เวิ้งวิภาษ หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน 2555 อติภพ ภัทรเดชไพศาล เพลงมาร์ชมีรากฐานมาจากการเป็นเพลงเดินแถว ดังนั้น เพลงมาร์ชจึงเกี่ยวเนื่องอยู่กับอาชีพทหารหรือตำรวจอย่างแยกไม่ออก ซึ่งหมายถึงการเป็นตัวแทนของอำนาจรัฐ เพลงมาร์ชกองทัพบก ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นของกองทัพบก มาร์ชพิทักษ์สันติราษฎร์เป็นเพลงมาร์ชของตำรวจ ส่วนมาร์ชราชวัลลภ เป็นเพลงประจำกองพันทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (แต่งโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) นอกจากมาร์ชราชวัลลภซึ่งเป็นเพลงบรรเลงแล้ว (จริงๆ แล้วเพลงมาร์ชราชวัลลภมีเนื้อร้องด้วย แต่เรามักคุ้นเคยกับภาคบรรเลงมากกว่า) เพลงมาร์ชโดยทั่วไปย่อมมีเนื้อหายกย่องเชิดชูบูชาอาชีพทหารหรือตำรวจทั้งสิ้น เนื้อร้องเพลงประเภทนี้ขาดความรุนแรงไม่ได้ เพราะความรุนแรงนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องอธิปไตยและความสงบราบคาบ เช่นในเนื้อร้องเพลงมาร์ชกองทัพบกตอนหนึ่งว่า เราเกิดเป็นไทยสมไทยอาจิณ ปราบริปูอยู่บนพื้นดิน จะประหารให้สิ้นพื้นดินไทย เช่นเดียวกับมาร์ชพิทักษ์สันติราษฎร์ที่ว่า ถึงตัวจะตายก็ช่างมัน มิเคยคำนึงถึงชีวัน ความรุนแรงเป็นสิ่งที่มาคู่กับลัทธิชาตินิยม และเป็นเครื่องหมายของอำนาจรัฐ เพลงมาร์ชในสังคมไทยจึงเป็นไปเพื่อการธำรงรักษาอำนาจรัฐและปลูกสร้างความเชื่อในลัทธิชาตินิยมไปด้วยพร้อมๆ กัน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเพลงที่ไม่ได้เรียกตัวเองว่าเป็นเพลงมาร์ช แต่มีลีลาเป็นเพลงมาร์ชชัดเจน เช่นเพลง รักเมืองไทย ไทยรวมกำลัง ตื่นเถิดชาวไทย หรือกระทั่งเพลง หนักแผ่นดิน เป็นต้น เพลงมาร์ชจึงแยกไม่ออกจากความเป็น การเมือง ของฝ่ายรัฐไทยมาตั้งแต่แรก ดังนั้นการเกิดขึ้นของเพลง มาร์ชชาวนาไทย ในปี 2502 จึงนับเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเนื้อร้องเพลงนี้ แสดงออกถึงอุดมการณ์ทางการเมืองสังคมนิยมอย่างเด่นชัด เช่น ตื่นเถิด ต่อสู้โค่นล้มผู้ขูดรีดเรา และยังบ่งบอกยุทธวิธีผนึกกำลังกันต่อสู้ โดยชนชั้นกรรมกรกับชาวนา ดังข้อความว่า มวลชาวนาอย่าหยามพลังตนร่วมกัน, สามัคคีชนชั้นแรงงานกว้างใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม จิตร ภูมิศักดิ์ แต่งเพลงนี้ในคุก ดังนั้น ในความเป็นจริงแล้ว เพลงนี้จึงไม่ได้เป็นที่รับรู้ของสาธารณชนอย่างกว้างขวางนัก นอกจากในหมู่นักศึกษาปัญญาชนฝ่ายก้าวหน้าในช่วงทศวรรษที่ 2510 เท่าที่ผมทราบ ไม่เคยมีการค้นคว้าประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับการต่อสู้ของชาวนาในประเทศไทยอย่างเป็นระบบมาก่อน ทั้งๆ ที่ในสังคมไทย กบฏชาวนาเป็นเรื่องที่มีความเป็นมายาวนานอย่างน้อยก็สืบสาวได้ตั้งแต่ในสมัยอยุธยา เช่น กบฏญาณพิเชียร กบฏบุญกว้าง กบฏธรรมเถียร แต่ไหนแต่ไรมา การต่อสู้ของชาวนามักถูกละเลย ไม่ใส่ใจหรือแกล้งลืมมาตลอด กระทั่งเรื่องราวการต่อสู้ของพวกชาวนา (รวมถึงกรรมกร) หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ก็ยังไม่มีใครพูดถึงหรือค้นคว้าเผยแพร่อย่างจริงจัง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ การต่อสู้ของชาวนาในช่วงปี 2516-2519 นั้นถูกทางการปราบปรามและผลักไสให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย ต้องหลบหนีไปต่อสู้อยู่ในป่าเป็นเวลาหลายปีทีเดียว แต่ในเดือนมีนาคม ปี 2549 ปรากฏการณ์รวมพลังของชาวนาที่สะพานพระราม 8 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล (พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร) ช่วยแก้ปัญหาหนี้สินเรื้อรัง จัดเป็นปรากฏการณ์พิเศษ ที่ชาวนาสามารถรวมตัวกันได้นับหมื่นคน และกดดันให้รัฐบาลแก้ปัญหาความเดือดร้อนได้สำเร็จ และเป็นการรวมพลังที่ส่งผลให้เกิดเพลง มาร์ชรวมพลังชาวนาแห่งประเทศไทย ขึ้น โดยประเดิม ดำรงเจริญ เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง และเรืองยศ พิมพ์ทอง แต่งทำนองและเรียบเรียงดนตรี (ประเดิม ดำรงเจริญ เป็นนักหนังสือพิมพ์และนักกิจกรรมฝ่ายก้าวหน้ามาตั้งแต่ช่วง 2510 และลี้ภัยไปอยู่ในประเทศสวีเดนจากเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 เป็นเวลากว่าสิบปี ปัจจุบัน คุณประเดิมเป็นหัวหน้าพรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย) ที่น่าสนใจสำหรับผมคือ เนื้อร้องเพลงนี้ แม้จะมีการบรรยายความทุกข์ยากของชาวนาเช่นในเนื้อร้องเพลงมาร์ชชาวนาไทยของจิตร ภูมิศักดิ์ แต่กลับไม่มีข้อความที่รุนแรงปลุกใจให้ฮึกเหิมโค่นล้มผู้ขูดรีดแต่อย่างใด และสิ่งเดียวที่ชาวนาในปัจจุบันต้องผจญก็คือ เราสู้สู้แม้แดดแม้ฝน เรากล้าฝันฟันฝ่าเข้าผจญ ให้แผ่นดินผลิตสร้างผลสมบูรณ์ เนื้อร้องเพลงนี้จึงแสดงจุดยืนอย่างแจ่มชัดว่าไม่ใช่จุดเดียวกับอุดมการณ์สังคมนิยมที่ต้องการจะปฏิวัติสังคมชนิดถอนรากถอนโคนอะไรอีกต่อไป แต่เป็นความต้องการที่จะมีพื้นที่ มีสิทธิ์มีเสียงที่จะต่อรองในระบอบประชาธิปไตยภายใต้เงื้อมเงาของระบบทุนนิยมโลก และแสดงถึงความสามัคคีในหมู่ชาวนา โดยในขณะเดียวกันก็แสดงออกซึ่งพลังอันเข้มแข็ง ด้วยการเน้นย้ำคำว่า เราคือเครือข่ายชาวนา พลังเครือข่ายชาวนา รวมเป็นเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ซึ่งเมื่อผนวกเข้ากับปริมาณของมหาชนกว่าหมื่นคนแล้ว การแต่งและร้องเพลงนี้ในเหตุประท้วงเดือน มีนาคม 2549 จึงเป็นการประกาศอย่างหนักแน่นว่า นับแต่น้ีต่อไป พลังของชาวนาจะเป็นสิ่งที่รัฐไทยไม่อาจเพิกเฉยหรือละเลยได้อีกแล้ว ประเดิม ดำรงเจริญ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
กาลเมื่อก่อนนั้นก็เป็นดินเป็นหญ้าเป็นฟ้าเป็นแถน ผีแลคนเที่ยวไปมาหากันบ่ขาด... | ||
![]() |
||
Thailand Philharmonic Orchestra 10 November 2007 |
||
View All ![]() |
<< | มิถุนายน 2012 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |