วันพฤหัสบดี ที่ 16 สิงหาคม 2550
Posted by
อ้วนกลมมาแร้ว
,
ผู้อ่าน : 1417
, 12:16:37 น.
หมวด : ทั่วไป
พิมพ์หน้านี้
โหวต
0 คน
เมื่อ "สนธิ ลิ้ม" vs. "สมเกียรติ" ผ่านน้ำหมึก อ่านบทความของสมเกียรติ อ่อนวิมล เรื่อง ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต กับงานเขียนที่ทุกคนควรอ่าน แล้ว ก็อดที่จะแสดงความเห็นไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ใช่ เพราะ สนธิ ลิ้มทองกุล ถูกวิจารณ์ไม่ได้ เขาเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาททางการเมืองในช่วง 2 ปีมานี้ และอยู่ในฐานะที่จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างยิ่ง แต่เมื่ออ่านความเห็นของสมเกียรติแล้ว พบว่าเป็นทัศนคติที่เต็มไปด้วยอคติและไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง สรุปจากงานเขียนของสมเกียรติชิ้นนี้ก็คือ คุณสนธิ ใช้สื่อของตนเองต่อว่าด่าทอและเสียดสีให้ร้ายผู้อื่นได้อย่างไร้สำรวม คุณสนธิดูถูก แสดงความเหยียดหยามชิงชัง และให้ร้ายความเป็นหญิงของผู้สื่อข่าวและผู้เขียนหนังสือชื่อ ทักษิณ Where Are You? รวมทั้งตั้งคำถามว่า ทำไมจรรยาบรรณสื่อมวลชนไม่สอนให้คุณสนธิสำนึกว่าสิ่งที่ควรทำคือวิจารณ์เนื้อหาในหนังสือก่อนอื่นใด แล้วพยายามหาข้อมูลและคำตอบเกี่ยวกับความคิดและกิจกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ให้มากที่สุด เพื่อสาธารณชนจะได้รับทราบข่าวอันเป็นประโยชน์ (สนธิ ลิ้มทองกุล เขาไม่ใช่คนที่เปิดโปงระบอบทักษิณหรอกหรือ) สมเกียรติยังยกเหตุผลประวัติการทำงาน การศึกษาของสุนิสามาแสดงเพื่อสนับสนุนให้เห็นว่า การกระทำของสนธิเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง (ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวกันตรงไหน) ผมอ่านแล้วก็ได้แต่ขำตรรกะของสมเกียรติ ทั้งนี้คนได้ฟังรายการวันนั้นย่อมรู้ว่า นัยของคุณสนธิ เพียงแต่ต้องการเตือนว่า อย่าไปให้ความสำคัญกับหนังสือเล่มนี้ของหมวดเจี๊ยบมากจนเกินไป ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า ร.ท.สุณิสา เป็นเพียงเบี้ยอีก 1 เบี้ย ราคาถูกมากสำหรับทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกใช้มา แล้วมาตบหน้า คมช. ทำให้กองทัพบกกลายเป็นหน่วยงานที่รังแกประชาชน ผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมไม่รู้จะสมน้ำหน้าคุณดีหรือไม่ดีนะ คมช. ใจหนึ่งก็อยากจะสมน้ำหน้า เพราะพวกคุณหน่อมแน้มมาตลอด แต่ใจหนึ่งผมสงสารประเทศชาติ ผมสงสารกองทัพ ผมไม่ได้สงสารพวกคุณ ผมสงสารกองทัพ กองทัพทำไมถึงโดนผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ถึงพินาศฉิบหายไปเลย สนธิพูดในรายการ การพูดของคุณสนธิเป็นหยิบเอาการวิพากษ์วิจารณ์ถึงหนังสือเล่มนี้มาวิเคราะห์ให้ฟัง แบบ มองป่าทั้งป่า เพื่อไม่ให้คนที่รับข้อมูลข่าวสารได้มีสติยั้งคิดไม่ตระหนกไปตามคลื่นของข่าวสารที่ถั่งโถมเข้ามา ไม่ต้องการเอาเรื่องส่วนตัวมาพูด หรือคิดเพียงเพราะคนนี้มีภาพลักษณ์ดี ดังนั้นเขาหรือเธอต้องเป็นคนดี แบบที่สมเกียรติพยายามยกประวัติของเธอมากล่าวอ้าง (ซึ่งคนช่อง 5 บอกไม่จริง) แล้วกรณีของสุนิสานั้นก็เป็น ข่าวใหญ่ มีผลกระทบและแรงสะท้อนของข่าวที่ส่งผลกระเทือนเป็นวงกว้าง ดังนั้นการพูดถึงหนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่แค่พูดถึงเนื้อหาของหนังสือเหมือนกับการวิจารณ์วรรณกรรมทั่วไป ที่สำคัญพวกผมถูกคุณสนธิสอนสั่งว่า เราไม่ใช่สื่อที่เป็นกลาง ไม่ใช่กระจก แต่สื่อต้องเป็นตะเกียงนำทางสังคม เราก็ยึดถือแนวทางนี้ สมเกียรติจะยึดถือแนวทางอย่างไรก็เป็นเรื่องของสมเกียรติ ไม่ใช่กงการอะไรของสมเกียรติที่จะบอกให้พวกผมเป็นอย่างที่สมเกียรติเป็น ส่วนที่สมเกียรติหยิบยกที่คุณสนธิพูดว่า easy แล้วกล่าวว่า เป็น การหมิ่นความเป็นนักข่าวของเธอว่าเป็นหญิงที่ easy หรือ ง่าย เป็นการส่อความหมายที่เลวร้ายต่อความเป็นหญิงของ ร.ท.หญิง สุณิสา ทำให้เข้าใจว่าเธอต้องทำลายค่าของความเป็นหญิงเพื่อแลกกับข่าวและงานเขียนชิ้นสำคัญของเธอ นี่ไม่เพียงแต่ผิดจรรยาบรรณที่สมเกียรติยกขึ้นมาเทศนาคนอื่นเท่านั้น สำหรับผมแล้วพฤติกรรมแบบที่สมเกียรติกำลังแสดงอยู่นี้ในภาษาคอมพิวเตอร์ เขาเรียกว่า here+ จริงๆ ครับ ส่วนจะแปลว่า อย่างไร อาจารย์ลองไปถามพวกที่ชอบตอบกระทู้แล้วต้องสู้กับการตั้งโปรแกรมกรองคำดู เพราะวันนั้นคุณสนธิพูดว่า คุณทักษิณ คุณนี้บอกผ่านมาทางสายคุณหลายคน ติดต่อมาทางผมใช่ ไม่ใช่ บอกว่าอยากเจอผมในโลกนี้ประเทศไหนก็ได้ ไปเจอกันตัวต่อตัว จริงไม่จริง คุณคงตอบปฏิเสธไม่จริง ผมมีรายชื่อที่ติดต่อผมมาวันหลังผมจะเปิดให้คุณตกใจเล่น ผมตอบไปยังไงรู้ไหมคุณก็รู้ เพราะสาเหตุที่คุณรู้คุณก็ต้องพูดออกมาว่า ไม่รู้สิ ยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคุยกันเลย ผมบอกว่าผมจะไปพบคุณทักษิณ ให้โง่เหรอ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องไปพบ พบกันเรื่องอะไร ผมตอบเขาไปอย่างนี้ แต่ผมอยากให้ท่านผู้ชมทางบ้านอย่าไปตำหนิ ร.ท.(หญิง) สุณิสา ที่ไม่อยากให้ตำหนิ เพราะอะไรเพราะว่าคุณสุณิสา ก็เป็นคนอย่างงี้แหละ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า easy แกอาจมีความจำเป็นอะไรบางอย่างที่แกต้องทำ คุณสนธิต้องการอธิบายว่า ก่อนหน้านี้ ทักษิณก็พยายามติดต่อเขาผ่านคนโน้นคนนี้มา แต่คุณสนธิก็ตอบไปว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องไปพบ เพื่อบอกว่า สำหรับตัวเขานั้นไม่ easy และโยงมาที่กรณีของสุนิสา ซึ่งมีที่ไปที่มาและประโยคแวดล้อมที่ชัดเจน สมเกียรติเทศนาว่า ทำไมเจ้าของกิจการสื่อสารมวลชน เช่น คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จึงใช้สื่อของตนเองต่อว่าด่าทอและเสียดสีให้ร้ายผู้อื่น แต่สมเกียรติกลับใช้โอกาสในการเข้าถึงสื่อด่าทอและเสียดสีคุณสนธิและเครือผู้จัดการตลอดเวลา ครั้งหนึ่งสมเกียรติ พูดว่า นสพ.ผู้จัดการนั้นพาดหัวชี้นำ เป็นสื่อส่วนตัวของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ใช่สื่อที่ทำประโยชน์ให้สาธารณะเหมือนวิชาชีพสื่อที่พึงกระทำ อาจทำให้บางคนชอบ สะใจ หรือมันดี แต่ในด้านจรรยาบรรณ วิชาชีพสื่อนั้นไม่มี แต่คนที่พูดก็คือ ผู้บริหารสื่อที่บิดเบือนข้อเท็จจริงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ อีกครั้งหนึ่งอยู่ๆ สมเกียรติบอกว่า รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ไม่ใช่ต้นแบบของสื่อสาธารณะ เพราะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งว่า การสื่อสารตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน การให้ความรู้ต้องให้ครบทุกด้าน การดำเนินการของนายสนธิจึงผิดหลักการดังกล่าว เพราะไม่มีข้อมูลอีกด้านให้ประชาชน จึงไม่รู้ว่าสิ่งที่นายสนธิพูดเป็นความจริงหรือไม่ ไม่รู้เลยหรือว่า รายการยามเฝ้าแผ่นดินนั้น เป็นการนำเอาข่าวสารมาวิเคราะห์ให้ผู้ฟัง เนื้อหาในรายการจึงเป็นทัศนะของผู้ดำเนินรายการ เหมือนกับ คอลัมน์ ในหนังสือพิมพ์ ส่วนการได้รับข้อมูลและความรู้ครบถ้วนนั้นเป็นหน้าที่ของคนรับสื่อที่จะต้องขวนขวาย แล้วนำเอาข้อมูลที่ได้รับมาพินิจพิจารณาพิเคราะห์ด้วยตัวเอง และครั้งหนึ่งที่มีคนพยายามชวนใครต่อใครมาทำรายการที่ช่อง 9 ซึ่งมีทั้งค่ายผู้จัดการ เนชั่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับเราเลย แต่สมเกียรติก็ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าทำรายการร่วมกับนายสนธิ ผมขอไม่ยุ่งด้วย เพราะเป็นคนละสไตล์ ดังนั้นใครจะมองว่า เป็นการตอบแทนคนที่ถูกปรับออก ต้องไปถามนายสนธิไม่ใช่เรื่องของผม เพราะผมไม่เคยทำรายการทีวีสมัยพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ สมเกียรติบอกว่า ไม่เคยทำทีวีสมัยพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ แต่หลังจากกลุ่มชินเทคโอเวอร์ไอทีวีแล้ว สมเกียรติถูกกลุ่มชินวางตัวให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายข่าว ในขณะที่ยังมีตำแหน่ง ส.ว.ไม่ใช่หรือ ในฐานะปุถุชนทุกคนย่อมจะมีทั้งดีและเลว แต่ถามสมเกียรติว่า การต่อสู้ของสนธิกับระบอบทักษิณนั้น สมเกียรติในฐานะ ส.ว.ทำอะไรและอยู่ตรงไหน ก่อนจะได้กลับมาเป็น สนช.
|