*/
นกเขาเถื่อน | ||
![]() |
||
ฅีตาญชลี |
||
View All ![]() |
<< | ตุลาคม 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 |
"ถ้าไม่อ่านหนังสือ คนเราก็มีค่าไม่ต่างจากคนไม่รู้หนังสือ" ประโยคนี้แทงใจฉันจึ๊กเลยล่ะค่ะ ฉันไปอ่านเรื่อง"อยากทราบไหมครับว่า มหาเศรษฐีโลกอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ วัน ๆ หนึ่งเขาทำอะไรบ้าง ?? " ที่บล็อค http://www.oknation.net/blog/surasakc/2011/10/12/entry-1 ของคุณสุรศักดิ์ แล้วคุณลูกเสือหมายเลข9 เขียนคอมเม้นท์ไว้......อืมมม เรา....หมายถึง หลาย ๆ คน หลาย ๆ หน่วยงาน อยากทำให้คนไทยรักการอ่าน ซึ่งแต่ละภาคส่วนต่างก็มีนโยบาย วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ และตัวชี้วัด ที่วางเอาไว้ให้คนในหน่วยงานนั้น ๆ ปฏิบัติ อย่างสวยหรู งดงาม แต่......ไม่เคยเห็นปรากฏการณ์ "รักการอ่าน" เกิดขึ้นได้เลย ฉันไม่ทราบว่าคนอื่น ๆ จะคิดอย่างไร แต่สำหรับตัวเอง การที่จับงานด้านนี้มานานปี และการรักการอ่านของฉันเกิดจากครอบครัว ที่มีพ่อเป็นนักอ่านหนังสือทั่วไป และมีแม่เป็นนักอ่านนวนิยาย ซึ่งจะบอกรับเป็นสมาชิกวารสารต่าง ๆ ตั้งแต่ฉันเป็นเด็ก วารสารเล่มแรกที่ฉันเห็นและหยิบมาอ่านคือ "ทานตะวัน" ฮ่า ฮ่า ฉันรู้หลาย ๆ ท่านไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แล้วก็ตามด้วยต่วยตูน ของพ่อ โตมาอีกหน่อย ก็มีนิตยสารสกุลไทย ที่พอแม่วางปั๊บ ฉันก็หยิบปุ๊บมาอ่านต่อ พอทีน้ามาเที่ยวที่บ้านมีหนังสือบางกอกติดมาด้วย ตอนนั้นฉันเรียน ม.๔ น้ากลับไปไม่เอาบางกอกไปด้วย ฉันไปเปิดอ่านเข้าก็ไปติดเรื่อง "นาคี" ซึ่งเป็นเรื่องของงูที่มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์มากมาย ทำเอาฉันต้องเจียดเงินค่าขนมไปซื้อบางกอกทุกวันอังคารอ่านจนเรื่องจบ จึงตัดใจไม่ดูเรื่องอื่นอีก.....เมื่อถึงวันที่เลือกเรียนต่อ ฉันเลือกเรียนบรรณารักษศาสตร์ ซึ่งญาติผู้ใหญ่ตำหนิแม่ฉันใหญ่ว่าเลี้ยงลูกยังไง ปล่อยให้ไปเรียนบรรณารักษ์ ใครที่ไหนเขาเรียนกัน จบแล้วจะไปทำอะไร ตอนนี้.....ไม่ทราบว่าท่านลืมไปหรือยัง......แต่ฉันยังจำได้ ว่าแม่ตอบไปอย่างเคือง ๆ ว่า ช่างมันเถอะ.....ไม่มีอะไรทำก็หาเงินให้เปิดร้านขายหนังสือ เช่าหนังสือ ไปตามเรื่องตามราวก็แล้วกัน.....เสียงเหล่านั้นจึงเงียบลงได้...... ฉันจับงานห้องสมุดมาตลอดหลังจากเรียนจบในเวลา ๘ ปี ไม่ผิดหรอกค่ะ ๘ ปีจริง ๆ ปีสุดท้ายพ่อบอก...."เรียนไม่จบ....ไม่ต้องแต่งงาน".....ฉันเลยฮึดเอาลมหายใจสุดท้าย .....แล้วก็ได้แต่งงานจนได้.....ฮ่า ฮ่า.....พ่อบอกว่ารู้งี้ขู่ตั้งแต่แรกก็ดี......ช่างมันเถอะค่ะ.....มาถึงวันนี้.....ฉันอยู่ได้ตามอัตภาพของตัวเอง.....ใช้จ่ายอย่างประหยัด หารายได้เสริมบ้างตามสมควร ตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯอย่างเคร่งครัด.....ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ อยู่แบบพอเพียง มีภูมิคุ้มกัน......ไม่ใช่แค่ท่องจำ แต่ทำจริง ๆ ...... จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมาตั้งแต่เป็นลูกจ้างห้องสมุดที่นู่น ที่นี่ ที่นั่น จนถึงตอนนี้ ฉันว่าการส่งเสริมการอ่านเป็นงานที่ทำยากมาก.....กกกกกก......ก็คนไม่อ่าน....ทำอย่างไรจึงจะอ่านเล่าพี่น้องงงงงงงงง......ฉันคิดเอาเองว่า.....คนที่ควรเป็นผู้ส่งเสริมการอ่านอย่างได้ผลนั้น......ต้องเป็น "ครู" ค่ะ...."ครู" นี่ล่ะค่ะ จะเป็นผู้ปลุกผีเรื่องการอ่านขึ้นมาได้ แม้ว่าจริง ๆ แล้วทุกอย่างต้องเริ่มที่ครอบครัว แต่จะมีซักกี่ครอบครัวเล่าคะ ที่จะเข้าใจว่า การอ่านมีความสำคัญต่อชีวิตอย่างไร เมื่อทุกเช้าค่ำเรายังคงต้องเสาะหาเพื่อปากท้องอย่างไม่ได้หยุด และจะมีกี่ครอบครัวที่จะเจียดเงินอันน้อยนิดไปซื้อหาหนังสือราคาแพงระยับมาให้ลูกอ่าน และการที่ฉันคิดว่าควรเป็นครู เพราะว่า "ครู" เป็นทุก ๆ อย่างสำหรับเด็ก แล้วเด็กเล็ก ๆ จะเชื่อครูอย่างมาก สำหรับเด็กปฐมวัยการได้นอนฟังนิทานก่อนหลับไหลในช่วงบ่าย ต้องเป็นช่วงเวลาการนอนที่มีคุณภาพแน่นอนค่ะ.....สำหรับครูที่ไม่ได้มีความรักการอ่าน ฉันเชื่อว่าเมื่อเป็นหน้าที่ มีกำหนดในมาตรฐานและตัวบ่งชี้ของการประเมินโรงเรียน ยังไงครูก็ต้องทำค่ะ เพราะกรรมการประเมินท่านจะซัก ซัก ซัก ทั้งครู และแอบซักนักเรียนด้วยว่า ครูได้ปฏิบัติตามเกณฑ์ในข้อใดบ้าง อย่างละเอียดประมาณได้ว่าซักจนขาวววววว.....เลยล่ะค่ะ กว่าที่ท่านจะให้โรงเรียนแต่ละโรงผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพไปได้ ฉันอยากให้ทุกรัฐบาล เจียดเงินงบประมาณมาให้โรงเรียนจัดซื้อสื่อ หนังสือ สำหรับจัดส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็กปฐมวัย หรือเด็กก่อนวัยเรียนให้ครบทุกโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือในป่าผาดอย ให้มีหนังสือสำหรับการอ่านอย่างเพียงพอ คงไม่ใช้เงินมากมายนักหรอกค่ะ เพราะสำหรับเด็ก หนังสือไม่ต้องมากแต่ขอให้มี เพราะครูเป็นคนอ่านให้ฟังอยู่แล้ว แต่ถ้ามากก็จะยิ่งดีใหญ่......การปลูกฝังการรักการอ่านให้กับเด็กเล็กจะได้ผลมากกว่าจะมาไล่จับตอนเด็กโต ห้องสมุดที่ฉันทำงานจะเน้นเรื่องหนังสือสำหรับเด็กมากเป็นพิเศษ เพราะหนังสือเดี๋ยวนี้ราคาแพงมากกกกกกกกกก การจัดหาหนังสือสำหรับเด็กเพื่อให้บริการจึงเป็นสัดส่วนของการจัดซื้อที่สูงพอสมควร เมื่อปลูกฝังการอ่านสำหรับเด็กปฐมวัยแล้ว ห้องสมุดควรเป็นแหล่งสนับสนุนการอ่านอย่างเต็มที่ รัฐควรจัดเงินสำหรับการจัดหาหนังสือเข้าห้องสมุดให้มากกว่าปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมาฉันเห็นรัฐบาลประชาธิปัตย์เท่านั้น ที่ทุ่มงบประมาณในการจัดหาสื่อเข้าห้องสมุดเป็นเงินสูงที่สุดในชีวิตราชการของฉันเลยล่ะค่ะ ท่านให้มา 450,000 บาท(สี่แสนห้าหมื่นบาทถ้วนค่ะ) ทำเอายอดสมาชิกและผู้ใช้บริการพุ่งพรวดเลยนะคะ เพราะการทำตลาดของห้องสมุดส่วนใหญ่เป็นการโชว์สินค้า ช่วงไหนมีหนังสือใหม่ ๆ ออกวางบนชั้น ช่วงนั้นสมาชิกจะขยันมาเลือกหนังสือเพื่อยืมกลับไปอ่านอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเลยล่ะค่ะ สำหรับฉันแล้วไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่าให้เก็บหนังสือในรูปแบบดิจิตอล หรือไฟล์ให้ดาวน์โหลด เพราะยังไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ไม่สามารถมาแทนที่หนังสือได้หรอกค่ะ แม้จะมีแทบเล็ด(แทปเลท)เข้ามาทำให้การใช้งานง่ายขึ้น แต่ทั้งหลายเหล่านี้นำติดตัวไปในทุก ๆ ที่โดยไม่ต้องกลัวยับย่น ชำรุด ได้เหมือนหนังสือหรอกค่ะ หนังสือยังคงมีเสน่ห์ในตัวเองอยู่นั่นเองนะคะ และสำหรับบรรณารักษ์ในฐานะผู้ส่งเสริมสนับสนุนการอ่าน การคัดเลือกหนังสือควรเป็นไปอย่างระมัดระวัง บรรณารักษ์ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดหนังสืออย่างต่อเนื่อง ซื่อสัตย์ และซื่อตรงต่อผู้ใช้บริการ จงมองข้ามผลประโยชน์ทั้งหลายให้ได้......เพราะในวันแรกที่ฉันทำงาน......ไปกราบพ่อ กับแม่ พ่ออวยพรให้ฉันว่า "จงเจริญวัฒนาในหน้าที่การงาน.......อย่าหัดโกงตั้งแต่ยังเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย"......ฉันจึงยึดมั่นในคำของพ่อ.........อย่างเคร่งครัด......ซึ่งมันทำให้ฉันทำงานอย่างเป็นสุขมาตราบเท่าวันนี้..... และนอกเหนือจากครูแล้ว ผู้มีความสำคัญอย่างมากในการสร้างความรักการอ่านคือ ครอบครัวค่ะการที่พ่อ แม่ หรือคนในครอบครัว อ่านหนังสือให้เด็กเห็นเป็นประจำ เด็กจะเกิดความอยากรู้อยากเห็น อยากเลียนแบบ เช่นเด็กบางคนอ่านหนังสือไม่ออก แต่สามารถเล่าเรื่องราวได้ตลอดเล่ม จากการเลียนแบบการอ่านของผู้ใหญ่ และการใช้สมองจดจำของเด็ก ๆ เด็กที่อ่านหนังสือจะมีจินตนาการเกิดขึ้นมากมายทุกวัน เพราะการอ่านทำให้เด็กได้คิดตาม นึก ฝัน ตามที่ผู้ใหญ่เล่า เด็กที่มีผู้ใหญ่ในครอบครัวแสดงความรักโดยการอ่าน หรือเล่านิทานให้ฟัง โดยมีการปลูกฝังค่านิยม จารีต หรือระเบียบวินัยต่าง ๆ ซึ่งจะสอดแทรกผ่านเนื้อหาของนิทาน เด็กจะมีความสุข และเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี......ที่สำคัญคือเด็กที่มีผู้ใหญ่อ่านหนังสือให้ฟัง....เขาจะมีคลังคำศัพท์.....เป็นคำศัพท์ที่ไพเราะ....อ่อนหวาน....หลากหลายถ้อยคำ.....ดังนั้นการเลือกหนังสือสำหรับอ่านให้เด็กฟัง....ควรเลือกหนังสือที่มีเนื้อหาชัดเจน นำเสนอแนวทางการปฏิบัติที่ดีงาม สนุกสนาน ภาพประกอบสวยงาม ชัดเจน สะอากสะอ้าน สีสวยงาม ตัวหนังสือไม่เล็กเกินไป เส้นหนาเหมาะกับสายตาของเด็ก การนำเสนอเรื่อง ควรมีการเปิดเรื่อง เปิดประเด็นที่น่าติดตาม เพื่อคลี่คลายและแก้ไขปัญหา และมีบทสรุปที่ชัดเจนถึงความสำเร็จในการคลี่คลายแก้ไขปัญหา นิทานคำกลอนที่มีคำกลอนที่ไพเราะ งดงาม เพราะเด็กสามารถซึมซับถ้อยคำสำนวนที่งดงามเหล่านี้ ผ่านพ่อ แม่ ปู่ ย่า หรือ ตา ยาย ได้เป็นอย่างดี.......วิธีการง่าย ๆ นะคะ.... ๑. อ่านทุกวันค่ะ ควรเป็นเวลาเดียวกัน เช่น ก่อนนอน หรืออ่านได้ทั้งวัน ตามเวลาที่ว่าง วันละ ๕ นาทีเป็นอย่างต่ำ ๒. อ่านด้วยเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ เป็นการกระตุ้นความสนใจ พร้อมชี้ชวนให้ดูภาพ ๓. เอาลูกเข้าตัก แล้วสื่อรักด้วยหนังสือ หันหลังพิงตัวเราค่ะ....มือหนึ่งเปิดหนังสือ....อีกมือหนึ่งสัมผัส โอบ กอดลูกไปด้วย ๔.อ่านแล้วให้เด็กเก็บไว้ที่เดิมทุกครั้ง เป็นการฝึกวินัยค่ะ ๕. ผู้ใหญ่ต้องใส่ใจและแสดงการตอบรับทุกครั้งที่เด็กแสดงความต้องการหนังสือ .....(ย่อหน้านี้เพิ่มเติมข้อมูลขึ้นมาอีกนิดนึงนะคะได้ความคิดมาจากคอมเม้นท์ของ....คุณbon09....ว่าเราลืมพูดถึง พ่อ แม่ และครอบครัวไป....ขอบคุณค่ะ) ฮ่า ฮ่า คอมเม้นท์ของคุณลูกเสือหมายเลข9 ทำให้เลือดบรรณารักษ์ของฉันพุ่งกระฉูดมาจนถึงบรรทัดนี้เลยนะคะ......ฉันจะสู้ต่อไป......แม่บรรณารักษ์......จงทำหน้าที่ของเจ้าต่อไปจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่(อ้อ....ฉันจะบอกความลับให้คุณนะคะ.....ฉันตั้งใจว่าพอปลดเกษียณแล้ว ฉันจะไปช่วยห้องสมุดให้เลขหมู่หนังสือเพื่อน้อง ๆ หลาน ๆ จะได้ทำงานอื่น ๆ อย่างปลอดโปร่ง เป็นการเบาแรงเขาน่ะค่ะ) ขอบพระคุณ คุณลูกเสือหมายเลข9 ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า การอ่าน ยังมีความสำคัญต่อพวกเราทุกคน......ขอบคุณค่ะ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |