ฅนต้นเรื่อง : องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ / prachatai.com ![]() ครบรอบ 4 ปี การ อุ้มหาย ทนายสมชาย นีละไพจิตร กรณีการเรียกร้องของฮิวแมนไรท์วอทช์ ให้ยุติการปกปิดข้อเท็จจริง ข้อมูลจาก นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2551 ระบุว่า : - องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวาระครบรอบ 4 ปีของเหตุการณ์ที่ทนายสมชาย นีละไพจิคร ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนถูก อุ้มหาย และฆาตกรรมว่า รัฐบาลใหม่ของประเทศไทยควรที่จะรับรองว่า ต่อไปนี้จะมีการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชญกรรมนี้ให้ถึงที่สุดตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมเสียที เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 ทนายสมชายถูกเจ้าหน้าที่ตำราจ 5 คนลากตัวออกมาจากรถยนต์ของเขา และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นทนายสมชายอีกเลย ขณะนั้นทนายสมชายดำรงตำแหน่งเป็นประธานชมรมนักกฏหมายมุสลิม และรองประธานคณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนของสภาทนายความแห่งประเทศไทย โดยรับผิดชอบคดีที่มีการร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทรมานผู้ต้องสงสัยชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกรัฐมนตรี 2 คนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา คือ ทักษิณ ชินวัตร และพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ ต่างก็ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัว และการฆาตกรรมทนายสมชาย แต่กลับไม่การดำเนินการใดๆ เพื่อที่จะกดดันให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรมให้คำตอบว่า ใครเป็นคนบงการให้ลักพาตัว และสังหารทนายสมชาย? และใครที่ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมในคดีนี้? แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการแผนกเอเชียขององค์การฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า กรณีของทนายสมชายเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า รัฐบาลใหม่มีความเคารพกฏหมาย และสิทธิมนุษยชนเพียงใด เพราะรัฐบาลก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ชุดพยายามปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมที่ร้ายแรงนี้มาโดยตลอด และตลอดสี่ปีที่ผ่านมานั้นไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ เพื่อที่จะให้มีการลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการ อุ้มหาย และฆาตรกรรมทนายสมชายให้ถึงที่สุด หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช และสมาชิกคณะรัฐมนตรีคนอื่นๆ ต่างก็ปิดปากเงียบเกี่ยวกับกรณีของทนายสมชาย และยังไม่มีนโยบายใดๆ ที่จะแก้ไขปัญหาการ อุ้มหาย และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงอื่นๆ ที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นายที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของทนายสมชาย ได้แก่ พันตำรวจตรีเงิน ทองสุข, พันตำรวจโทสินชัย นิ่มปุญญกำพง, จ่าสิบตำรวจตรีชัยแว้ง พาด้วง, สิบตำรวจเอกรันดอน สิทธิเขต และพันตำรวจโทชัดชัย เลี่ยมสงวน ถูกจับกุมตัวเมื่อเดือนเมษายน 2547 และถูกดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ และข่มขืนใจผู้อื่น แต่ไม่มีการตั้งข้อหาเกี่ยวกับการลักพาตัว หรือการฆาตกรรม เนื่องจากการสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีการสืบหาพยานหลักฐานที่เพียงพอต่อการพิสูจน์ว่า ทนายสมชายเสียชีวิตไปแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2549 ศาลอาญากลางมีคำพิพากษาว่า พันตำรวจตรีเงินมีความผิด และถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี ขณะที่เจ้าหน่าที่ตำรวจที่เหลืออีก 4 คนถูกยกฟ้อง เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาได้ให้ข้อสรุปที่สำคัญว่า เหตุการณ์ทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นได้นำไปสู่การหายตัวไปของทรายสมชาย รวมทั้งยังได้วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนคดีนี้ด้วย องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความไม่จริงใจของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีทักษิณในการสอบสวนกรณีการหายตัวไปของทนายสมชาย และยังได้วิจารณ์ความล้มเหลวในการนำตัวผู้ที่สั่งการ และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษ เมื่อเดือนมีนาคม 2550 องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ตีพิมพ์รายงานความยาว 69 หน้าเกี่ยวกับ การ อุ้มหาย จำนวน 22 คดีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (http://hrw.org/reports/2007/thailand0307/) ซึ่งมีข้อมูลชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารมีส่วนรับผิดชอบ แต่ปรากฏว่า รัฐบาลไทยกลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ ในการที่จะนำตัวผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษ ทั้งนี้ กรณีการ อุ้มหาย ทนายสมชายเป็นเพียงกรณีการ อุ้มหาย เดียวทีมีการดำเนินคดี และอยู่ในความสนใจของประชาชน ท่ามกลางเรื่องร้องเรียนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการของรัฐบาลในการต่อต้านการก่อความไม่สงบ และสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แบรด อดัมส์ กล่าวว่า การที่ทนายสมชายเป็นบุคคลสำคัญ น่าจะทำให้รัฐบาลไทยยากที่จะเพิกเฉยต่อปัญหาการ อุ้มหาย ที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ดำเนินการอะไร นอกเหนือไปจากสิ่งที่เรียกได้ว่า เป็นการปกป้องฆาตกรจากกระบวนการยุติธรรม องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว่า รัฐบาลไทยได้บังคับใช้กฏหมาย และระเบียบต่างๆ ในลักษณะที่ทำให้บุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงต่อการถูกทรมาน, ถูก อุ้มหาย และถูกฆาตกรรมระหว่างที่ถูกควบคุมตัวก่อนที่จะมีการตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ โดยกฏอัยการศึกอนุญาตให้มีการคุมตัว โดยไม่ต้องมีการตั้งข้อหาได้ 7 วัน หลังจากนั้นก็จะมีการใช้อำนาจของพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินควบคุมตัวต่อไปอีก 30 วัน (ดูรายละเอียดเกี่ยวกับจดหมายแสดงความเห็นขององค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ต่อพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเสนอต่อรัฐบาลไทยเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2548 http://hrw.org/english/docs/2005/08/04/thaila11592.htm) นอกจากนี้ ยังมีการออกระเบียบของกองทัพภาคที่ 4 ห้ามไม่ให้เยี่ยมผู้ต้องสัยในช่วง 72 ชั่วโมงแรกของการควบคุมตัวอีกด้วย ความไม่พอใจต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของทางการไทย เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์การก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความรุนแรง และโหดร้ายมากขึ้นโดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา กองกำลังติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนได้ก่อเหตุลอบยิง, วางระเบิด, ฆ่าตัดศรีษะ และวางเพลิง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 2,900 คน ซึ่งเหยื่อของความรุนแรงนั้นมากกว่าร้อยละ 95 เป็นพลเรือน องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์เรียกร้องให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีสมัคร และทางการไทยดำเนินมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อยุติปัญหาการ อุ้มหาย รวมทั้งการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาของสหประชาติเกี่ยวกับการต่อต้านการบังคับให้บุคคลสูญหาย และจะต้องกำหนดให้การ อุ้มหาย เป็นฐานความผิดหนึ่งในประมวลกฏหมายอาญา นอกจากนี้ จะต้องมีการรับประกันว่า ผู้ที่อยู่ในการควบคุมตัวของทหาร และตำรวจถูกควบคุมตัวในสถานที่ที่เปิดเผย ซึ่งใช้เป็นที่คุมขังอย่างถูกต้องตามกฏหมาย รวมทั้งจะต้องไม่มีการทรมาน หรือปฏิบัติต้อผู้ที่ถูกควบคุมต่ออย่างโหดร้าย, ผิดมนุษยธรรม หรือดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่สำคัญจะต้องมีการแจ้งให้ญาติ หรือทนายของผู้ที่ถูกคุมขังทราบในทันทีว่า พวกเขาถูกเอาตัวไปไว้ที่ใด แบรด อดัมส์ กล่าวว่า ชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้บอกกับเราว่า ความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการ อุ้มหาย นั้นทำให้พวกเขาเชื่อว่า ความยุติธรรมสำหรับพวกเขาได้สูญหายไปด้วยเช่นกัน ดูรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยประจำปี 2550 http://hrw.org/englishwr2k8/docs/2008/01/31/thaila17628.htm ดูรายงานอื่นๆขององค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย http://hrw.org/doc?t=asia&c=thaila ความจริงใจที่อยากนำเสนอ : ก็ด้วยคารวะในฐานะอุดมการณ์เพื่อประชาชน และในฐานะผู้มีวิชาชีพเช่นเดียวกัน ขอบคุณข้อมูลจาก : [๑] ประชาไท วันที่ : 12/3/2551 , : [๒] www.prachatai.com : [๓] องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | มีนาคม 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 |