เมื่อศาลจังหวัดเกาะสมุย พิพากษาประหารชีวิตชาวพม่าสองคน  

ก็เกิดการประท้วงของชาวพม่าขึ้นดังที่เป็นข่าว 

ประเด็นอ่อนไหวที่ทำให้หลายคนใจคอไม่ดีกันอยู่ก็คือ 

สองคนที่ถูกประหารใช่ผู้ร้ายตัวจริงหรือเปล่า?

หรือเป็นเพียงแพะที่เข้ามารับบาป

เรื่องอย่างนี้ไม่มีใครรู้ดีเท่าจำเลยสองคนนั้น 

ในเมื่อไม่มีใครรู้แล้วเราจะรู้กันได้อย่างไรว่าใครฆ่า

มันก็ต้องพิสูจน์  โดยหาพยานหลักฐานมายืนยัน

และมาพิสูจน์กันในศาล

แต่ก่อนที่จะมาถึงศาล  มันก็ต้องคลำทางกัน

มีการเดาผิดเดาถูกกันเรื่อยมา

ในระหว่างนั้นตำรวจจะหันไปทางใครก็มีความเป็นห่วงกันว่า

จะเป็นแพะหรือเปล่า  ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องห่วงกัน

เพราะถ้าคนไม่ได้ทำผิดไปถูกจับเข้าก็น่าสงสารมาก

แต่ขอบอกกันไว้ตรงนี้เลยว่า  ความเป็นห่วงแบบนี้

ไม่ได้มีแต่เฉพาะท่านทั้งหลายที่ติดตามข่าวนี้เท่านั้น

คนในกระบวนการยุติธรรมทุกคนที่ร่วมอยู่ในคดี ไม่ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ทนายความและผู้พิพากษา 

ต่างก็ห่วงเรื่องนี้ไม่น้อยไปกว่าทุกคน  ท่านทั้งหลายแค่ติดตามข่าวยังไม่สบายใจกลัวจะประหารผิดคน

คนในกระบวนการยุติธรรมที่ทำคดี  จะนอนหลับไหมถ้าทำงานผิดพลาดแล้วทำให้คนบริสุทธิ์ต้องถูกประหาร

อยากให้ข้อสังเกตตรงนี้ว่า แหล่งข้อมูลข่าวสารที่แต่ละคนได้รับทราบนั้นต่างกัน

มีมาจากหนังสือพิมพ์บ้าง โทรทัศน์บ้าง อินเตอร์เน็ตบ้าง บอกต่อกันทางไลน์บ้าง

ข้อมูลเหล่านี้เราไม่รู้หรอกว่าอันไหนผิดอันไหนถูก  บางแหล่งก็ให้ข้อมูลด้านเดียว

บางแหล่งก็ให้ข้อมูลอย่างมีอคติ บางแหล่งก็จงใจให้สับสน 

การรับข้อมูลที่หลากหลายแบบนี้จึงควรฟังหูไว้หู

          มีหลักในการพิจารณาคดีอาญาของศาลไทยอยู่ว่า

ห้ามมิให้ศาลพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริง

และจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่

ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

แปลว่าหลังจากได้พิสูจน์ข้ออ้างข้อเถียงของทั้งโจทก์และจำเลยแล้ว

ศาลต้องแน่ใจโดยปราศจากเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริง 

ศาลถึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้ 

ข้ออ้างต่างๆที่พวกเราได้เห็นจากสื่อทั้งหลาย เรื่องดีเอ็นเอบ้างอะไรบ้าง

ศาลก็ได้เห็น  แต่เราได้เห็นได้รับรู้อย่างเดียวไม่ได้มีการพิสูจน์ข้ออ้างนั้นอย่างเป็นระบบ 

แต่ข้ออ้างอย่างนั้นถ้าจะให้ศาลเชื่อต้องมีการพิสูจน์ให้ศาลเห็นด้วย

ในคำพิพากษาคดีนี้ตอนหนึ่งบอกว่า

“ข้ออ้างเถียงของจำเลยทั้งสองทั้งเรื่องรายงานผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ

 เรื่องล่ามภาษาพม่า การจัดหาทนายความชั้นสอบสวน หรือข้ออ้างที่ว่าจำเลยทั้งสองถูกทำร้ายร่างกายและถูกทรมานเพื่อบังคับให้รับสารภาพในชั้นจับกุมนั้น จำเลยทั้งสองไม่มีพยานหลักฐานใด ๆ มานำสืบให้รับฟังได้ตามที่อ้าง มีลักษณะเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ

ทั้งมิใช่ข้อสาระสำคัญอันจะทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ในส่วนการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอไม่มีน้ำหนักหรือส่งผลให้คำวินิจฉัยของศาลต้องเปลี่ยนแปลงไป พยานหลักฐานของจำเลยทั้งสองไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้”

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะบอกกับท่านผู้อ่านว่า  เมื่อศาลพิพากษาคดีใดแล้ว

ไม่ว่าถูกใจเราหรือไม่  ก็อย่ากระพือข่าวที่มีผู้จงใจสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของศาลไทย 

เพราะนอกจากท่านจะเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีแล้ว 

เคราะห์หามยามซวยท่านอาจต้องเข้าคุกเพราะข้อหาดูหมิ่นศาลหรือละเมิดอำนาจศาลก็ได้นะจะบอกให้