*/
นกเขาเถื่อน | ||
![]() |
||
ฅีตาญชลี |
||
View All ![]() |
<< | เมษายน 2013 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 |
ช่วงปิดหลายวันเมื่อต้นเดือน ฉันตัดสินใจทุบกระปุกไปเที่ยวเวียดนามกลางกันสองคนตา ยาย โดยบอกกับลูก ๆ ว่า.... ๑. ตอนนี้เงินของแม่กับพ่อไม่เพียงพอสำหรับการพาลูก ๆ ไปด้วย ๒. และแม่กับพ่อก็อายุมากขึ้นทุกวัน นานเข้าอาจไม่สามารถเดินทางไกล ๆ แบบนี้ได้อีก ๓. ละเมื่อลูกโตขึ้นลูกก็จะมีเพื่อน มีครอบครัวของลูกเอง ลูกก็จะได้ไปเที่ยวแบบนี้ด้วยตัวของลูกเอง ๔. การท่องเที่ยวครั้งนี้เป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประหยัดทางรถยนต์ซึ่งไกลมาก ใช้เวลานาน ซึ่งความจริงฉันบอกเหตุผลข้อสุดท้ายข้อเดียวกับลูก ลูกก็ไม่โอเคแล้วค่ะ เพราะเด็กจะเบื่อกับการนั่งรถไกล ๆ มาก เราเริ่มออกเดินทางในวันที่ ๔ เม.ย. โดย "สวัสดีห้าดาวทัวร์" การเดินทางครั้งนี้เรารวบรวมสมัครพรรคพวกได้เจ็ดสิบคน ค่าเที่ยวเวียดนามกลางครั้งนี้จึงถูกมาก รวมที่พัก อาหาร ค่าพาหนะ เบ็ดเสร็จคนละ ๗,๙๐๐ บาท ซึ่งหากเราหาคนได้น้อยกว่านี้ต้องจ่ายถึงแปดพันกว่าบาท ออกจากลำปางเวลา ๑๖.๓๐ น. แวะรับประทานอาหารค่ำที่อุตรดิตถ์ แล้วเดินทางต่อไปถึงมุกดาหารตอนเช้า เข้าพักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวรับประทานอาหารเช้าที่มุกดาหารแกรนด์ ไกด์จัดห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรา ๑ ห้องต่อ ๔ คน เราจึงผลัดกันให้สองสาวขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วเรากินข้าว พอเราเรียบร้อยสองสาวก็เรียบร้อยเราจึงขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางต่อ ฉันเตรียมกระเป๋าลาก ๑ ใบ และเป้คู่ใจอีกหนึ่งใบ ในเป้ฉันเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการผลัดเปลี่ยนมาด้่วย จึงไม่ต้องไปรื้อค้นกระเป๋าให้วุ่นวายอีก....หิ้วเป้ขึ้นไปใบเดียวได้เลย เตียงน่านอนชะมัดค่ะ แต่ต้องตัดใจเราเดินทางเข้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะหวันนะเขต โดยต้องขนของลงเปลี่ยนรถเป็นบัสของ สปป.ลาว โดยรถคันของฉันคือบัสสอง มีเจ้า่ตุ๊บป่อง...ที่พุงป่อง ๆ นิด ๆน่ารัก ๆ คนขวานี่ล่ะค่ะเป็นผู้ดูแลคู่กะน้องนาเดีย คนทางซ้ายเป็นหนุ่มมาดเซอร์ของบัสหนึ่งเค้า ทั้งคู่พอเห็นฉันยกกล้องก็โพสแบบไม่ต้องบอกเลยค่ะ พร้อมเสมอ.....และสู้ตายค่ะ คนขับบัสฉันค่ะ......เห็นแบบนี้พ่อหนุ่มคนนี้ขับรถแบบตัวบรรจงเต็มบรรทัดเชียวนะคะ จนพี่ไพที่นั่งหลังฉันบ่นว่า "ขับอย่างนี้เมื่อไหร่จะถึงว้า" พอจอดรถให้ปล่อยของ.....ซึ่งของฉันก็เต็มถังทุกที ไกด์ก็บอกว่า......ให้เวลาเท่านั้นเท่านี้นาที....ทำเวลาด้วยนะคะ พี่ไพก็ขัดขึ้นว่า...."บอกให้เราทำเวลาคนขับไม่เห็นทำเวลามั่งเลย" ทำเอาฮาครืน..... พ่อหนุ่มผู้กุมชะตาชีวิตของพวกเราในครั้งนี้มีสามคนค่ะ แต่ทุกคนก็ขับรถแบบนิ่มนวล ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันสุด ๆ ค่ะ ไป กลับ แบบปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนจริง ๆ ข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่สองนี้ข้างหน้าก็เป็นด่านสะหวันนะเขต ของ สปป.ลาว แล้วค่ะ ตามความเชื่อของประชาชนสองฝั่งโขง ลำน้ำแห่งนี้มีพญานาคปกป้องคุ้่มครองอยู่ค่ะ ข้ามสะพานไปข้างหน้าคือที่ ๆ เราต้องเปลี่ยนรถแล้วค่ะ เตรียมเก็บของกันดีกว่า ถึงด่านแล้วค่ะ.....เอาพาสปอร์ตไปประทับตราตามวิธีการ ส่วนลูกทัวร์ก็เดินผ่านด่านตามธรรมเนียมไปขึ้นรถบัสของ สปป.ลาว ซึ่งเราไม่สามารถเอารถของไทยข้ามไปได้เพราะกระบวนการยุ่งยากมากมาย ตอนไม่เห็นภาษาไทยกำกับ ฉันอ่านว่า......ทะลุมาปิดไฟตา(อะไรก็ไม่รู้) พอเห็นภาษาไทยกำกับก็อดหัวเราะกับตัวเองไม่ได้ ไปค่ะ.....ไปเที่ยวด้วยกัน เราต้องเดินทางจากด่านสะหวันนะเขต เพราะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อไปยังเวียดนามด้วยทางหมายเลข 9 ซึ่งผ่านไทย ลาว เวียดนาม ระยาทาง ๒๘๐ ก.ม.
แล้วเข้าสู่ประเทศเวียดนามที่ด่านลาวบาว "เส้นทางสายนี้สร้างโดยฝรั่งเศสที่ลงทุนสร้างเพื่อใช้ขน อาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามายึดครอง สปป.ลาว และลำเลียงเอาทรัพยากรของลาวกลับไปยังฝรั่งเศส" ฉันรู้สึกได้ถึงความเจ็บช้ำที่แฝงมาในน้ำเสียงนั้นเป็นอย่างดีค่ะ ท่านผู้เจริญเอ๋ย.....คนที่ไม่เคยโดนปกครองโดยผู้อื่นคงไม่ทราบ ถึงความชอกช้ำของการถูกปครองโดยคนต่างชาติต่างภาษาเป็นแน่แท้ ที่นี่มีความเจริญเป็นอันดับสองรองจากนครเวียงจันท์ค่ะ น้องนาเดีย.....ไกด์ไทยของบัสหนึ่งค่ะ วิ่งวุ่นทั้งวัน....เห็นแล้วเหนื่อยแทนค่ะ นาง "น้องหม่อม" ไกด์ของบัสเรา ขึ้นมาก็ชวนคุยน่ารัก ๆ เล่านิทานบ้าง หนักเข้าก็เลยร้องเพลงลาวให้เราฟัง ซึ่งเพลงที่น้องร้องก็คือกุหลาบปากซัน และ ดวงจำปา ซึ่งเป็นเพลงทีึ่แต่งโดย ท่านจำปา ลัดตะนะสะหวัน เจ้าของนามปากกา "สุลิวัต" หนุ่มชาวคันทะบุลีแต่งไว้เมื่อปี 2502 ด้วยวัยเพียง 24 ปี เมื่อไปเที่ยวหาพี่ชายที่เป็นตำรวจอยู่ที่ปากซัน ขณะที่ท่านผู้แต่งเป็นข้าราชการหนุ่มที่เพิ่งเข้าทำงาน หลังจากเรียนจบด้านช่างสำรวจจากวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพไปหมาดๆ เพลงนี้นักร้องชาวไทยหลายคนเคยเอามาร้อง......และบอกแต่เพียงว่าแต่งโดยศิลปินชาวลาว จนเราหลงลืมกันไปและคิดว่าเป็นเพลงไทยไปแล้ว แล้วก็มีคนด้านหลังตะโกนออกมาว่า......ร้องเพลงลาวซี่....จะฟังเพลงลาว อยากฟังเพลงลาว.....หึ หึ.... น้องหม่อมก็บอกว่า......นี่ล่ะเจ้าเพลงลาวแท้ ๆ เลยเจ้า โปรดให้อภัย.....ผู้ไม่รู้ด้วยเถิดน้องหม่อมเอ๋ย เนื่องจาก สปป.ลาว เป็นประเทศที่ถูกปกครองด้วยคนต่างชาติ ชาวลาวส่วนหนึ่งจึงตั้งกองทัพประชาชนขึ้นมาเพื่อต่อสู้และเรียกร้องอิสระเสรีภาพ ระหว่างสองข้างทางเราจะพบเห็น "กองทัพประชาชนลาว" เรียงรายอยู่สองข้างทางทั้งไปและกลับ สิบเอ็ดโมงกว่้า ๆ เกือบเที่ยง นักเรียนกลับมากินข้าวกลางวันที่บ้านค่ะ มะพร้าวค่ะ.....ชาวบ้านนำออกมาขายใต้ร่มไม้ใหญ่ อากาศที่นี่ร้อนเหมือนบ้านฉันเลยค่ะ ได้นำ้มะพร้าวหวาน ๆ คงชื่นใจไม่หยอก โรงแรมรายทางเริ่มผุดขึ้นตลอดทางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวค่ะ ฉันเห็นป้ายเขียนว่า "เฮือนพัก" ค่ะ นักเรียนขี่จักรยานกลับบ้าน สาวน้อยใส่ผ้าถุงน่ารักค่ะ บ้านที่กำลังสร้างใหม่เราพบได้ตลอดเส้นทางเลยค่ะ ในรูปเห็นชัดเจนว่าที่อยู่อาศัยแบบเดิม ๆ คงจะหายไปในไม่ช้า น้องหม่อมบอกว่า"คนลาวเรียนรู้กับอาจารย์ชาวไทย ผ่านทีวี ช่อง สาม ห้า เจ็ด เก้า และสิบเอ็ด ดูกันทุกบ้าน ทุกวัน เจ้า.....เพราะฉะนั้น ที่เมืองไทยมีอะไร.....เมืองลาวก็จะมีเบิ๊ดดดดด.....เจ้า" ลำน้ำที่แห้งขอด......แขวงสะหวันะเขต "ที่นี่มีสองฤดูเจ้า.....ฤดูแล้งกับฤดูฝน ชาวบ้านแถบนี้ประกอบอาชีะเกษตรกรรมทำนาได้ปีละเที่อ คั้นว่าฝนตกก็ได้ทำนาฝนบ่ตกก็บ่ได้ทำนาเจ้า หากว่าท่านปวดท้องไปขอเข้าห้องน้ำ ซาวบ้านก็จะเอาเสียมกับจอบให้ท่าน......ท่านพอใจจะเข้าตรงไหน ก็ขุดเอาเลย....ที่นี่บ่มีส้วม....เพราะบ่มีน้ำ" สังเกตจากบ้านของชาวบ้านแม้จะหลังใหญ่ ก็ไม่เห็นท่อที่ต่อลงไปยังบ่อเกรอะ.....นั่นคือ.....ไม่มีส้วม และ....."ซาวบ้านถี่นี่ทำธุรกิจมืดเจ้า.....เพิ่นขายถ่านเนาะ....."(ฮา) บรรยากาศเหมือนบ้านนอกของฉันจริง ๆ แห้งแล้งเมฆลอยหายไปไหนหมดก็ไม่ทราบค่ะ แวะเข้าห้องน้ำที่เมืองพะลานซัย.....เต็มถังอีกแล้วค่ะ ค่าห้องน้ำห้าบาท.....ห้องน้ำสะอาดไหมเหรอคะ..... เราเป็นนักท่องเที่ยวต้องปรับตัวให้เข้ากับบริบทของชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวค่ะ เส้นทางสายสะหวันนะเขต - เวียดนามนี้ จะผ่านเมือง ๕ เมืองคือ อุทุมพอน สะพังทอง พะลานซัย เมืองพิน และเมืองเซโปน และเข้าเวียดนามที่ด่านลาวบาว เมืองกวางจิ อาหารกลางวันค่ะ.....หลังจากเข้าห้องน้ำเราเดินทางต่ออีกประมาณสิบนาที ถึงเมืองพิน.....ที่ต้องแวะเข้าห้องน้ำเพราะ ที่ร้านอาหารมีห้องน้ำน้อยค่ะ อิ่มแล้วไปต่อค่ะ......ความจริงระยะทางจากด่านสะหวันนะเขต ถึงด่านลาวบาวมีระยะทางแค่ ๒๕๐ ก.ม. เท่านั้นเองนะคะ แต่ถนนกำลังพัฒนาปรับปรุงค่ะเลยต้องนั่งรถกันนานเกือบหกชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนรถที่ใช้ก็เป็นรถเหมือนมินิบัสบ้านเราค่ะ ที่นั่งแคบ ๆ ต้องทนเบียดกันหน่อย พอดีว่าฉันไปกับสถานีข้างเคียงเลยเบียดกันสบายใจเฉิบไปเลย หลักปักปันเขตแดนลาวค่ะหลักสุดท้าย ไกด์ลาวจะส่งเราถึงที่นี่แล้วมีไกด์เวียดนามมารับเราต่อค่ะ แวะเข้าห้องน้ำที่นี่......แต่ต้องรีบวิ่งออกมา ไปหาเข้าข้างหน้าดีกว่าค่ะ ไกด์ชาวเวียดนามค่ะ บอกชื่อเวียดนามแต่ฉันจนปัญญาที่จะจดมาบอกคุณจริง ๆ ค่ะ ไม่ทราบจะสะกดอย่างไรเลยทีเดียว ชื่อไทยผมชื่อ "แตงกวาครับ.....เป็นน้องของแตงโม" (ฮา....อ่านไม่ขำหรอกค่ะ...แต่สำเนียงและท่าทางขำมากเลย) สำเนียงแบบจีนปนญี่ปุ่นแบบพ่อโกโบริค่ะห้วน ๆ สั้น ๆ น่้ารักมาก ขึ้นมาก็ยิงมุขเลย.....คณะจากลำปางใช่ไหมครับ ผมก็เคยไปเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปางครับ เรียนไปเรียนมากลายเป็นราชภัฎลำบาก(ฮา.....ไม่คิดว่าจะเจอมุขนี้) แค่ข้ามด่านมา.....ข้ามเทือกเขาสายภูหลวง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมดเลยค่ะทั้งสภาพอากาศ และบ้านเรือนช่างแตกต่างกันจริง ๆ เราจะเดินทางจากด่านลาวบาวถึงเว้ ประมาณ ๑๕๐ ก.ม. เทือกเขาสายภูหลวงนี้กั้นระหว่างลาวและเวียดนาม ซึ่งนอกจากกั้นผู้คนแล้วยังกั้นลมฟ้าอากาศ และความอุดมสมบูรณ์ด้วยค่ะ ด่านนี้คนลาวเรียก "ลาวบ่เอา" เทียบเคียงประมาณว่า ลาวบาว แล้วก็เล่านิทานเรื่องลาวบ่เอาว่า สมัยที่เวียดนามมาช่วยลาวรบเมื่อเสร็จสิ้นสงคราม รัฐบาลลาวจึงยกเทือกเขานี้ให้เวียดนามเป็นสินน้ำใจ ชาวบ้านจึงเรียกที่นี่ว่า "ลาวบ่เอา.....แต่เวียดนามเอา" เมื่อเรียกตามสำเนียงเวียดนามจึงเป็นด่านลาวบาว (นี่เป็นนิทานเล่าแบบข ำ ๆ นะคะ) บ้านแบบเวียดนามดั้งเดิมค่ะ มองเข้าไปในบ้านสะอาดพื้นมันวาวเชียวค่ะ ที่เวียดนามประเทศเล็ก ๆ ที่อุดมสมบูรณืไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย แม่น้ำที่มากมายกว่าสองพันสายและชายฝั่งทะเล ที่นี่จึงเป็นที่หมายปองของเหล่ามหาอำนาจต่าง ๆ มากมาย ภาษาที่ใช้เขียนเป็นตัวอักษรจากภาษาอังกฤษ แต่เขียนแบบเวียดนาม.....ฝรั่งเองเห็นเข้าก็คงงง งง อยู่เหมือนกันค่ะ บ้านของชาวบ้านที่อพยพมาจาก สปป.ลาวค่ะ หากินด้วยการทำไร่เลื่อนลอย.....เฮ้อ เหมือนที่บ้านเราเลยนะคะ เราเข้าตัวเมืองก็เย็นย่ำเข้าไต้เข้าไฟพอดีค่ะ อาหารเย็นที่ภัตตาคารนี้เลยค่ะ ส่วนอาหารไม่แตกต่างค่ะ รสชาติที่เราคุ้นเคย.....ไกด์บอกว่ามีแหนมเนื่องด้วยครับ แต่ผมว่าแหนมเนืองที่เมืองไทยอร่อยกว่า.....อ้าว ที่นี่เรียกว่า....แนมเนื๋อง.....ไปถึงเมืองไทยกลายเป็นแหนมเนือง อาหารที่นี่ทุกมื้อต้องมีผักและปลาค่ะ ที่นี่ไม่นิยมรับประทานน้ำแข็งแต่ก็มีไว้ให้บริการแก่ชาวไทยด้วย กินข้าวแล้วไปล่องเรือมังกรสองหัว ชมเพลงพื้นเมืองเวียดนามที่บรรเลงและขับร้องโดย นักแสดงที่แต่งชุดประจำชาติกันค่ะ ค่าใช้จ่ายทุอย่างอยู่ในค่าทัวร์หมดแล้วค่ะ เราจะล่องเรือในแม่น้ำหอมประมาณ ๔๕ นาที เพื่อชมการแสดงค่ะ ชมการแสดงแล้วไม่ต้องซื้อดอกไม้ให้นักแสดงนะครับ เพราะเจ้าของเรือจะได้ค่าดอกไม้ไป ส่วนนักแสดงจะได้ถือดอกไม้และต้องคืนให้เจ้าของเรือไปเมื่อเรือจอด หากต้องการตอบแทนนำ้ใจก็ให้เป็นเงินไทยได้เลย รวบรวมกันให้นักแสดงไม่รังเกียจ(ฮา) รำวงวันลอยกระทงค่ะ.....เป็นเครื่องยืนยันว่า คนไทยเที่ยวที่นี่เยอะจริง ๆ แล้วก็ให้ลอยกระทงแบบเวียดนามค่ะ สะพานเจ็ดสีค่ะ.....เป็นสมญานามที่คนไทยตั้งให้ เพราะจะเปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ เปลี่ยนสีอีกแล้วค่ะ เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนอีก สมชื่อสะพานเจ็ดสีจริง ๆ ค่ะ เหนื่อยกันไหมคะคุณขา.....เราไปพักกันก่อนดีไหมคะ พักโรงแรมชื่อนี้ค่ะ..... พักก่อนนะคะ ทริปหน้าเราไปล่องเรือแม่น้ำหอมไหว้พระที่วันเทียนมู่กันนะคะ สวัสดีค่ะพี่น้องชาวโอเคทุกท่าน
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |