูรณะวัดแห่งนี้ ก็ได้มีผู้ที่นำรูปหล่อสำริดพระนารายณ์ทรงฤทธิ์มาถวาย ซึ่งเหมือนเป็นเหตุอัศจรรย์ โดยอายุอานามความเก่าแก่ของรูปหล่อสำริดพระนารายณ์ทรงฤทธิ์ที่มีผู้นำมาถวายนี้ ก็น่าจะอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันกับรูปหล่อสำริดเดิมที่ว่าหายไป จากนั้นจึงได้มีการสร้างศาลพระนารายณ์ขึ้นไว้ที่บริเวณด้านนอกถ้ำเพื่อใช้ประดิษฐานรูปหล่อสำริดพระนารายณ์ทรงฤทธิ์นี้ไว้ให้ผู้คนได้สักการะบูชา ซึ่งเมื่อปี 2533 ก็ได้มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวศาลให้ดูเป็นศิลปะแบบลพบุรี ซึ่งเหมาะสมสวยงามรับกับองค์รูปหล่อสำริดพระนารายณ์ทรงฤทธิ์ที่เป็นศิลปะแบบลพบุรี-ทวารวดี ถ้ำนารายณ์หรือถ้ำเขาวงเป็นถ้ำที่มีปากถ้ำทางเข้าอยู่ในระดับพื้นดิน ทำให้การเดินเข้าถ้ำน้ำทำได้โดยง่าย ไม่ต้องเดินหรือปีนขึ้นเขาให้ลำบากเหนื่อยยาก บริเวณปากทางเข้าถ้ำทางวัดเขาวงได้สร้างวิหารครอบไว้ ภายในวิหารมีพระพุทธรูปดินปั้นพอกด้วยปูนอยู่องค์หนึ่งเป็นพระประธาน หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของศาลพระนารายณ์แล้ว ก็ได้มีการปรับแต่งวิหารหลังนี้บางส่วนจากที่ดูเป็นศิลปะแบบอยุธยามาเป็นศิลปะแบบทวารวดี เพื่อให้ดูกลมกลืนเข้ากันกับยุคสมัยของรูปหล่อสำริดพระนารายณ์ทรงฤทธิ์และจารึกอักษรโบราณที่ปากถ้ำ เมื่อการปรับปรุงวิหารแล้วเสร็จดี ก็ได้มีการสร้างพระประธานในวิหารขึ้นใหม่แทนองค์เก่าที่ชำรุดเสียหายยากแก่การบูรณะ พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นใหม่นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดหน้าตัก 4 ศอก สร้างด้วยซีเมนต์ขาวทั้งองค์ โดยไม่ได้ใช้วิธีเทปูนหล่อคอนกรีต แต่ใช้ปูนปั้นแบบปั้นสด จากนั้นในช่วงต้นปี 2554 ก็ได้มีการหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสนแบบสิงห์หนึ่ง หน้าตัก 25 นิ้วอีกองค์หนึ่ง ไว้ให้คนที่มากราบบูชาได้ปิดทองคำเปลวที่องค์พระ ในโอกาสเดียวกันนั้นก็ได้มีการปรับปรุงแผ่นป้ายคำแปลของจารึกอักษรปัลลวะที่อยู่บนผนังหินหน้าถ้ำ รวมถึงฐานของแผ่นป้ายดังกล่าวให้ดูเด่นชัดสวยงามขึ้นด้วย จารึกอักษรโบราณที่ผนังปากถ้ำด้านขวานี้ อยู่สูงจากระดับพื้นดินประมาณ 2 เมตรครึ่ง โดยจารึกไว้มีความยาว 3 บรรทัด ซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้ที่มาจารึกเอาไว้ แต่จากลักษณะของตัวอักษรเป็นอักษรปัลลวะประกอบด้วยพยัญชนะและสระ ส่วนถ้อยคำที่จารึกเป็นภาษามอญโบราณ ประมาณว่าน่าจะอยู่ช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 ในยุคทวารวดี ผู้ที่สามารถอ่านและแปลอักษรจารึกนี้ได้คือ อาจารย์เทิม มีเต็ม และอาจารย์จำปา เยื้องเจริญ สองกูรูทางด้านจารึกและอักษรโบราณ ที่อ่านข้อความจารึกได้ว่า “กมุน์ อนุราธปุรโกอ์ก (ตน์) กุนทรีชน์ชิน์” “รน์เลห์โกมญฺะฑาง์ปอ (ป์) ตนาย์สินาธ” และ “ห์นนะโตย์โลปฑย์โวอ์” แปลได้ความว่า “กุนทรีชนผู้ตั้งอาณาจักรอนุราธปุระ ได้มอบให้พ่อลุงสินายธะเป็นตัวแทน พร้อมทั้งชาวเมือง (อนุราธปุระ) ร่วมกันจัดพิธีขับร้องฟ้อนรำ (เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองปูชนียวัตถุ) ที่ประดิษฐานไว้แล้วในสถานที่นี้" ปากทางเข้าถ้ำมีการออกแบบให้ป้องกันสัตว์ปีกที่จะบินเข้ามาอยู่อาศัยภายในถ้ำ ส่วนภายในถ้ำก็มีการดูแลให้มีความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย บรรยากาศภายในถ้ำดูสงบร่มเย็นเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับจะใช้เป็นสถานที่เจริญสติปฏิบัติธรรม รูปหล่อเหมือนหลวงพ่อฤาษีลิงดำในอิริยาบทยืน กับอีกองค์หนึ่งเห็นแล้วยังนึกไม่ออกว่าน่าจะเป็นพระอริยะรูปใด ด้านในสุดยังมีพระพุทธรูปอีก 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปสีขาวทั้งองค์ อีกองค์หนึ่งเป็นพระแก้วมรกต ผนังหินที่อยู่ด้านหลังพระแก้วมรกตมีหลายสายตามองว่ามีรูปลักษณ์คล้ายกับพระสังกัจจายน์ หน้าถ้ำฝั่งด้านซ้ายมือของวิหารปากทางเข้าถ้ำนารายณ์ มีน้ำตกเล็ก ๆ และสระน้ำเล็ก ๆ อยู่ในบริเวณที่เรียกว่าศาลแม่กวนอิม ซึ่งมีรูปบูชาของพระโพธิสัตว์กวนอิมและเป็นสถานที่ที่จัดให้มีการเสี่ยงทำนายด้วยเซียมซี ในสระน้ำมีปลาคาร์พว่ายวนไปมาให้ดูอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ศาลแม่กวนอิมอยู่ติดกับอาคารสำนักงานกลาง เป็นสถานที่ติดต่อบริจาคทำบุญและติดต่อเพื่อที่จะมาพักปฏิบัติธรรม พื้นที่ที่อยู่เลยถัดต่อจากอาคารสำนักงานกลางนี้ไปเป็นพื้นที่ส่วนที่สงวนไว้ให้เฉพาะผู้ที่มาปฏิบัติธรรม มาเที่ยวชมอย่างเดียวก็เลยไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านประตูตรงนี้เข้าไป เลื่อนเปิดประตูเดินเข้าไปในบริเวณที่เป็นสวนวันนี้ดีที่สุด ที่มีป้ายติดบอกไว้ว่าเฉพาะผู้ปฏิบัติธรรม ประเมินจากป้ายที่มีคำเชื้อเชิญแล้ว ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงจะไม่มีใครว่าเป็นการเข้ามาแบบถือวิสาสะ ไม่น่าจะเหมือนกับบางสถานที่ที่มีติดไว้ทั้งป้าย “ยินดีต้อนรับ” และป้าย “ห้ามเข้า” ก็เลยไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ เป็นสวนที่มีความสุขสงบร่มรื่นและร่มเย็น เหมาะสำหรับการมาปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง มาเที่ยววัดเขาวงแล้วไม่ได้กลับบ้านไปอย่างว่างเปล่า ถึงจะไม่ได้ศีลและสมาธิกลับไปอย่างคนที่มาปฏิบัติธรรม แต่อย่างน้อยก็น่าจะได้สติและปัญญาติดตัวกลับบ้านไปบ้าง หลาย ๆ ที่นั่งพักใต้ร่มไม้นอกจากจะให้ร่มเงาความร่มเย็นแล้ว ยังมีคติธรรมคำสอนไว้ให้ได้คิด ช่วยทำให้จิตใจและปัญญาสว่างไสวหายมืดบอดไปได้บ้าง แค่เห็นป้ายบอกว่า “เชิญเถิด..เชิญนั่งให้เป็นสุข นั่งพักทุกข์ภาวนา.. กุศลสั่งสมมา.. ย่อมให้ผลอิ่มเอมใจ” เท่านี้ก็ชวนให้จิตใจอ่อนระทวยอยากทรุดตัวลงนั่งอยู่นาน ๆ ซึ่งก็อยากออกปากชวนคนที่ว่าทุกวันนี้ต้องทำงานเจอกับเรื่องที่หนัก ๆ เหนื่อย ๆ สารพัด มานั่งพักทุกข์ดูบ้าง เผื่อจะได้หายอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด ด้วยว่า “บัณฑิตย่อมไม่แสดงอาการขึ้นลง” โลกทุกวันนี้เพิ่งจะรู้จักว่าความไม่แน่นอนเป็นเรื่องที่แน่นอน แล้วมาตั้งชื่อเรียกกันว่าโลกยุคปกติใหม่ New Normal ชาวพุทธรู้จัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งมาตั้งนมนานแล้ว เงินในกระเป๋าไม่ค่อยมี ก็อย่าใช้จ่ายซื้อนู่นซื้อนี่กันให้มากนักเลย จะคิดลงทุนทำอะไรก็อย่าให้ใหญ่เยอะเกินตัว เกิดธรรมชาติไม่เป็นใจซ้ำซัดขึ้นมาอีก จะขัดสนจนแต้มกันตั้งแต่หัววัน ประโยคเดียวนี่แหละ “อย่าประมาทเลยลูก” ช่วยยั้งสติได้เยอะ คนเพิ่งเริ่มเข้าวัดหัดเล่าเรื่อง ผิดพลั้งอย่างไรก็อย่าเพิ่งว่ากัน คำพระท่านเปรียบว่าเหมือนหญ้าเพิ่งปลูก บารมียังไม่ทันจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบเหยียบย่ำกันจนเยินยู่ยี่ไปเสียก่อน !!! ชาร |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
Keukenhof 10 | ||
![]() |
||
ทิวลิปที่สวนเกอเก็นฮอฟ |
||
View All ![]() |
<< | พฤษภาคม 2017 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 |