เป็นสิ่งที่ผมคิดไปคิดมา คิดมาคิดไป ได้ปีกว่าๆ แล้ว หลังจากออกมาเป็นฟรีแลนซ์ ได้สักพัก

ตัวแปรที่วนเวียนอยู่ในหัว อย่างแรกคือ รายได้ เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เมื่อเป็นบริษัท แต่นั้นก็ทำให้เสียโอกาสรับงานที่มีมูลค่าสูงๆ ด้วยความน่าเชื่อถือ ระหว่าง บุคคลธรรมดา กับ บริษัท ในมุมมองของลูกค้า (ไม่รวมถึง ความสามารถในการทำงาน ซึ่งตัวแปรน่าจะเป็นคนมากกว่า)

อัตราค่าจ้าง/บริการ ของฟรีแลนซ์ ทั่วๆไป คงบอกได้ว่า ต่ำกว่า บริษัท แน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือ portfolio เป็นตัวแปรที่สำคัญทีเดียว

สำหรับฟรีแลนซ์ รายได้ จะแปรผันตาม เวลา ที่สามารถให้ได้ พูดได้ว่า รายได้ถูกจำกัดด้วยเวลา

การ outsource ก็เป็นเรื่องที่คิดหนักพอดู เพราะจะทำให้รายได้ลดลง อย่างมาก ทั้งยังต้องเพิ่มการบริหารจัดการ ทั้ง ลูกค้า และ outsource อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย

ที่มาของหัวข้อนี้ เนื่องจากบังเอิญไปอ่าน  blog ที่ชื่อเรื่องว่า

To Firm or Not to Firm? How to Choose Between Going Solo or Going Big

(www.freelanceswitch.com)

ตรงกับสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่พอดี อยากจะรู้ว่า คนอื่น มีความเห็นอย่างไรกันบ้าง

Kyle Racki ได้พูดถึงตัวแปร 5 ตัว ที่ช่วยในการพิจารณา ว่า ควรจะทำในรูปแบบบริษัท หรือ ฟรีแลนซ์

1. Overhead

2. Competition

3. Client caliber

4. Hourly rate

5. Busyness

   โดยได้พิจารณาข้อดี ข้อเสีย ของ ฟรีแลนซ์ และ บริษัท ตามตัวแปรทั้ง 5 นี้

   สรุปแล้ว ฟรีแลนซ์ จะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า เงินจะเข้ากระเป๋าคุณโดยตรง ซึ่งจะได้เปรียบกว่า บริษัท แต่ฟรีแลนซ์ งานเกือบทุกอย่างจะต้องทำเองหมด ทำให้เวลาที่นำไปใช้ทำงานจริงๆ น้อยลงไปอีก

   แต่สิ่งที่บริษัท ได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด จะเป็นเรื่อง ความน่าเชื่อถือในมุมมองของลูกค้า และอัตราค่าจ้าง/บริการ ที่จะได้ อีกอย่างคือ บริษัท สามารถ outsource งาน ด้วย margin ที่มากกว่า เมื่อเทียบกับ ฟรีแลนซ์

   ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง สำหรับทุกคน นั้นเป็นสิ่งที่คุณจะต้องเลือกเอง

   Ref: http://freelanceswitch.com/the-business-of-freelancing/to-firm-or-not-to-firm-how-to-choose-between-going-solo-or-going-big/