เขียน โดย รัตนศิริ กิตติก้องนภางค์ “ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้ามากมาย แต่ทำไมเรารักษาป่าไม้ไม่ได้ การปลูกป่าตรงนี้เป็นจุดเล็ก ๆ แต่เราน่าจะส่งเสียงต่อไปให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างได้” --- คุณนิคม พุทธา ประธานกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำปิงตอนบน ป่าคือสายใยแห่งธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงสรรพชีวิต การที่ป่าหายไปจากภูเขาไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงทางภูมิทัศน์ที่ขาดแคลนสีเขียวของต้นไม้ไป แต่นั้นหมายถึงขาดความอุดมสมบูรณ์ แหล่งอาหาร ต้นกำเนิดน้ำ และการรักษาสภาพภูมิอากาศของโลก สถานการณ์วิกฤตโลกร้อนอันรุนแรงที่ผ่านมาทำให้เราได้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเหือดแห้งไปของแม่น้ำปิง หนึ่งในแม่น้ำสายหลักของประเทศไทย เมื่อยามที่ฤดูฝนมาถึงแม่น้ำปิงก็กลับกลายเป็นสีชาเย็น เนื่องจากไร้ต้นไม้ปกคลุมทำให้หน้าดินถูกชะล้าง เช่นเดียวกับการที่สายน้ำเปลี่ยนแปลง ระบบนิเวศในแม่น้ำก็เสียหายเช่นกัน ปลาบางชนิดไม่สามารถปรับตัวได้ก็ต้องตายไป แต่ท่ามกลางวิกฤตยังมีความหวัง และความหวังที่เกิดขึ้นอย่าง และความหวังในครั้งนี้มาจากการร่วมมือกันของประชาชนราว 500 คน ที่มาลงแรงลงพลังร่วมกันฟื้นฟูป่าต้นน้ำดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ 4 - 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา การรวมตัวของ 500 พลังอาสาหลากหลายกลุ่มเพื่อฟื้นฟูป่าเมื่อเดือนเมษายน ส่วนหนึ่งของป่าต้นน้ำเชียงดาวที่บริเวณป่ากันชนได้ถูกไฟไหม้จนเสียหายหนักจนกระทั่งมองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตในดิน คุณนิคม พุทธา ประธานกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำปิงตอนบน จึงริเริ่มกิจกรรมเติมต้นไม้ในป่าว่าง เพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำเชียงดาวแห่งนี้ร่วมกับเครือข่ายเยาวชน ลุ่มน้ำปิง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กลุ่ม Big trees และอาสาสมัครกรีนพีซ จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะมีอาสาสมัครมาร่วมงานเพียง 200 คน แต่เช้าวันที่ 4 มิถุนายน 2559 ป่าต้นน้ำเชียงดาวได้ต้อนรับผู้คนกว่า 500 คน ทั้งจากเชียงใหม่ กรุงเทพฯ และจากจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีทั้งนักเรียนตัวน้อยตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ไปจนถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย พระสงฆ์ กลุ่มชุมชนในท้องถิ่น ซึ่งต่างร่วมแรงร่วมใจกันลงมือปลูกป่าท่ามกลางสายฝนสลับกับแสงแดดแรงกล้า ต้นกล้าท้องถิ่นต่าง ๆ หลายชนิด อาทิ ไม้สัก ไม้พะยูง ต้นหว้า สมอ มะขาม และต้นกล้วยป่า รวมแล้วกว่า 10,000 ต้น ได้ถูกนำไปปลูกลงดินด้วยความหวังที่จะเติมต้นไม้ในป่าว่าง และรอวันเติบโตต่อไป หนึ่งในอาสาสมัครที่มาเป็นพลังปลูก 500 คน คือ คุณมณีรุชฎ์ เสริมสกุล ผู้ประสานงานโครงการวิจัยทางการเเพทย์ มีภูมิลำเนาเดิมคือเชียงใหม่ มาร่วมเป็นอาสาสมัครกับกรีนพีซ และเล่าให้เราได้ฟังว่า “มาร่วมกิจกรรมนี้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันภาคเหนือ เมืองเชียงใหม่ที่เราโตมาเด็ก ๆ มีอากาศสดชื่น แต่เมื่อปีที่แล้วปัญหาควันรุนแรงมาก มีกลิ่นควันไฟล้อมรอบบ้าน พบเห็นปัญหาเขาหัวโล้นที่น่านมานานแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจ เชียงใหม่ก็โดนทำไร่ไปเยอะและหนักขึ้นมาก แต่ยังไม่เห็นภาครัฐเอาใจใส่จริงจังในการแก้ไขปัญหานี้ อยากให้ลองมาเป็นอาสาสมัครโดยเฉพาะเรื่องธรรมชาติ แล้วคุณจะะรู้ว่าชีวิตทั้งหมดของคุณคือ ธรรมชาติ เป็นอาสาสมัครเพื่อขับเคลื่อนให้โลกนี้ดีขึ้น” กลุ่มอาสาสมัครฟื้นฟูป่าต่างล้วนมาทำงานด้วยใจและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง คงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนักกับการที่มือ 500 มือมาร่วมกันโกยดิน ฝังต้นกล้าลงผืนป่า ทำทุกอย่างด้วยใจ คุณกฤษฎา พิลาทอง เจ้าหน้าที่พนักงานดับเพลิงท่าอากาศยานดอนเมือง อีกหนึ่งในอาสาสมัครกรีนพีซกล่าวว่า “ถ้าเราช่วยกันปลูกป่าเพิ่มขึ้น จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสังคม อย่างน้อยได้ร่วมกันปลูกป่าช่วยให้ธรรมชาติเติบโต มีป่ามากขึ้น มีทรัพยากรมากขึ้น หรือช่วยอย่างอื่นเท่าที่เราช่วยได้ เพื่อให้โลกเรามีธรรมชาติอยู่ตลอดไป” ป่าไม้คือแหล่งกักเก็บน้ำที่มีชีวิต“จากการเดินธรรมยาตราไปตามพื้นที่แม่แตง แม่ริม และแม่ปิง พบว่าแม่น้ำปิงเหือดแห้งมาก ประกอบกับปัญหาแล้งที่รุนแรงมากทำให้วิกฤตหมอกควันภาคเหนือทวีความรุนแรง แม้ว่าเราจะอยากฟื้นฟูเขาหัวโล้น แต่ติดอยู่ที่ข้อจำกัดคือขาดคนดูแล เราจึงเลือกพื้นที่ที่ใกล้เรา เพื่อที่จะคอยดูแลรักษาได้อย่างทั่วถึงไปอย่างน้อยอีก 3 ปี โดยทางเครือข่ายจะดูแลป่าแห่งนี้ให้เป็นป่าชุมชนร่วมกับชาวปกาเกอะญอ 2 หมู่บ้าน คือ ยางปูโต๊ะ ยางทุ่งโป่ง เป็นการพึ่งพาอาศัยดูแลกันระหว่างคนกับป่าอย่างยั่งยืน” คุณนิคม พุทธา กล่าว การเข้ามาร่วมดูแลป่าของชุมชน คือ หนึ่งในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าเพื่อการทำเกษตรเชิงเดี่ยว แต่ป่าชุมชนแห่งนี้จะเป็นการใช้ประโยชน์ร่วมกันของคนกับป่า พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แนวคิดการดูแลป่าของพี่นิคม คือ การเติมป่าด้วยต้นกล้า 2 ชนิด คือ เพื่อกักเก็บน้ำ เช่น มะเดื่อ กล้วยป่า ไม้ไผ่ และเพื่อเป็นอาหารให้กับคนและสัตว์ เช่น ขี้เหล็ก มะขามป้อม สมอภิเพก กระท้อนป่า ซึ่งสามารถสร้างแรงดึงดูดให้สัตว์ป่ามาใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็น หมู่ป่า ชะมด อีเห็น อันจะเป็นการช่วยแพร่กระจายเมล็ดพันธุ์ เติมความอุดมสมบูรณ์ “เติมต้นไม้ในป่าว่าง คือ การเสริมเติมต้นไม้ลงไปในช่องว่าง ทั้งจากช่องว่างบนท้องฟ้าที่เห็นทะลุผ่านเรือนยอดของต้นไม้ และช่องว่างบนผืนดิน เพื่อเพิ่มความหนาแน่นให้ผืนป่า และประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำ เมื่อปลูกให้เต็ม ฝนตกจะไม่กระแทกหน้าดิน ช่วยกระจายเม็ดฝนลงไปในชั้นผิวดิน ป่าสามารถกักเก็บน้ำได้ร้อยละ 80 ไหลลงไปในแม่น้ำร้อยละ 20 ผืนป่าคือกลไลในการเก็บน้ำอย่างยั่งยืน ขณะที่เขื่อนเป็นกระบวนการเก็บน้ำที่ไม่มีชีวิต เขื่อนไม่สามารถหมุนเวียนน้ำได้ เราจะต้องมองป่าโดยให้มองเห็นชีวิตเราในนั้นด้วย” คุณนิคม พุทธา กล่าวถึงป่ากับกระบวนการกักเก็บน้ำที่ยั่งยืน การที่อาสาสมัครเข้าไปช่วยซ่อมแซมป่า คือ ส่วนเล็กๆ ที่เข้ามาสนับสนุนให้ธรรมชาติทำงานอย่างเป็นระบบ เนื่องจากธรรมชาติมีประสิทธิภาพในการดูแลและฟื้นฟูตัวเอง มนุษย์มีส่วนเพียงแค่ช่วยเยียวยาเพียงเล็กน้อย การปลูกป่าตามแนวคิดของพี่นิคมจึงมี 3 ขั้นตอน คือ
ต้นไม้ทุกชนิดมีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำ กล่าวคือ ในลำต้นมีน้ำทุกส่วน รอบลำต้นมีการคายน้ำ มีน้ำในดินจากการที่รากดูดน้ำใต้ดิน นี่คือสาเหตุที่ฝนมักตกบริเวณป่า และคือเหตุผลที่เราต้องการป่าต้นน้ำ “ประเทศไทยหากมองจากอวกาศจะเห็นเส้นแบ่งประเทศชัดเจนจากสีเหลืองของเขาหัวโล้น เมื่อฝนตกลงมาก็เหมือนคนหัวล้าน ราดลงมาทีเดียวก็ถึงภาคกลาง ปัญหาคือเมื่อมีคนซื้อสินค้าที่ได้มาจากการทำลายป่า ก็มีคนปลูก เราจะต้องมีส่วนร่วม ทำให้ย่างก้าวของเราเบาบางที่สุดด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การดำรงอยู่ของทุกชีวิต คือน็อตหรือเฟือง ไม่ได้ดำรงอยู่โดยไร้เหตุผล ต้นไม้และสัตว์ต่างชนิดมีหน้าที่เกี่ยวกข้องกันอย่างซับซ้อน หากเรายังเพิกเฉย โลกอาจพังทั้งใบ” หมอหม่อง-นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ รองประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร หนึ่งในวิทยากรของงานกล่าว “อย่างน้อยปลูกลงไปก็เพิ่มต้นไม้ในป่า เพิ่มความหนาแน่นกักเก็บน้ำและแร่ธาตุในดิน ดีกว่าปล่อยให้ป่าที่ถูกมนุษย์ทำลายฟื้นฟูตนเอง ซึ่งอาจมีข้อจำกัด แต่ถ้าเราเข้าใจกลไกธรรมชาติด้วยก็จะดี แน่นอนว่าดีกว่าไม่ช่วยปลูก แต่ต้องมีรายละเอียดว่าปลูกที่ไหน ปลูกอย่างไร เพราะหลักการเดียวที่ทำให้มนุษย์อยู่กับธรรมชาติได้ คือ ความเมตตากรุณา ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การปลูกต้นไม้จึงเป็นการปลูกให้ต้นไม้ในจิตใจให้งอกงามไปด้วย” คุณนิคมกล่าวทิ้งท้าย
"ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามคุณคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับป่าไม้ ในครั้งนี้ทุกคนที่มาได้ทำให้เห็นว่าเราต้องการปกป้องป่าผืนนี้ เราต้องพิจารณาว่าเราสูญเสียป่าไปเพื่ออะไร ปัจจุบันเราสูญเสียป่าเพื่อเกษตรและอุตสาหกรรรมไปมากเพียงเพื่อผลิตสินค้าเพียงไม่กี่อย่างป้อนเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมผู้บริโภคจำเป็นต้องคิดว่าการบริโภคของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงป่าไม้ที่มีอยู่ให้ยั่งยืนได้" วัชรพล แดงสุภา ผู้ประสานงานรณรงค์ ด้านอาหารและเกษตรกรรมเชิงนิเวศ กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
แม้เราจะยังไม่รู้ว่าต้นกล้านับหมื่นในมือคนครึ่งพันนี้จะเติบโตกลายเป็นป่าได้มากน้อยเพียงไหน แต่สิ่งที่จะเติบโตไปหลังจากนี้อย่างแน่นอน คือ กระแสการเปลี่ยนแปลงเพื่อปกป้องและฟื้นฟูผืนป่าอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาแหล่งน้ำ อากาศบริสุทธิ์ ความมั่นคงทางอาหาร และความหลากหลายทางชีวภาพอันเป็นสมบัติอันล้ำค่าของประเทศไทย ที่มา: Greenpeace Thailand |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | มิถุนายน 2016 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 |