กรณีศึกษา Clinic Clear: Local to Global Brand เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ได้มีการจัดงาน การตลาดอภิปราย ขึ้น โดยนักศึกษาปริญญาโทสาขาการตลาด ของวิทยาลัยการจัดการ ในหัวข้อ Clinic Clear: Local to Global Brand โดยประเด็นในหัวข้อนี้มีประเด็นที่ว่า แชมพูสระผมขจัดรังแคยี่ห้อคลีนิค เคลียร์ (Clinic Clear) ของค่ายยูนิลีเวอร์ ยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภคของประเทศไทยนั้นต้องการเปลี่ยนแบรนด์ คลีนิค เคลียร์ ให้กลายเป็น แบรนด์ เคลียร์ คลีนิค เคลียร์ สินค้า Local Brand ในตอนแรกนั้นผมเองก็ยังเข้าใจว่าแบรนด์คลีนิค ของค่ายยูนิลีเวอร์นั้นเป็นแบรนด์ระดับโลกหรือที่เรียกกันว่า Global Brand แต่ก็เพิ่งมาเรียนรู้เพิ่มขึ้นว่าอันที่จริงแล้วแบรนด์คลีนิคนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นแค่แบรนด์ท้องถิ่นที่เรียกว่าโลคอล แบรนด์ (Local Brand) และเนื่องจากทางยูนิลีเวอร์นั้นมีนโยบายที่ต้องการให้สินค้าของตนเองที่ผลิตและจำหน่ายอยู่นั้นมีความเป็นความชัดเจน มีเอกภาพ และเป็นที่รู้จักเหมือนๆ กันไปว่าจะไปอยู่ที่ไหนทั่วโลก ดังนั้นบริษัทแม่จึงได้ให้นโยบายกับบริษัทสาขาของตนเองปรับเปลี่ยนแบรนด์จากชื่อคลีนิค เคลียร์ ไปเป็น เคลียร์ แต่เพียงอย่างเดียว โดยการพยายามที่จะลด หรือตัดคำว่าว่าคลีนิคออกจากชื่อสินค้า สำหรับในประเทศไทยนั้น ในช่วงการเปิดตัว สินค้าแบรนด์นี้ในระยะแรกใช้ชื่อว่า คลีนิค เคลียร์ (Clinic Clear) และแบรนด์ คลีนิค เคลียร์ ในประเทศไทยเองก็ได้สร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นแบรนด์หนึ่งที่ติดปากของผู้บริโภคชาวไทย เพราะจากแบบสัมภาษณ์ที่ทางกลุ่มนักศึกษาได้ทำขึ้นนั้นพบว่า ผลสัมภาษณ์โดยการตอบกลับของผู้ที่ใช้ยาสระผมขจัดรังแคนั้นชื่อ คลีนิค มีจำนวนครั้งของการตอบที่ได้รับจากผู้บริโภค หนาหูมากกว่าชื่ออื่นๆ ส่วนคำว่า คลีนิค เคลียร์ นั้นหลุดออกมาจากปากผู้บริโภคเพียงไม่กี่ครั้ง และนี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ยูนิลีเวอร์ไทย ต้องขบคิดในการบริหารผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ซึ่งผมเองก็เชื่อว่าข้อมูลจากภาคสนามที่ทางยูนิลีเวอร์มีอยู่ ก็คงไม่แตกต่างจากข้อมูลของนักศึกษาที่ได้ไปทำการสำรวจกันมา สำหรับตลาดแชมพูและและผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมนั้นมีมูลค่าประมาณ 10,700 ล้านบาท ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ประมาณ 4.5% โดยส่วนแบ่งการตลาดของกลุ่มแชมพูนั้นมีมูลค่า 7,500 ล้านบาท เฉพาะแบรนด์ คลีนิค เคลียร์ แบรนด์เดียวนั้นมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ 13.4% แต่ถ้าคำนวณส่วนแบ่งบนชั้นวางขายในหมวดยาสระผมขจัดรังแค (Share on Shelf of Anti Dandruff) นั้น คลีนิค เคลียร์มีสูงถึง 47% ซึ่งสูสีกับคู่แข่งจากค่าย P&G ดังนั้นภาระกิจที่ยูนิลีเวอร์ไทย ได้รับมอบหมายมาจากบริษัทแม่จึงค่อยข้างเป็นโจทย์ที่ไม่ง่าย เพราะการเปลี่ยนแปลงอะไรแต่ละครั้งนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อยอดขายของสินค้าไม่มากก็น้อย และในสถานการณ์การแข่งขันที่เรียกกันว่าคู่แข่งกำลังหายใจรดต้นคออยู่นั้น การก้าวพลาดแม้แต่เล็กน้อยก็อาจจะจะทำให้ตนเองนั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองได้ทันที การพลิกฟื้นขึ้นมายืดหยัดอีกครั้งอาจต้องคิดถึง เม็ดเงินที่ต้องใช้ในการลงทุนอีกเป็นจำนวนมาก แต่ถึงอย่างไรยูนิลีเวอร์ไทยเองก็ต้องทำ เพราะเป็นแคมเปญที่ได้รับมอบหมายมา ซึ่งกรณีนี้ผมคิดว่าเป็นการแข่งกับตัวเองเสียมากกว่า ไม่ได้แข่งกับคูแข่งอื่นๆ เป็นการที่บริษัทต้องสื่อสารกับลูกค้าเพื่อที่จะทำให้เกิดการรับรู้ และข้อสำคัญยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ โดยไม่มีความรู้สึกอึดอัด หรือสับสนงุนงง และเลิกซื้อ เลิกใช้ เส้นทางสู่ Global Brand 1. ปรับการรับรู้ของผู้บริโภคอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปรับการรับรู้ของผู้บริโภคอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในกรณีของ เคลียร์ นั้นถึงแม้รูปแบบของบรรจุภัณฑ์อาจจะไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คือตัวบรรจุภัณฑ์ยังมีลักษณะเป็นแท่งที่มีเอวคอดอยู่ แต่ทางทีมการตลาดของยูนิลีเวอร์ไทยก็ยังมีกลเม็ดที่ทำให้บรรจุภัณฑ์ของตนเองมีความแตกต่างจากบรรจุภัณฑ์ของเก่าคือ การเปลี่ยนพื้นผิวของบรรจุภัณฑ์จากเรียบมัน มาเป็นผิวมุก และเปลี่ยนภาพพิมพ์ ให้ความโค้งเว้าของตัวภาพให้มีความนุ่มนวลขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือตราสินค้า คลีนิคถูกลดขนาดลงแทบจะเรียกว่าดูในระยะไกลนั้นอาจะมองไม่เห็น แต่ที่เด่นเห็นชัดคือคำว่า เคลียร์ และเมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ผู้บริโภคก็ยังจะมองเห็นชื่อคลีนิค ประกบอยู่เหนือคำว่าเคลียร์ ซึ่งก็จะตัดประเด็นสงสัยออกไปในใจผู้บริโภคว่าสินค้านี้คือ ยี่ห้อคลีนิคที่ต้องเองเคยเลือกใช้หรือเปล่า นอกจากนี้การที่ยังคงคำว่า คลีนิคอยู่ในสินค้าก็ยังช่วยสื่อสารแบรนด์ เคลียร์ ในกรณีที่ผู้บริโภคไม่ได้เห็นสินค้าบนชั้นวางขายแต่พบเห็นสินค้าในสื่อโฆษณาไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆ ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน เมื่อผู้บริโภคซึมซับคำว่าเคลียร์ไว้ในการจดจำแล้ว ชื่อคลีนิคก็จะถูกลบออกจากบรรจุภัณฑ์ ซึ่งก็ยังเป็นคำถามอยู่ว่า อีกนานเท่าไร ขยายสายผลิตภัณฑ์ให้ยาวขึ้น และขยายกลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ให้กว้างขึ้น สำหรับกรณี เคลียร์ นั้น ทีมการตลาดได้ดำเนินกลยุทธ์ใน 2 รูปแบบคือ ทั้งเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ให้ยาว ขึ้นและ เปิดกลุ่มเป้าหมายใหม่คือ กลุ่มผู้ชาย ในแง่ของการเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ให้ยาวขึ้นนั้น ทำโดยการออกสายผลิตภัณฑ์ออกถึง 5 สูตร โดยใช้สีเป็นเครื่องมือในการแบ่งแยกความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ขจัดรังแคไม่ว่าจะเป็น เคลียร์สีฟ้า สูตรเย็น สีชมพู สูตรบำรุงหนังศรีษะ สีส้ม ลดการหลุดร่วง สีเหลือง ลดความมันส่วนเกิน สีเขียว ลดความคันจากหนังศรีษะแห้ง นอกจากการเพิ่มสายผลิตภัณฑ์แล้ว กลยุทธ์นี้ยังเพิ่มโอกาสในการวางสินค้าบนชั้นในร้านค้าให้มากขึ้น และยังเพิ่มความน่าสนใจ ความตื่นเต้นเมื่อลูกค้ามาหยุดดูที่ชั้นขายสินค้า ใช้เวลานานให้นานขึ้นในการเลือกและดูผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเอง เรียกว่าพอดูจบก็ไม่มีเวลาดูของยี่ห้ออื่นแล้ว ต้องไปจ่ายเงินหรือรีบไปซื้อสินค้าอื่นต่อ สำหรับครั้งนี้ทีมการตลาดของ เคลียร์ ยังเพิ่มความหนาแน่นของสายผลิตภัณฑ์โดยการขยายกลุ่มเป้าหมายสู่ตลาด ผู้ชาย วันนี้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย (Mens Grooming Product) กลายมาเป็นตลาดที่ถูกจับตามองจากทุกค่าย เพราะมูลค่าตลาดสินค้าผู้ชายในกลุมผลิตภัณฑ์แชมพู เครื่องสำอาง เครื่องบำรุงผิว นั้นเติบโตขึ้นในลักษณะที่เรียกว่า สามารถออกผลิตภัณฑ์มาตอบสนองความต้องการของตลาดกลุ่มนี้ได้อย่างมีกำไร เคลียร์จึงเริ่มเปิดแนวรบโดยการส่งแชมพู 3 สูตรออกมาเป็นทัพหน้าเพื่อสื่อสารกับผู้ชายไม่ว่าจะเป็นสูตรสีเขียว ลดการหลุดร่วง สีแดงสูตร 3-in-1 จัดทรงง่าย และสีนำเงินสูตรเย็นสดชื่น สื่อสารกับผู้บริโภคผ่าน Celebrity และกิจกรรมการตลาด (Below-the-line) นอกจากนี้ยังมีทีเด็ดเอาใจหนุ่มๆ นักท่องเว็บ ด้วยแคมเปญ Clinic Clear For men สอนจีบสาว ที่ลงโฆษณาในโต๊ะศุภชลาศัย ในเว็ปพันทิป ซึ่งมีเป้าหมายที่เจาะกลุ่มนักกีฬา เรียกกันว่าสอนจีบสาวออนไลน์ สำหรับผลที่ต้องการนั้นคงไม่ใช่ว่าใครจะเรียนรู้การจีบสาวได้มากน้อยแค่ไหน แต่กลยุทธ์ที่ว่าเป็น การสร้าง Buzz ครับ คือต้องการกระตุ้นให้เกิดการกระแสแบบ พูดกันให้สนั่นเมือง หรือ Talk-of-the-town ซึ่งก็ได้ผลครับ คนที่สงสัยเข้าไปดูเว็ปพันทิปแล้วก็ติดอาการ Viral marketing (Talk-of-the-town on Web) มีการเขียนถึง พูดถึงวิจารณ์กันไปทั่ว Web และ สังคมออนไลน์ต่างๆ นอกเหนือจากสื่อโฆษณาปกติของ เคลียร์ที่พบเห็นกันได้ทั่วไปแล้ว Gimmick หรือของเล่นอีกชิ้นของ ทีมการตลาดเคลียร์ นำเสนอก็คือการจัดกิจกรรมการตลาดตามสถานที่ต่างๆ (Below-the-line) โดยมีการจัดแสดงสินค้า การสาธิตสินค้า และแจกตัวอย่าง เพื่อให้ลองได้ใช้กัน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ก็ส่งผลให้สินค้านั้นใกล้ชิดผู้คนมากขึ้น รู้จักเคลียร์มากขึ้น นับว่าเป็นแนวคิดการผสมผสานสื่อที่ไม่เป็นรองใครจริงๆ ครับ บทสรุป บุริม โอทกานนท์ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | สิงหาคม 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 |