*/
<< | พฤษภาคม 2017 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 |
วันวานที่ผ่านมา...บ้านเมืองเราเขียวชอุ่มร่มรื่นด้วยพรรณไม้นาๆพรรณแม่น้ำลำคลองน้ำเต็มตลิ่ง ผู้คนที่มากมายยิ่งขึ้นบ้านเรือนที่รุกล้ำเข้าไปในธรรมชาติ...ต้นไม้แม่น้ำลำคลองก็ถอยหายไป กรุงเทพเมืองฟ้าอมรของเรา...ก็หนีไม่พ้นกับตรรกะแห่งธรรมชาติ ความร่มรื่นที่หายไปตามกาลเวลา ตึกรามบ้านช่องขึ้นมาในทุกหนแห่ง...เลี่ยงไม่ได้ที่ต้นไม้ ลำ คู คลองจะถูกเปลี่ยนหายไป อย่างวันก่อนมีข่าวต้นไทรยักษ์ล้มลงมาทับคนตายก็โทษว่า...เพราะเทปูนทางเท้าหรือก่อสร้างทับทำให้ต้นไม้ไม่มีรากยึดเหนี่ยว ก็เลยต้องล้มลงก่อความเสียหายต่อทรัพย์สินและผู้คน
วันนี้เลยอยากจะขอมาเล่าเรื่อง...ที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้ใหญ่กับการอนุรักษ์ที่บางอย่างเรามองข้ามกันไป เท้าความนิดก่อน...ผมทำงานผูกพันกับสถานที่ทำงานที่สร้างมาตั้งแต่ราว พ.ศ.2466 ร้อยกว่าปีมาแล้ว หน้าที่งานที่เกี่ยวข้องประมาณ 10 กว่าปีหลังสุดมาทำหน้าที่ควบคุมประสานงานโครงการก่อสร้างที่ดำเนินการ...ตามผังบริเวณที่ได้มีการกำหนดพื้นที่ต่างๆเป็นแผนระยะยาวเอาไว้ ตั้งมายาวนานร้อยกว่าปีพื้นที่บางส่วนก็มีต้นไม้ใหญ่บางส่วน...จะต้องอยู่ในพื้นที่ที่ต้องก่อสร้างด้วย วิธีการดำเนินการที่ผ่านมา...ไม่ตัดต้นที่ยังไม่เกี่ยวกับพื้นที่โครงการก่อสร้างที่สามารถเก็บไว้ได้ ต้นที่ไม่ใหญ่มาก...ย้ายได้ก็ย้ายไปปลูกที่ใหม่ในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่สวน ต้นใหญ่หน่อยถ้าอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างตัดเรียบ...เพราะปลูกใหม่ประกอบในที่กำหนดไว้ดีกว่า งานก่อสร้างที่คุมสร้างมา 12-13 อาคาร...ก็ดำเนินการกับต้นไม้แบบเป็นเช่นนี้มาตลอด
เมื่อไม่นานที่ผ่านมาก็โดนอัดจากนักเลงคีย์บอร์ด...ว่างานก่อสร้างในที่ทำงานนั้นมีการตัดต้นไม้ใหญ่ ไม่ใช่ต้นเดียวหลายต้นอีกด้วย...มากมายความคิดถล่มข้อมูลที่รับรู้เผยแพร่จวกกันแหลกยับไปหมด ต้นไม้ปลูกมานานนับร้อยปีมาตัดทิ้งกันได้ยังไง...ทำไมงานก่อสร้างไม่ออกแบบหนีไปจากต้นไม้ใหญ่ หยุดกระบวนการทั้งหมดในการก่อสร้างเลยสิฉะกันอย่างนี้...กลับมาทบทวนแนวทางกระบวนการใหม่
ประชุมด้านข้อมูลระหว่างนักวิชาการกับผู้บริหารหาบทสรุป...ท้ายสุดก็หันมาลงคนแก่อยู่นานอย่างผม ก็เลยได้มีโอกาสใส่เต็มๆในความเห็น...ไม่ใช่วิชาการแต่เป็นไปตามความจริงที่เกิดขึ้นในเวลาที่ผ่านมา พิจารณาเรื่องแรก...ต้นไม้โบราณที่มีอายุนับร้อยปีขึ้นไปมีอยู่กี่ต้นในพื้นที่ทั้งหมดหรือในที่จะก่อสร้าง ผมบอกข้อมูลได้เลยนะจากที่ทำงานมาเฉียด 35-36ปี(2524)...ต้นไม้ยืนต้นโบราณมีอยู่ราว 10-15 ต้น ที่เห็นๆในพื้นที่ส่วนใหญ่ทั้งนั้น...เป็นต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกขึ้นไม่นานอายุสัก 40-50ปี เพราะทันเห็นต้นเล็ก เวลาที่ผ่านมาไม้ใหญ่โบราณจริงๆอายุเฉียดร้อยปีหรือกว่า...เหลืออยู่ตอนนี้น่าจะสัก 6-7 ต้นเท่านั้นเอง บทสรุปไม้ใหญ่โบราณจบแค่นี้ว่า...ต้องอนุรักษ์ไว้ให้นานที่สุดตัดไม่ได้
ยกที่สอง...เรื่องต้นไม้ตามที่ต่างๆในบริเวณก่อสร้างจะทำอย่างไรดี จะมีการอนุรักษ์เอาไว้ได้ยังไง บทสรุปง่ายๆก็คือการล้อมย้ายเอาไปปลูกใหม่...ถ้าไม่ถึงแนวบริเวณการก่อสร้างก็ให้คงเอาไว้ บทนี้เราคนแก่ก็ใส่ให้เห็นเต็มๆอีก...เอาว่าดูภาพแรกประกอบการบรรยายก่อนดีกว่า
จากภาพที่เห็นเป็นทิวแถวนี่เป็นไม้ขนาดกลาง ปีบ ตะแบก(นี่น่าจะใหญ่หน่อยนะ) อินทนิล 5-6 ต้น แนวนี้โดนย้ายออกเพราะจะรื้อถอนอาคารและทำถนนใหม่...ไม่มีปัญหา ขุดๆ ล้อมๆ ย้ายไปได้ชิวๆ
ภาพที่สอง นี่ต่อเนื่องจากภาพแรกด้านทางเข้า...ขยายถนนทำทางเข้าใหม่แต่ข้างนอกมีต้นไม้ขวางทางเข้าอยู่ ลำต้นเอียงน่าจะไม่นานก็ล้มลงแน่ๆ ข้างนอกที่ทำงานแจ้งกทม.ช่วยย้ายหรือตัดแล้วจ่ายตังค์ดีกว่า
ภาพที่ 3,4,5 นี่คือต้นมะม่วงโบราณ อายุก็น่าจะไม่น้อยกว่า 40 ปีขึ้นไป 2 ต้น เจองานเข้าเต็มๆ ติดตึกที่จะรื้อถอนสร้างอาคารใหม่ห่างไปสัก 4-5 เมตร...ทำเสาเข็มและขุดทำชั้นใต้ดินสามชั้นตรงนั้น
บทก็คือต้องย้ายออกไปปลูกใหม่...แต่ผมอยากให้ดูทรงต้นมะม่วงสองต้นนี้ที่เอียงโย้ให้ดีๆ ผมเคยขอให้เลี่ยงต้นมะม่วงสองต้นนี้ไว้ตั้งแต่สร้างตึกใหม่ที่อยู่ติดกัน...ก็เก็บเอาไว้มาจนถึงในตอนนี้ สุดเสียดายเพราะผูกพันมาเคยปีนเอาลูกมาตำน้ำพริกสุดอร่อย...แต่ๆๆย้ายไปไม่นานก็คงจากไปแน่ๆ
ให้ความเห็นอยู่สองสามอย่าง...อย่างแรกในใจเสียดายมะม่วง 2 ต้นนี้มากเพราะเป็นพันธุ์โบราณ พิเศษไม่เหมือนใครในมะม่วงพันธุ์นี้...รสชาติเปรี้ยวจิ๊ดตั้งแต่ลูกดิบยันสุกเขามีแต่สุกแล้วหวานทั้งนั้น ผมเคยตั้งชื่อมะม่วงพันธุ์นี้ที่ตอนนี้ยังมีเหลืออยู่น่าจะสัก 7-8 ต้นในพื้นที่ว่า มะม่วงพันธุ์ ” เยี่ยวปริบ” ผู้คนก็มักจะเรียกตามชื่อผมตั้งไปหมดมักมีคนถามว่าทำไมชื่อนี้...พอฝานส่งให้ชิมถึงร้องอ๋อ...สมชื่อ
อย่างที่สองเหตุผลคือ...ย้ายก็น่าจะตาย เหตุผลก็คือที่เห็นเอียงแบบนั้นแถมหนักที่พื้นที่ยึดลำต้นไว้ พื้นตรงโคนต้นบล็อกรอบต้นไว้รอบต้นน่าจะสักฟุตหนึ่ง...รอบๆเป็นพื้นถนนที่เททับกันถึง 3-4 ชั้น ย้ายไปปลูกก็ต้องเอารถแย็กลมมาสกัดพื้นรอบโคนต้น...แรงกระแทกผ่านพื้นสามชั้นรากน่าจะตาย มะม่วงมีรากแก้วตัดรากแก้ว...กระแทกรากฝอยช้ำหมด เอาไปปลูกต้นเอียงๆแบบนี้ไม่นานก็ล้มตาย ไม่เป็นไรพวกอนุรักษ์เขาท้วง...ก็ล้อมย้ายไปปลูกก็แล้วกัน
อยากให้ดูภาพต่อไป...ต้นไทรใหญ่ต้นนี้น่าจะอายุสัก 5-60 ปีติดอาคารที่จะโดนทุบตึกข้างๆทิ้งทำถนน ต้นนี้ไม่ใช่ไม้โบราณทุบตึกไปกลายพื้นที่เป็นถนนไม่กระทบมากต่อต้นไม้ แต่ตอนทุบตึกให้ระวังหน่อย ต้นไทรต้นนี้แรงสุดๆผมยังเคยเจอมากับตัวเองทำพิธีเซ่นไหว้ขอดีๆก็จะไม่มีอะไร...ต้นนี้อนุรักษ์ไว้
สองภาพต่อไปนี้...อยากให้ดูต้นเหตุที่ทำให้เกิดสงครามข้อมูลฉะกันทางด้านการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ เหลืออยู่ 4 ต้นเป็นต้นนนทรี เมื่อก่อนมีเจ็ดแปดต้นล้มเองไปหมดแล้วเหลือที่เห็นในภาพเท่านั้น
ติดอาคารที่ต้องรื้อถอนสร้างอาคารใหม่...เป็นพื้นที่เว้นเส้นทางสัญจรรอบตึก ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและระงับอัคคีภัย เมื่อก่อนติดกันเป็นสนามฟุตบอล...ผมเข้างานใหม่ๆเมื่อ36ปีก่อนต้นสักขนาดเท่าน่องผมเท่านั้น พวกอนุรักษ์เขาบอกเป็นไม้โบราณต้นใหญ่จะต้องโดนตัดทิ้ง...ก็เลยใส่กันแหลกทางอินเตอร์เน็ต
ในแบบก่อสร้างอาคารเขาจะย้ายไปปลูกใหม่ในสวนที่จะจัดพื้นที่ใหม่...แต่ขอให้ดูจากในภาพเถอะ เอียงล้มแล้วทุกต้นในตอนนี้...ถ้าไม่มีถนนคอนกรีตกับทางเท้ายึดไว้ต้นไม้เขาล้มไปนานแล้ว นนทรีล้มทุกต้นผมไม่เห็นมีรากแก้วมีแต่รากฝอยกับรากกระจายจากลำต้น...ล้อมได้ปลูกไม่นานก็ล้ม ไม่เป็นไรอนุรักษ์เอาไว้ล้อมไปปลูกก็แล้วกัน…แต่ผมว่าปลูกใหม่น่าจะดีกว่าตามภาพข้างล่างครับ
คนอนุรักษ์ก็ทำหน้าที่กันไป...เราอยู่ด้วยกันได้ดีก็แค่อยากให้มาใช้ข้อมูลที่เป็นเหตุเป็นผลหักล้างกัน อย่าคิดว่าคนอื่นเขาไม่มีจิตที่อนุรักษ์...บางทีคนไม่พูดไม่ออกข่าวเขาก็อาจจะมีใจอนุรักษ์มากกว่าก็ได้ กาลเวลาผ่านไปความคงอยู่ไม่มีจีรัง...ใจให้มีความอยากที่จะคงไว้ยังไงก็คงกระทำไม่ได้หรอก อยากให้มองไปถึงการยอมรับความคิดที่คิดต่างกัน...หาทางออกให้ได้แม้จะต้องไปออกตรงทางเข้า นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสังคมแห่งการอนุรักษ์ของเรา
ท้ายสุดอยากขอให้ดูต้นไม้ที่โบราณจริงๆว่าเขาอยู่ในสภาพใด...มองแล้วคิดว่าจะทำอย่างไรดี คำตอบอยู่ที่ทุกท่านคิด...เอวังขอจบดื้อๆตามแบบผมแล้วครับ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |