*/
<< | ตุลาคม 2013 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
หลังจากที่ผมได้ไปดูการปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ (อยากรู้จักข้าวพันธุ์นี้ คลิกที่นี่) ที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี แบบอินทรีย์ (อ่านเรื่องเก่า คลิกที่นี่) และได้นำเรื่องนี้มาคุยกับชาวนา ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมฯ ซึ่งชาวนาเหล่านี้ ผมคุ้นเคยกันมาตั้งแต่การทำนาโยน ปัจจุบันมีชาวนาใน ต.คลองสี่ จำนวน 5-6 คนแล้ว ที่ทำนาโยนแทนนาหว่าน เราได้คุยกันถึงการเปลี่ยนแปลงพันธุ์ข้าวที่จะปลูก จากพันธุ์เดิมๆ ที่มีอยู่ ในทุ่งรังสิต เช่น พันธุ์ กข.41 กข.47 ข้าวหอมปทุม เป็นต้น มาเป็น "ข้าวไรซ์เบอรี่" แต่ชาวนาเกือบทุกคนยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนพันธุ์ข้าวได้ตอนนี้ แต่มีชาวนาคนหนึ่งชื่อ "พี่พจน์" เป็นชาวนาที่ทำนาโยนกันมา 2-3 รุ่นแล้ว ชอบหาความรู้ใหม่ๆ ที่จะพัฒนาการทำนาของตนให้ดีขึ้น และมีความสนใจการทำนาแบบปลอดสารฯ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บอกผมว่า "อยากจะทดลองปลูกข้าวพันธุ์ไรซ์เบอรรี่ จะลองปลูกดูสัก 1-2 ไร่ก่อน ถ้าดีจะขยายให้มากกว่านี้" พี่พจน์อยากให้ผมพาไปคุยกับพี่ริดที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี ถึงลักษณะนิสัยของข้าวพันธุ์นี้ รวมทั้งตลาดที่จะขาย และถ้าดีก็จะนำพันธุ์ข้าวเปลือกมาปลูก 1-2 ไร่ (ที่จริงก็คุยกันทางโทรศัพท์ระดับหนึ่งแล้ว แต่อยากจะไปเห็นกับตาซะมากกว่าครับ) วันนี้ผมจึงขอนำพี่พจน์ ชาวนาผู้กล้าเปลี่ยนแปลงแห่งทุ่งรังสิต ไปดูงานการปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ และนำพันธุ์ข้าวเปลือกจาก อ.หนองแค จ.สระบุรีมาปลูกเป็นคนแรกของ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
เช้าวันนี้ผมนัดพี่พจน์ ไปที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อไปดูงานและนำพันธุ์ข้าวเปลือกมาปลูก เลยขอบันทึกภาพพี่พจน์ พร้อมกับพื้นที่นา 1-2 ไร่ที่จะปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ พี่พจน์บอกจะปลูกแบบวิธี "ดำนา" ซะด้วย !! ถ้าทำนาแบบ "ดำนา" จริงๆ แบบนี้ก็สนุกซิครับ เพราะผมจะได้ลอง "ดำนา" เป็นครั้งแรกของชีวิตกับเขาบ้างเพื่อนๆ คอยติดตาม "การดำนาข้าวไรซ์เบอรี่" กันต่อไปนะครับ
การเดินทางในเช้าวันนี้ มีชาวนาไปกับผมด้วย 2 คนคือ พี่พจน์และลุงลำพอง (ผู้ทำนาโยนคนแรกของ ต.คลองสี่ อ่านเรื่องเก่า คลิกที่นี่) ผมใช้เส้นทางเลียบคลองรพีพัฒน์ผ่าน อ.หนองเสือ จ.ปทุมฯ ระยะทางจากบ้านพี่พจน์มาที่อ.หนองแคห่างแค่ 35 กม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาทีก็ถึงแล้ว ถึง อ.หนองแค ขับรถผ่านประตูน้ำของคลองรพีพัฒน์ ที่มวลน้ำตรงนี้จะไหลไปที่บ้านของชาวนา ต.คลองสี่ ทำให้ชาวนาทั้ง 2 ท่านได้เห็นต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตพวกเขามาทั้งชีวิตเป็นครั้งแรก วันนี้น้ำไม่มากสักเท่าไร ผมเลยคิดว่าปี 56 น้องน้ำน่าจะวางใจได้ว่าไม่ท่วมเมืองปทุมฯ ฝั่่งตะวันออกแน่นอน ผมก็เลยบันทึกภาพไว้ซะหน่อย ว่านี่แหละ..เป็น"ต้นน้ำ"ของคลองรพีพพัฒน์ และ"ปลายน้ำ"ของคลองพีพัฒน์ นั่นก็คือ "ประตูน้ำพระอินทร์" ซึ่งผมได้พาเพื่อนๆ ไปชมมาแล้ว (อ่านเรื่องเก่า คลิกที่นี่)
ขับผ่านทุ่งนามี "นกยางขาว" เต็มไปหมดเลย เพื่อนๆ ลองนับว่ามีนกสักกี่ตัว ใครนับได้หมด มารับรางวัลไป
นัดพี่ริดไว้อีกบ้านหนึ่ง เป็นคนละบ้านกับคราวที่แล้วที่ผมมา (บ้านนี้เป็นของคุณแม่พี่ริด) มีต้นไม้เต็มรอบบ้านไปหมด
พี่ริดได้แนะนำสามีชื่อ "พี่พจน์" (ชื่อเดียวกับชาวนาคลองสี่) พี่ริดนอกจากทำนาแล้ว ก็รับจ้างดำนาโดยใช้เครื่องยนต์อีกอาชีพหนึ่งด้วย ชาวนาของสองจังหวัดเลยได้คุยกันถึงการทำงานของเครื่องดำนา พี่พจน์และลุงลำพอง ชาวนาเมืองปทุมฯ บอกว่าที่นาของพวกเขาไม่สามารถใช้เครื่องดำนาได้ เพราะดินที่ปทุมฯ นิ่มมาก เคยลองใช้มาแล้วแต่เครื่องติดหล่ม กลับเป็นปัญหาในการดึงเครื่องดำนาเข้าไปอีก ดังนั้นทางทุ่งรังสิต เลยไม่มีใครใช้เครื่องดำนา พี่ริดและพี่พจน์ ชาวนา อ.หนองแค บอกว่าดินที่นี่ ด้านล่างจะแข็งเลยทำให้สามารถใช้เครื่องดำนาได้ ทุกวันนี้รับจ้างดำนา ช่วงฤดูทำนาก็รับจ้างแทบไม่ค่อยจะทันเลยละครับ
จากนั้นพี่ริดก็ได้พาไปชมกล้าข้าวที่เตรียมไว้สำหรับรับจ้างดำนา โดยปลูกไว้ในถาดที่สามารถลอยน้ำได้ ที่เห็นในภาพจะเป็นกล้าข้าวพันธุ์ไรซ์เบอรี่ ต้นกล้าดูสีไม่เขียวเหมือนกล้าข้าวทั่วไปที่ผมเคยเห็นมา
ใกล้ๆ กันเป็นแปลงกล้าข้าวที่มีสีเขียวที่คุ้นตา เป็นพันธุ์ กข.41 ก็ปลูกไว้ในถาดสามารถลอยน้ำได้ บางถาดลอยไปอยู่กลางนาโน้น..เลยละครับ ถ้าจะใช้ค่อยลากเอามารวมกัน ดูแล้วตลกดีนะครับ ที่ถาดกล้าข้าวลอยน้ำได้เหมือนการลอยกระทงเลย
ผมอยากรู้ว่าถาดหน้าตาเป็นเช่นไร เลยหยิบขึ้นมาจากน้ำแล้วถ่ายภาพให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน มองอย่างนี้ก็ยังไม่รู้อีกว่ารากของกล้าข้าวจะยึดกับถาดนี้ได้อย่างไร?
ผมเลยขออนุญาติพี่ริด นำถาดที่ไม่ใด้ใช้งานมา 1 ใบ เพื่อบันทึกภาพซะหน่อย จะเห็นได้ว่าถาดจะมีรู และทำให้กล้าข้าวปลูกอยู่บนถาดนี้ได้ พี่ริดบอกว่าถาดต้องซื้อจาก บ.รถไถนาที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ถึงจะได้ตะแกรงที่มีคุณภาพดี ใบละ 40 บาทแต่ต้องสั่งจองถึงจะได้ เพราะของไม่ค่อยมี ต้องแย่งกันซื้อ จากนั้นพี่ริดก็ได้พาชมวิธีการปลูกกล้าข้าวในถาด โดยนำถาดไปใส่ ...
ขี้เถ้าแกลบ ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่เอาไปเพาะกล้าต้นไม้ ใส่ถาดให้เต็ม จากนั้น ..
นำถาดมาวางที่พื้นดินเพื่อที่จะเตรียมโรยเมล็ดข้าวเปลือก โดยจะนำข้าวเปลือกมาใส่ในเครื่องโรยเมล็ดข้าวก่อน จากนั้นจะใช้แรงงานคนลากเครื่องที่วางอยู่บนรางดังในภาพ ให้เมล็ดข้าวเปลือกตกใส่ถาดที่วางไว้อยู่ด้านล่าง เสร็จแล้วก็นำถาดที่มีเมล็ดข้าวเปลือกไปชำไว้ในน้ำต่อไป
ชาวนา ต.คลองสี่ สนใจ เพราะจะได้นำไปประยุกต์ใช้ในการเพาะกล้าข้าวสำหรับทำนาโยนต่อไป
จากนั้นชาวนา 2 จังหวัดได้คุยกันถึงการคัดเลือกพันธุ์ข้าวไว้ทำพันธ์ในรุ่นต่อไป ผมฟังแล้วเพลินสนุกดีที่ได้เห็นชาวนาต่างพื้นที่คุยกัน ทำให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำนาซึ่งกันและกัน อยากให้ชาวนาทั่วประเทศมีการศึกษาไฝ่รู้เรื่องการทำนา เหมือนชาวนากลุ่มนี้จังเลย
ในที่นาของพี่ริดมีรถที่ใช้ทำนาจอดอยู่ อาทิ รถกระแทะ เห็นแล้วนึกถึงเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนเกี่ยวกับรถกระแทะ ติดตามอ่าน คลิกที่นี่
แถมยังมีรถยนต์ที่ใช้บรรทุกลากจูงอุปกรณ์สิ่งของต่างๆ สำหรับทำนา รถคันนี้ น่าสนใจ ตรงที่มี ...
"เกียร์มือ 4 เกียร์" ที่มีรูปร่างแปลกประหลาดจังเลย ฝรั่งเห็นแล้วคงต้องอายกับนวัตกรรมของพี่ริดไปเลย เพื่อนๆ เห็นแล้วอยากลองขับดูบ้างไหมครับ?
แถมมีเบาะนั่งที่ใช้โช๊คจากรถมอเตอร์ไซค์มาใช้ ทำให้ที่นั่งนุ่มขึ้นนะครับ
รอบๆ บ้านพี่ริดมีต้นไม้เต็มไปหมด ถ่ายมาเฉพาะบางส่วน แต่ชอบต้นเคราฤาษีที่ปลูกห้อยย้อยรอบบ้านเลย
นอกจากนี้พี่ริดยังทำซุ้มไม้ไผ่ ที่เตรียมไว้ให้ฟักข้าวได้เลื้อย และออกลูกห้อยย้อยสวยงามในซุ้มนี้
พี่พจน์ ชาวนาคลองสี่บอกพี่ริดว่า จะขอซื้อพันธุ์ข้าวไรซ์เบอรรี่ 1 ถัง (10 กก.) ไปปลูกที่นาบ้าน พี่ริดเลยบอกว่าต้องไปเอาข้าวเปลือกอีกบ้านหนึ่ง ซึ่งก็เป็นบ้านที่ผมเคยมาเยี่ยมพี่ริดตั้งแต่คราวที่แล้ว ผมไม่รู้เส้นทาง ได้แต่ขับรถตามรถมอเตอร์ไซค์ของพี่ริดไปเรื่อยๆ ประมาณ 4-5 กม. ก็ถึงบ้านอีกหลังหนึ่ง
ต้องเดินผ่านสวนไม้นานาพรรณที่พี่ริดและสามีปลูกไว้ เต็มไปหมดเลย พี่ริดบอกชื่อมาเต็มไปหมด แต่ผมก็จำไม่ได้เหมือนเดิม แต่ที่ยังจำได้ ก็คือ ..
ต้นส้มเขียวหวาน อนุสรณ์ต้นไม้ที่พี่ริดเคยปลูกไว้ก่อนจะหันมาทำนา เพราะผลผลิตไม่ดีและขาดทุน เลยเลิกปลูก แต่ก็เก็บไว้ดูต่างหน้าอยู่ 3 ต้น แต่การปลูกน้อยๆ กลับมีผลผลิตออกมาดี เต็มต้นไปหมดเลย
พี่ริดเก็บส้มที่สุกแล้ว แต่เพิ่งหล่นอยู่ใต้ต้นส้ม มาให้ผมทาน เปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยดีครับ
มะขามยักษ์ก็กำลังออกฝักเต็มต้นเหมือนกัน
มาครั้งนี้พี่ริดก็ยังแนะนำเหมือนเดิมว่า ถ้าจะปลูกพืชคลุมดิน แถมได้เงินใช้ทุกวันต้องปลูก "ชะพลู"
พี่ริดนำชาวนาคลองสี่มาชมแปลงนา 8 ไร่ที่เคยปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ แต่เพิ่งเก็บเกี่ยวไปไม่นานเลยเหลือแต่ตอซังข้าว ของรุ่นที่ผ่านมา พี่ริดบอกว่าได้ผลผลิต 6 ตัน ขายเฉพาะข้าวเปลือกไปตันละ 2 หมื่นบาท (พิมพ์ 2 หมื่นบาทไม่ผิดหรอกครับ) ได้เงินเท่าไรลองคำนวณกันเองนะครับ เห็นรายได้แบบนี้แล้ว คงไม่ต้องไปพึ่งโครงการจำนำข้าวของรัฐแล้วละครับ พี่ริดปลูกข้าวแปลงนี้แบบอินทรีย์ คือไม่ใส่สารเคมีในนา ทำให้สามารถขายผลผลิตได้ดีกว่าข้าวที่ใช้สารเคมี อีกทั้งยังเป็นข้าวไรซ์เบอรี่ ซึ่งเป็นข้าวที่ตลาดต้องการมาก เลยขายได้ราคาดี
เดินกลับมาที่บ้าน สถานที่ที่เก็บพันธุ์ข้าวไรซ์เบอรี่ พี่ริดเก็บไว้ในถุงพลาสติกใบใหญ่ พี่พจน์เลยขอแบ่งซื้อพันธุ์ข้าวไปปลูกในที่นา 1-2 ไร่ จำนาน 1 ถังหรือ 10 กก. (กก.ละ 60 บาท)
ผมเลยขอชมข้าวเปลือกของข้าวไรซ์เบอรรี่ซะหน่อย ดูแล้วเมล็ดเขาจะเล็กกว่าข้าวเปลือกพันธุ์ที่ผมเคยพบมา และสีดูจะเข้มกว่าพันธุ์ข้าวขาวตระกูล กข.
ก่อนกลับชาวนา 2 จังหวัดก็เลยบันทึกภาพไว้เป็นสักขีพยานว่า "พี่พจน์"ชาวนาทุ่งรังสิต เมืองปทุมฯ ได้เตรียมนำข้าวเปลือกพันธุ์ไรซ์เบอรี่ จาก"พี่ริด" ชาวนา อ.หนองแค จ.สระบุรี ไปปลูกในที่นาท้องทุ่งรังสิต ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นคนแรก
******************************************************************* วันนี้ผมได้พาเพื่อนๆ ไปพบชาวนา ต.คลองสี่ เมืองปทุมฯ ที่ไฝ่รู้เรื่องการทำนาในรูปแบบใหม่ ตั้งแต่เรื่องการเปลี่ยนแปลงการทำนาหว่านมาทำนาโยน จนมาถึง entry นี้ ที่ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง โดยจะเปลี่ยนแปลงพันธุ์ข้าวขาวที่เคยปลูกมาทั้งชีวิต เปลี่ยนมาเป็นพันธุ์ข้าวชนิดใหม่ ทั้งที่ไม่เคยปลูกมาก่อนเลย นั่นก็คือ "ข้าวไรซ์เบอรี่" เป็นการยากที่จะทำให้ชาวนาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำนาแบบเดิม แต่ชาวนาที่ ต.คลองสี่ชอบลอง ศึกษาการทำนาแบบใหม่ อยู่ตลอดเวลา ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงพันธุ์ข้าวใหม่สำหรับการทำนาในครั้งนี้ ถึงแม้จะเริ่มปลูกแค่ 1-2 ไร่ก็ตาม แต่การปลูกข้าวครั้งนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชาวนาท้องทุ่งรังสิต มีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวสำหรับการปลูกให้ดีมากขึ้น หวังว่าเพื่อนๆ คงติดตามการปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ (แบบปลอดสารฯ) ของ"พี่พจน์" ชาวนา ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมฯ กันต่อไปนะครับ -501-
************************************************************************
หมายเหตุ รวมเรื่อง "ข้าวและชาวนา" โดย คนปทุมรักสุขภาพและครอบครัว คลิกที่นี่ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |