ปางแดง โดนทำร้าย ! ไม่โดนทำลาย ! ปางแดง โดนปางตาย ! ไม่บาดเจ็บเสียเปล่า !
โดนทำร้าย ! ต้องไม่โดนทำลาย แม้ถึงแม้วันนี้ชาวบ้านปางแดง จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในห้องขัง สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระและดำเนินชีวิตต่อไปได้ตามปรกติ แต่ลึกๆภายในใจของพวกเขากลับไร้อิสรภาพ ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนแห่งความหวาดกลัว เจ็บร้าวกับการถูกย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ! ประสบการณ์เลวร้ายที่ผ่านมาทำให้พวกเขาไม่อาจมั่นใจกับอนาคตของตนเอง ได้แต่เฝ้ารอคอยคำพิพากษาจากศาลโดยไม่รู้ชะตากรรมชีวิต...!
ขณะ, ปัจจุบันนี้ กลุ่มเครือข่าย นักเคลื่อนไหว ภาคีภาคประชาชนและองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ร่วมเคียงบ่า เคียงไหล่กับผองพี่น้อง ไม่ได้มองเพียงแค่ผลในที่สุด ว่า ชาวบ้านปางแดง จะ แพ้ หรือ ชนะ คดีความในเรื่องของการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน !
ถ้ามองในแง่เรื่องบรรทัดฐานหรือหลักเกณฑ์ของตัวบทของกฎหมาย แน่นอน ว่า ชาวบ้านปางแดงอาจ แพ้ !
แต่ถ้ามองภาพรวมในแง่นโยบายและด้านการขับเคลื่อนเรียกร้อง ของกลุ่มชาวบ้านปางแดงและภาคการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
ถือว่า ชนะ ! เนื่องเพราะสาเหตุอันเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏต่อสังคมได้รับรู้ทั่วไป ว่า ชาวบ้านปางแดง กลุ่มเผ่าชาติพันธุ์เล็กๆ เป็นคนพลัดถิ่นไร้สัญชาติ ไร้สิทธิ ไร้เสียง ไร้อิสรภาพ ได้มีสิทธิเข้าถึงและได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญสูงสุด อย่างเป็นทั้งนามธรรมและรูปธรรม อาจถือได้ว่าเป็นกรณีศึกษา เรื่อง สิทธิชุมชน ในการมีส่วนร่วมกับภาครัฐอย่างแท้จริง ในเรื่องการอนุรักษ์ การรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี การบำรุงรักษา และการได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ และในการส่งเสริม การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ดำรงอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่องของชุมชนต่อไป
จากภาพอัตตลักษณ์ของชุมชนชาวบ้านปางแดงในอดีต ที่เคยดำรงชีวิตด้วยการเฝ้ารอ ว่า ใครสักคนมาจ้างแรงงานราคาถูก !
ทนทุข์อยู่บ้านที่มุงด้วยหญ้าคาหญ้าแฝกหรือใบตองแห้ง อยู่กับป่าเขาไม่เคยบุกรุกป่า แต่ถูกจับข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ! ความจริงเมื่อวันวานที่ปรากฏ คือ ป่าที่รายล้อมด้วย ถนนคอนกรีตตัดผ่านหน้าบ้าน มีวัด มีโรงเรียน มีร้านขายของในหมู่บ้าน มีไร่ข้าวโพด มีไร่มะม่วง มีไร่พริก มีไร่ข้าว มีรีสอร์ท มีมิตรผู้อารีย์จากซีกโลกตะวันตก ( สิ่งมีชีวิตโลกตะวันตกอย่างสยามประเทศ เรียกว่า ฝรั่ง ) ที่มาแวะเยือนอยู่เป็นประจำทุกวัน
จากนวนิยายอิงประวัติที่ชาวบ้านรับรู้มาจากคำบอกเล่าชั่วอายุ ว่า ปู่เคยถูกจับ พ่อเคยถูกจับ เด็กๆเคยถูกจับตอนอยู่ในท้องแม่ ! ยังฝังแนบแน่นอยู่ในห้วงภวังค์ต้องหวาดผวาทุกครั้ง เมื่อเห็นคนในเครื่องแบบและคนแปลกหน้าต่างถิ่นที่แวะเวียนเข้ามาในหมู่บ้าน เวลาจะออกจากบ้านไปไหนมาไหน พวกเขาจะเป็นห่วงบ้าน ไม่ค่อยสบายใจ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรเจ้าหน้าที่จะบุกมาอีก
ครั้นจะออกไปทำไร่ไถนาก็หวาดระแวง กลัวว่าเจ้าหน้าที่จะมาจับ บางวันได้แต่นอนอยู่บ้านเฉย ๆ เพราะไม่กล้าออกไปทำไร่ เมื่อผลผลิตไม่มี เงินก็ไม่มี ชีวิตก็ลำบากแสนเข็ญ มัน ! อยู่ไม่ได้ดอก (เจ้านาย ) ! มีสมมติฐานปัญหาเบื้องต้นที่คนรักกฎกติกามักจะอ้างและตั้งคำถามที่ไม่ตรงคำตอบเสมอๆ ! แต่ชาวบ้านกลับมีเพียงคำตอบเดียวที่ถูกต้องและเป็นจริงและรู้สึกสัมผัสได้ หมู่เฮา อาศัยอยู่กับป่ากับดอยมานาน แล้วเรื่องอะหยั่ง หมู่เฮา จะต้องไปทำลายป่า ทำลายชีวิตของหมู่เฮา โตย ! (ด้วย)
การดำรงชีวิตอยู่กับผืนป่าแมกไม้ สายธาร ภูผาเขาลำเนาไพร ประดุจดั่งนกขมิ้นจรอิสระที่สยายปีกไปทั่วท้องทุ่งผืนป่าเขาอันไพศาล ชาวบ้านปางแดง ต้องสัมผัสผ่านมรสุมทุกข์ยากเข็ญกับการอยู่ในคอก(คุก) ที่โหดร้าย ทารุณกรรมหดหู่ยิ่งนัก ! ปรากฏข้อเท็จจริงจากคำบอกเล่า *นายคริษมันต์ หรือ อะเหล งามเลิศรดา หนุ่มชาวลาหู่ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารสารคดี ฉบับที่ ๒๖๐ เดือนตุลาคม ๒๕๔๙
เขา ! - เล่าผ่าน วิถีชีวิตอันแปลกแยกในคอก(คุก) ที่ต้องถูกจำขังในห้องสี่เหลี่ยมแออัดหยัดเหยียดกว่าร้อยชีวิต เป็นประเด็นสะท้อนปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้อย่างชัดเจนและจะเป็นความทรงจำที่ฝังริ้วรอยความขมขืนเจ็บซ้ำไปตราบชั่วชีวิต-เขา ! พ่อผมเป็นลีซู แม่ผมเป็นลาหู่ แต่ก่อนผมชื่อ อะเหล เป็นภาษาลีซู เพิ่งมาตั้งชื่อ-นามสกุลเป็น คริษมันต์ งามเลิศรดา ตอนที่ได้สัญชาติ ผมเกิดในเมืองไทยนี่แหละ ที่อำเภอฝาง แต่ย้ายตามญาติมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนผมเกิด พ่อไม่ได้สนใจไปทำใบเกิด พอพ่อตาย หลักฐานการเกิดยังพอมีหลงเหลืออยู่ ทางอาจารย์ ผู้ใหญ่บ้าน จึงช่วยวิ่งเต้นเรื่องสัญชาติให้ผม ป๊อกบ้านที่ทางการแบ่งไว้ให้ จริง ๆ แล้วไม่มีความหมายอะไร พวกเราอยู่ร่วมกันอย่างพี่อย่างน้อง ไม่ได้แบ่งแยก เวลาป๊อกบ้านไหนเผ่าไหนมีงานก็ชวนกันตลอด เมื่อมีงานราชการทุกคนก็ช่วยกันทำ อย่างเวลาที่อำเภอมีงาน ต้องการชาวบ้านไปรำดาบ พวกเราก็ไปรำให้ บางคนก็เป็นหน่วยกู้ภัย เป็นคณะกรรมการหมู่บ้านช่วยดูแลเรื่องยาเสพติด บางคนก็ไปอยู่เวรยามที่โรงพัก ผมซื้อที่ดินต่อจากเพื่อนชาวลีซู ขายกันถูก ๆ มีเงินสัก ๑๐๐-๒๐๐ ก็ซื้อได้แล้ว เห็นว่าทำเลดีก็ซื้อ ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ขึ้นมาก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาแค่กันเขตว่าตรงนี้เป็นเขตอุทยานฯ นะ ตรงนี้เป็นเขตทำกินนะ อยู่ได้ เราก็ไม่คิดว่าต่อมาจะมีปัญหา เจ้าหน้าที่เขาพูดไม่เหมือนกัน บางบ้านเขาว่ามาสำรวจพื้นที่ จะจัดพื้นที่ให้อยู่ จะออกใบให้ บางบ้านเขาก็บอกว่าให้ไปประชุมที่อำเภอ ไปรับแจกผ้าห่มบ้าง บอกว่าเดี๋ยวมาส่ง ชาวบ้านดีใจก็ขึ้นรถไปกับเขา แต่พี่น้องปะหล่องป๊อกบ้านบนโดนรุนแรงมาก เขากลัวแล้วหนี เจ้าหน้าที่เลยโมโห เตะเอาก็มี บางคนหนีลงน้ำเกือบจมน้ำตาย
เจ้าหน้าที่เขาให้เราขึ้นรถไปกับเขา พอไปถึงที่เชียงดาว เขาก็คัดเอาคนแก่ เด็ก ผู้หญิงออก คนแก่บางคนจะไม่ยอมลง ยืนยันว่าจะไปเอาผ้าห่มให้ได้ เพราะว่าช่วงนั้นเป็นหน้าหนาว เขาให้เราอยู่ในคอก (คุก) ที่เชียงดาวหนึ่งคืน แล้วก็ย้ายไปเชียงใหม่ ตอนนั้นยังไม่กลัว เพราะไม่รู้ว่าเขามาจับ ถามเจ้าหน้าที่ เขาก็ว่าจะรู้ไปทำไม ยังไงก็ติดคอกอยู่ดี พอไปถึงคอก(คุก) ที่เชียงใหม่ เขาบอกให้รับสารภาพแล้วทุกอย่างจะดี ตอนนั้นเขาให้ทำอะไรเราก็ทำ ให้เซ็นก็เซ็น ให้ปั๊มนิ้วมือก็ปั๊ม คือเราบริสุทธิ์ใจ ไม่อยากขัดขวางเจ้าหน้าที่ สักพักเขาก็จับเรายัดห้องขัง พอตกเย็นก็มีเจ้าหน้าที่มาบอกว่าเราถูกจับแล้วนะ ข้อหาบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าสงวน เราก็ตอบไปว่าไม่ได้บุกรุก ที่ก็ยังเช่าเขาอยู่เลย เจ้าหน้าที่ก็ว่าคุณไม่ได้บุกรุกแล้วคุณไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง เขาว่าที่มันบ่มีใบ อยู่บ่ได้ กินข้าวก็ลำบาก ฉี่ก็ลำบาก ห้องขังห้องหนึ่งอัดกันอยู่เป็นร้อย เวลากินข้าว เขาจะทำมาเป็นกะละมังใหญ่ ๆ แล้วเราก็นั่งล้อมวงกินกัน อิ่มบ้างไม่อิ่มบ้าง วันไหนมีคนมาเยี่ยม กลับมาไม่ทันก็อดกิน เวลาจะฉี่ก็ต้องระวังไม่ให้กระเด็นใส่เพื่อน เพราะมันไม่มีประตูปิด ไม่มีอะไรกั้น บางคนโดนกระบองตีก็มี เพราะเขาฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ร้องเพลงชาติไม่ได้ ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าผมผิดอะไร เขาทำเพื่ออะไร เสียใจแล้วก็จังขนาด (เกลียด !) เราช่วยงานราชการมามาก แต่ไม่เคยได้ผลตอบแทน ผมก็คนไทยคนหนึ่ง ทำไมจะไม่ให้อยู่ในพื้นที่ ถามตัวเองตลอดว่าเราทำเพื่อคนอื่น แต่เขาไม่เห็นคุณค่า สุดท้าย...เขาจะไม่ให้เราอยู่ที่ประเทศไทย ไม่ให้เราอยู่ที่ปางแดง แล้วจะให้เราไปอยู่ที่ไหน
ชาวบ้านปางแดงหลายคนได้พบบทเรียนนิยามความเป็นคนไทยในคอก(คุก) ว่า ระหว่างที่อยู่ในคุก เจ้าหน้าที่เขาก็สอนให้ร้องเพลงชาติ อ่านภาษาไทย ท่องระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มันก็ทำให้เรารู้ว่า เป็นคนไทยต้องพูดภาษาไทย ต้องร้องเพลงชาติไทยได้ ผมไม่อยากย้ายไปไหน ผมรักที่นี่ แต่ผมก็คาดหวังอะไรไม่ได้ เมื่อไรที่ศาลสั่ง เมื่อนั้นชีวิตผม ชีวิตชาวปางแดง ก็โดนตัดสิน วิถีเส้นถนนเปลี่ยนวิถีชีวิตเปลี่ยน
ปัจจุบันนี้ หลังจากมีการความร่วมมือภาคีกันทั้งภาครัฐ เอกชน และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกัน จึงเกิดโครงการ " บ้านมั่นคง ชุมชนบ้านปางแดง" ขึ้นแก่ชุมชน โดยข้ามถนนไปอยู่อีกฝากหนึ่ง หมู่บ้านโครงการดังกล่าวนี้เกิดขึ้นด้วยโครงการพัฒนาชนบทที่ภาครัฐ ได้จัดสร้างบ้านประชาชนซึ่งเป็นชาวดาระอั้งและชาวลาหู่ประมาณ ๔๐๐ คน รวม ๘๘ ครัวเรือน ให้ชาวบ้านได้พักอาศัยอยู่ร่วมกัน และนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า ๒๐ ปี ที่ชาวบ้านรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยที่ปางแดงมีบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยอยู่ร่วมกันอย่างแออัด หลังหนึ่งเคยอยู่สูงสุดกว่ายี่สิบคน ชุมชนได้ตั้งกฎระเบียบกติกาเข้มแข็งของหมู่บ้านไว้ ๓ ข้อ คือ ๑)ห้ามตัดไม้ทำลายป่า ๒)ห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และ ๓)ห้ามนำคนนอกมาอยู่เพิ่มในชุมชน และเมื่อในช่วงวันที่ 11-12 ธันวาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา ได้มีการจัดพิธีขึ้นบ้านใหม่ บ้านมั่นคง ชุมชนบ้านปางแดง จึงนับว่าเป็นก้าวสำคัญต่อประเด็นการร่วมประสานงานของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับชุมชนเพื่อส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงโดยจะให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านตัวอย่างของชนเผ่าดาระอั้ง ถือเป็นการต้อนรับขวัญสู่วิถีชีวิตใหม่ ที่ค่อนข้างจะปลอดภัยมั่นคงและยั่งยืน ! เท่าที่แลผ่านมาในอดีต ถือได้ว่า บ้านมั่นคง ชุมชนบ้านปางแดง เป็นโครงการใหม่ รูปแบบใหม่แห่งแรก ที่เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐ ชาวบ้าน องค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ และองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ได้ร่วมมือกันผลักดันโครงการนี้ โดยใช้วิธีการทำสัญญาเช่าที่ดินกับกรมป่าไม้ในระยะยาว ๓๐ ปี ให้ชาวบ้านได้มีอาศัยอยู่อย่างเป็นธรรมและชอบธรรมถือได้ว่า เป็นการบูรณาการแก้ปัญหาโดยใช้หลักเมตตาธรรมย่างแท้จริง
ปางแดง โดนปางตาย ไม่บาดเจ็บเสียเปล่า !
ในฐานะทนายความที่ทำงานเรื่องสิทธิมนุษยชนและเป็น ๑ ในทีมทนายความที่เป็นทนายจำเลยในคดีนี้ ความผิดอาญาของจำเลย ที่สะเทือนความรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุดของการรับเป็น ทนายความให้จำเลย คือ คดีละเมิดสิทธิชาวบ้าน โดยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานด้วยนโยบายของรัฐหรืออาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตน แท้จริงแล้ว !
หน่วยงานรัฐที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดกับทำร้ายได้รุนแรงมากที่สุด !
การรับทำหน้าที่เป็นทนายความให้กับ จำเลยที่ถูกละเมิดสิทธิ มิใช่แต่เฉพาะเรื่องว่าความในศาลเท่านั้น ภาระหน้าที่ที่สำคัญมากที่สุดของทนายความทำงานเรื่องสิทธิมนุษยชน ต้องความรับผิดชอบ
คือ การปกป้องและคุ้มครองลูกความนอกศาลต่อไปด้วย กรณีคดีปางแดง ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษา ออกไป เพื่อรอการแก้ปัญหาและหาทางออกร่วมกันกับภาครัฐ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ สำหรับคดีซึ่งเป็นคดีความผิดต่อแผ่นดิน ศาลอาจจะใช้ดุลยพินิจลงโทษสถานเบากับชาวบ้านได้ คงเหลือเพียงค่าการปรับในความผิดข้อหาบุกรุกป่าฯ ( ยังไม่แน่ว่า อัยการจะฟ้องเรียกค่าเสียหายในส่วนแพ่ง อีกดาบหรือไม่ ? ) และคดีนี้จำเลยทั้งหมดเคยติดคุกมาก่อน ๑เดือนแล้ว นำมาหักลบแทนค่าปรับ(คิดวันละ ๒๐๐บาท) ก็อาจจะพอแก้ปัญหาในเรื่องนี้ไปได้ แนวทางในการต่อสู้คดีที่ผ่านมา สำหรับคดีนี้ ทนายสุมิตรชัย หัตถสาร ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็น ๑ ใน ๗ ทนายความที่ใช้ตำแหน่งประกันตัวชาวบ้านปางแดงทั้ง ๔๗ คนออกมา ได้ให้กล่าวให้สัมภาษณ์ ไว้กับสำนักข่าวประชาไท เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ มีเนื้อหาที่บ่งบอกความคาดหวังเป็นคำตอบให้กับภาคสังคม ได้ในระดับหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ว่า น่าจะออกไปในรูปแบบใด ? "...นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนได้เข้าไปอยู่ในคำพิพากษาของศาล เพราะก่อนหน้านี้นั้นศาลไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อประเด็นสิทธิมนุษยชน ดังกรณีที่ชาวบ้านปางแดง ซึ่งเป็นชนเผ่าในจังหวัดเชียงใหม่ ถูกหลอกจากฝ่ายปกครองให้ลงมารับเอกสารที่อำเภอ แต่กลับถูกจับกุมในข้อหาบุกรุกอุทยานแห่งชาติ ในครั้งนั้นทนายความของผู้ถูกจับได้อ้างรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ว่า การจับกุมกรณีดังกล่าวเป็นการควบคุมตัวโดยมิชอบ เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีของมนุษย์ ตามรัฐธรรมนูญ แต่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนั้นได้ยกคำร้อง โดยอ้างไปในทำนองว่า ศาลไม่ทราบเรื่องศักดิ์ศรีของมนุษย์ เพราะรัฐธรรมนูญใช้บังคับไม่ได้ หรืออะไรทำนองนั้น จึงเป็นที่แปลกใจของผู้รู้กฎหมายโดยทั่วไป หรือในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี ๒๕๔๓ ไม่วินิจฉัยว่า การใส่ตรวนข้อเท้าแก่ผู้ต้องขังเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีของมนุษย์หรือไม่ เพราะผู้ต้องขังที่ร้องเรียนมานั้นได้ถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดียังต่างประเทศ ทำให้เหตุแห่งการวินิจฉัยได้หมดไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำการวินิจฉัยอีกต่อไป สอดคล้องกับ สรุปรายงานของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน การต่างประเทศ กรณีปัญหาของชาวบ้านปางแดงที่ระบุไว้ในตอนหนึ่งว่า
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเป็นปัญหามากขึ้น โดยเฉพาะความขัดแย้งจากโครงการพัฒนาต่างๆ ของภาครัฐ มีการใช้ความรุนแรงเข้าจัดการ เพื่อผลักดันให้โครงการ ของรัฐดำเนินต่อ โดยขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ปรากฏการณ์ทีเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ได้เชื่อมโยงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ระหว่างนักการเมืองระดับชาติกับกลุ่มผลประโยชน์อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันปัญหาความขัดแย้งของการจัดสรรทรัพยากรในท้องถิ่นต่าง ๆ นอกจากเป็นปัญหาทางโครงสร้างในระดับชาติที่ไม่เอื้อให้ชุมชนจัดสรรทรัพยากรร่วมกันอย่างยั่งยืนแล้ว ยังมีปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากกลุ่มอิทธิพลในท้องถิ่นเองอีกด้วย
การใช้ความรุนแรง การคุกคามโดยตรงต่อผู้ที่เคลื่อนไหว เรียกร้อง สิทธิมนุษยชนในปัจจุบันนั้น มักเริ่มต้นด้วยการข่มขู่ สร้างความหวาดกลัวในชีวิตและทรัพย์สิน จนในที่สุดก้าวไปสู่การลอบสังหารคุกคามชีวิต หากการต่อสู้นั้นขัดแย้งกับหน่วยงานของรัฐก็จะเลือกใช้กระบวนการกฎหมายเข้าจัดการ จับกุม ข่มขู่ หรือใช้กลไกอำนาจรัฐเข้าควบคุมโดยเลือกปฏิบัติ เพื่อจำกัดการแสดงความคิดเห็นหรือการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เป็นต้น
การถูกคุกคามล้วนมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งเชิงโครงสร้างการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งไม่ให้สิทธิประชาชนกำหนดอนาคตชุมชนตนเอง รวมถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการทั้งของรัฐและเอกชนที่กำลังดำเนินการ ทั้งนี้ มาตรการการป้องกันจากหน่วยงานปกครองในพื้นที่ก็อ่อนแอและขาดประสิทธิภาพ
สถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ที่เกิดจากกลไกและอำนาจรัฐ น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง นอกจากมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญแล้ว ยังละเลยต่อคำประกาศปฏิญญาแห่งองค์การสหประชาชาติว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า "โครงการบ้านมั่นคงชนบทชุมชนบ้านปางแดง" กำลังเดินหน้าไปอย่างช้าๆ และต่อเนื่องอย่างยังยืน แต่เมื่อหันไปดูเรื่องคดีความ ก็ยังไม่จบสิ้น ชาวบ้านยังรอคอยและคาดหวังกับคำตัดสินคดีความของศาลจังหวัดเชียงใหม่อยู่ ว่า
วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ที่จะถึงนี้ ! มหาชะตากรรม ! ที่พวกเขาไม่ได้ก่อนั้นจะถูกพิพากษาไปอย่างไร ! และจะลงเอยเช่นไร ! ศิริพงษ์ เย็นศิริ ทนายความจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘ ผู้ประสานงานเครือข่ายทนายไทบ้าน ผู้ปฏิบัติงานเครือข่ายศูนย์การเรียนรู้สิทธิมนุษยชุมชนเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นยั่งยืน ( ADOGs = องค์การพัฒนาเอกชน)
ฅนขอบคุณอย่างสูงยิ่ง
@ทนายประธานคณะฯ นิติธร ล้ำเหลือ คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติผู้พลัดถิ่นฯ สภาทนายความ @ทนายพี่เลี้ยง สมภพ โชติวงษ์ คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติผู้พลัดถิ่นฯ สภาทนายความ @ทนายพี่เลี้ยง สุมิตรชัย หัตถสาร ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น @พี่ใหญ่ สุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ปฏิบัติงานภาคสนามกลุ่มเพื่อประชาชนบนพื้นที่สูง @สหายสายธารศรัทธาธรรม (ว่ากันว่า อดีตนายก(ราม?39 หุหุ) @ภาพถ่าย จากสหายข่าวประชาธรรมเชียงใหม่
สารัตถประโยชน์เชิงอัตตวินิจฉัย - คำนี้พึ่งคิดค้นเองเมื่อครู่ ! ( แล้วแต่ดุลยพินิจวินิจฉัย = ว่าด้วยพยานหลักฐานประกอบข้อมูลอ้างอิง) ข้อมูลเพิ่มเติม จากพันธมิตรเครือข่ายหมู่เฮา ป๊อกบ้านปางแดง http://www.oknation.net/blog/satthatham/2009/12/14/entry-1 http://www.statelessperson.com/www/?q=node/3890 http://picasaweb.google.com/buddhasilp/AqTKTB# http://www.oknation.net/blog/satthatham/2009/12/14/entry-1 http://www.paknue.com/news_detail.php?news_id=58http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=539 |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กุมภาพันธ์ 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 |