ภาษาไทยเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของชาติ ภาษาทั้งหลายเป็นสิ่งที่สวยงามอย่างหนึ่ง เช่น ในทางวรรณคดี เป็นต้น ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาไว้ให้ดี ... เรามีโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้ ... พระราชดำรัสฯ ในที่ประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๐๕ การเปลี่ยนแปลงของทุกสรรพสิ่งถือเป็นปรกติวิสัยหรือเรื่องธรรมดาภายใต้กฎไตรลักษณ์ ทว่า หากการเปลี่ยนแปลงเป็นไปในทางหายนะมากจนเกินไป ก็ยากที่จะทำใจยอมรับได้โดยดุษณี... เฉกเช่นเดียวกับเรื่องของภาษา. ด้วยธรรมชาติของภาษาที่ ยังมีชีวิต (ได้อีกไม่นาน) ภาษาไทยจึงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งในทางที่เจริญ (วิวัฒนาการ) เช่น การสร้างระดับการสนทนา การมีมารยาทในการสื่อสาร หรือความนิยมในการเขียนร้อยแก้วเชิงสร้างสรรค์ เป็นต้น และในทางที่เสื่อม (อวิวัฒนาการ) เช่น การพูดภาษาไทยสำเนียงอังกฤษ การสร้าง คำคะนอง ขึ้นใช้เอง การอ่านภาษาไทยไม่ถูกต้อง ความล้มเหลวในการใช้ภาษา (การพูด การเขียน) ของเยาวชน เป็นต้น ซึ่งแม้อาจจะไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงทางใดมีมากกว่า แต่ก็มั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงทางหลังมีผลกระทบร้ายแรงกว่า. ภาษาทุกภาษาล้วนมี เอกลักษณ์ เช่นเดียวกับการที่มนุษย์มี ปัจเจกลักษณะ ของตน ซึ่งเอกลักษณ์ของภาษานั่นเองที่เป็นสิ่งบ่งชี้คุณค่าของภาษา สำหรับเอกลักษณ์ภาษาไทยนั้นก็มีอาทิ ภาษาไทยมีระบบเสียงที่ไพเราะ (วรรณยุกต์) ซึ่งพบได้ไม่มากในภาษาทั่วๆ ไป ภาษาไทยมีระดับการใช้ภาษาตามความเหมาะสม (คำราชาศัพท์ ภาษาทางการ ภาษาสนทนา) ซึ่งถือเป็นสิ่งบ่งบอก มารยาท ของภาษาไทย สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ภาษาไทยนั้นเป็นภาษาเฉพาะเผ่าพันธุ์หรือถ้าหากจะเรียกให้งดงามขึ้นก็คือ ภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ. ในประเทศอินเดียมีภาษาใช้มากมายทั้งภาษาราชการ และภาษาชุมชน ซึ่งมองว่าเข้าทำนอง มากคนมากความ ไร้เอกภาพในการสื่อสาร ส่วนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือภาษาฝรั่งเศสก็มีใช้กระจัดกระจายไปทั่วโลก หากจะมองในแง่ความเป็นสากลก็คงว่าเป็นเรื่องดี แต่หากมองอีกมุมหนึ่งในเรื่องของความภาคภูมิใจในความเป็น ชาติเจ้าของภาษา แล้ว ก็ต้องกล่าวว่า ชาติต่างๆ เหล่านั้น ฤๅจะภาคภูมิใจเท่าเรา. ภาษาไทยมีใช้เป็นภาษาหนึ่งเดียวประจำชาติไทย แม้ว่าจะมีภาษาถิ่นที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็ถือว่าภาษาเหล่านี้เป็น สายโลหิตเดียวกัน ฉะนั้นจึงสามารถกล่าวได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า ภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติไทย หรืออีกนัยหนึ่งว่า ชาติไทยมีภาษาประจำชาติคือภาษาไทย ทั้งนี้ก็เพื่อให้เห็นว่าภาษาไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งในการแสดงความเป็นชาติ บูรณภาพแห่งรัฐ ความมีอารยธรรม และความเป็นเอกราชโดยเฉพาะ เอกราชทางวัฒนธรรม. อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันภาษาไทยที่แสดง เอกราชทางวัฒนธรรม ของประเทศไทย กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ ทั้งนี้ก็เพราะภาษาต่างประเทศนั้นเข้ามาผสมผสานกลมกลืนกับภาษาไทยด้วยความเต็มใจของผู้ใช้ภาษาไทยส่วนใหญ่ที่ไร้ จิตสำนึกในคุณค่าภาษาไทย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยกำลังถูก ล่าอาณานิคม ซึ่งภัยคุกคามครั้งนี้มาในรูปแบบใหม่ คือ ไม่ใช้แสนยานุภาพทางทหารแต่ใช้แสนยานุภาพทางวัฒนธรรม. ในกรณีพิพาทเรื่องเขาพระวิหารหรือกรณีนักธุรกิจจากอาหรับคิดจะลงทุนทำนาข้าวนั้น ลัทธิชาตินิยม (สุดโต่ง) ที่เคยรุ่งเรืองในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามก็ถูกนำมา ผลิตซ้ำ อีกครั้ง ภายใต้เงื่อนไขใหม่ เวลาใหม่ แต่เป็นที่น่าสงสัยว่าเพราะเหตุใดแนวคิดชาตินิยมในการที่จะอนุรักษ์หวงแหนภาษาไทยไว้กลับยังคงสงวนไว้สำหรับ ไดโนเสาร์ ซึ่งเป็นชื่อเรียกที่คนรุ่นใหม่ตั้งให้ผู้ที่มีจิตสำนึกรักภาษาไทย รักเอกลักษณ์ของชาติไทย และรักประเทศไทย. ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าประชาชนทั่วไปมิได้ตระหนักถึงคุณค่าของภาษาไทย จึงคิดว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับภาษาไทยเป็นเรื่องเล็กๆ ตัวอย่างหนึ่งที่ยังจำได้เมื่อช่วงวันภาษาไทยสองปีก่อน (๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๙) มีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งนำเสนอประเด็นความวิบัติของภาษาไทย มีช่วงหนึ่งที่สัมภาษณ์อาจารย์สอนวิชาภาษาไทย (นอกระบบ) ท่านหนึ่ง ซึ่งได้กล่าวไว้อย่างน่าคิดว่า คนไทยไม่กินข้าว... ไม่ได้แปลว่าไม่รู้จักข้าว เทียบได้กับ ความรู้จัก และ ความรู้รัก ภาษาไทย จึงไม่น่าแปลกนักที่เยาวชนไทยสมัยนี้ไร้จิตสำนึกรักภาษาไทยเช่นนี้ ซึ่งก็ขอตั้งคำถามกลับว่า ถ้าลูกทุกคนเพียงแค่ รู้จัก พ่อแม่ โดยที่ปราศจากการ รู้รัก นี่เป็นเรื่องธรรมดาหรอกหรือ. ฉะนั้นเพื่อการ รู้รัก ในภาษาไทย ทุกๆ องคาพยพในสังคมไทยที่มี สำนึกรักบ้านเกิด จึงควรร่วมกันอนุรักษ์ภาษาไทยโดยการใช้ภาษาให้ถูกต้องก่อนที่จะไป จูงจมูก ผู้อื่นให้มา รู้รัก ซึ่งทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก (Butterflys Effect) ที่ว่า เพียงแค่ผีเสื้อตัวเล็กขยับปีก ส่งผลกระทบทั้งโลก คงเป็นทฤษฎีที่ช่วยให้คิดได้ว่า ผีเสื้อน้อยควรขยับปีกให้เป็นก่อน ค่อยไปสอนให้ตัวอื่นขยับตาม. รักภาษาคือรักชาติ เป็นทัศนคติที่ประชาชนไทยทุกคนควรยึดถือไว้ประจำใจ ทั้งนี้ก็เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชและอารยธรรมของชาติไทย เพื่อมิให้เหตุการณ์เป็นไปตามคำกล่าวของ รศ. สุนีย์ สินธุเดชะ ที่ว่า สิ้นภาษาก็สิ้นชาติ.
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑ - ๒๑.๓๖ น. |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กรกฎาคม 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |