มีคำถามจากผู้ปกครองท่านหนึ่งถามมาทางอีเมลล์ว่า "ลูกติดเกมมากจะแก้ไขอย่างไร" ถามสั้นๆแต่อะโห....นี่มันคือปัญหาใหญ่ระดับชาติเลย เพราะเมื่อไม่นานนี้เองแม่หมีได้ฟังข่าวว่า การติดเกมได้ถูกบัญญัติให้เป็นโรคชนิดหนึ่ง เรียกว่า ภาวะการติดเกม จัดอยู่ในกลุ่มโรคย้ำคิดย้ำทำ และต้องการการบำบัดรักษา จากสถิติทั่วโลกพบว่าเด็กติดเกมจะมีผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้เสียสายตา เป็นโรคอ้วนร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว ทำให้กล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ไม่พัฒนา กระดูกคอเสื่อม นิ้วล็อค เรื่อยไปจนกลายเป็นการขาดการปฎิสัมพันธ์กับคนรอบข้างไป และยังมีอีกหลายปัญหาที่ตามมา เพราะเท่าที่คุยกับลูกในเกมจะมีเรื่องการพนัน การซื้อขายอาวุธ ขายอุปกรณ์ของใช้ในเกมแต่ใช้เงินจริงอีกด้วย นอกจากนี้บางเกมก็ทำให้เด็กกลายเป็นคนใช้ความรุนแรง ได้ยินข่าวมาอีกว่า กรมสุขภาพจิตของเราก็มองเห็นปัญหาเรื่องเด็กติดเกมและกำลังพัฒนาคลินิกเพื่อรักษาโรคติดเกม ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งปีนี้มีเป้าหมายในการจัดฝึกอบรม โรงพยาบาลชุมชน พร้อมกับมีเครื่องมือในการตรวจรักษา เพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต เห็นมั๊ยคะปัญหานี้เป็นปัญหาระดับชาติไปแล้ว ซึ่งแม่หมีว่า เพราะเรามีเครื่องใช้ที่เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยอยู่ในบ้านอยู่ในมือ ทำให้คนในบ้านพูดคุยกันน้อยลง ทุกคนต่างเป็นประชากรของชุมชนคนก้มหน้า หรือที่เขาพูดๆกันว่าสังคมก้มหน้านั่นแหล่ะ มาพูดแบบนี้ใช่ว่าแม่หมีจะไม่มีปัญหา แม่หมีเองก็เคยเป็นผู้ใหญ่ติดเกมในยุคแรกๆ จำเกมเตอร์ติสที่เป็นเครื่องเล็กๆขนาดเหมาะมือได้มั๊ยคะ เกมที่เล่นต่อตัวเตอร์ติสให้เข้ากัน ให้มันเรียงกันครบแถวก็จะละลายไปเองนั่นแหล่ะค่ะ แม่หมีเล่นแบบติดหนึบยิ่งเล่นยิ่งเพิ่มlevel ได้คะแนนน้อยก็ฉุนเฉียวยิ่งพยายามเล่น พอได้คะแนนมากก็พอใจมีความสุข เรียกว่าว่างเมื่อไหร่เป็นเล่น แล้วก็รีบทำภารกิจทุกอย่างให้เสร็จเร็วๆจะได้ไปเล่นอีกที เล่นจนเครื่องพังก็ไปซื้อมาใหม่ จนกระทั่งวันหนึ่งเรามาฉุกคิดได้ว่า นี่เราติดเกมนี้แล้วนะ เพราะพอตื่นมาก็คว้าเกมจากหัวเตียงมาเล่น ก่อนเข้านอนก็เล่น พอคิดได้ดังนั้นก็โยนเครื่องเล่นทิ้งไปเลย จึงเข้าใจเด็กๆว่ามันเสพติดง่ายเหลือเกิน เล่นแล้วสนุกเล่นแล้วเพลินยิ่งชนะยิ่งมีความสุข เหมือนเสพยาได้เสพแล้วก็สุข(อันนี้ไม่รู้นะคะเดาเอา ไม่งั้นเขาจะเสพกันทำไม) โฉมหน้าเกมส์เตอร์ติสที่แม่หมีติดหนึบ ทีนี้พอมามีลูก ลืมค่ะ.... ญาติพี่น้องหลานๆใครๆเขามีเกมส์บอย มีเกมส์Playstationกัน เห็นลูกไปยืนดูเขาเล่นก็สงสาร พอลูกสอบได้คะแนนดีก็ซื้อให้ลูกเล่น ทีนี้พอลูกเล่นไปก็ชักมองเห็นปัญหา จึงต้องมีการควบคุมการเล่นสิคะ ต้องตั้งกฎกติกามารยาทเพราะลูกชักจะเริ่มติดเกมเสียแล้ว แต่ทำอย่างไรได้เพราะเราไม่อยากให้ลูกเข้าร้านเกมจึงเอาเกมเข้าบ้าน พอมาซื้อคอมพ์ให้ลูกทำงานลูกก็โหลดเกมส์มาเล่น ซื้อแผ่นเกมมาเล่นแต่แม่หมีจะขอดูเนื้อหาเกมนั้นว่ารุนแรงหรือเปล่า ความจริงแค่เกมขับรถซิ่ง ยิงเครื่องบิน ตามล่าซอมบี้ฯลฯก็นับว่ารุนแรงแล้ว เดี๋ยวนี้ที่บ้านมีเครื่องเล่นPlaystation 2,Playstation 3 และเกม PSP(เกมที่สามารถพกพาไปไหนได้แถมมีเกมที่น่าสนใจมากด้วย) ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นล่าสุด เรียกว่าครบเซ็ท ลูกอยู่ติดบ้านแต่ต้องแลกกับการติดเกมด้วย ยิ่งพี่หมีใหญ่เขาทำงานแล้วเขาก็ใช้เงินของเขาซื้อเกม แต่แม่หมีไม่ห่วงว่าลูกจะติดเกม เพราะอะไรรู้มั๊ยคะ เพราะเรามีการควบคุมกติกาการเล่นตั้งแต่เขาเริ่มเล่นไง เราต้องฝึกให้ลูกมีวินัยในการเล่นเกม เขารู้จักว่าควรเล่นแค่ใดถึงจะยุติการเล่น การมีวินัยและรู้เท่าทันเกมจึงเป็นเรื่องสำคัญ เขาต้องควบคุมตนเองให้ได้ เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลา สำหรับหมีน้อย คนนี้เล่นเกมไม่มากและส่วนใหญ่ก็เล่นในคอมพ์ และความสนใจของเขาก็หลากหลายเมื่อเราเดินโฉบไปสังเกตการณ์เดี๋ยวเห็นเขาดูหนังในยูทูป ส่วนใหญ่ก็เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นพุดญี่ปุ่นซับไทยบ้างซับอังกฤษบ้าง(มีประโยชน์ตรงที่หมีน้อยได้ศัพท์ภาษาอังกฤษมากขึ้น) ดูตัวอย่างหนังฝรั่งบ้าง บางทีก็เปิดวิกิพีเดียอ่านเรื่องราวต่างๆหาข้อมูลมาแต่งเรื่องราวที่เราไม่รู้ว่าเขาไปซ่อนไว้ในไฟล์ใด บางทีเขาก็อ่านความรู้จากหนังสือที่เขาโหลดมาเพื่อการศึกษาของมหาวิทยาลัย ซึ่งแม่หมีก็ไม่ค่อยชอบใจกับพฤติกรรมเหล่านี้เท่าไหร่ ไม่ติดเกมแต่ใช้เวลาหน้าจอคอมพ์มากไป แต่เขาจะมีวินัยในตัวเองคือ ถ้าเป็นช่วงสอบเขาจะอ่านจากอีบุ๊คส์ และจะรู้เวลาว่าเปิดคอมพ์แค่ไหน จะต้องเลิกเวลาใด ถ้าเพลินมากแม่หมีก็จะเดินไปบอก "พักสายตาบ้างก็ได้นะ" แล้วเราจะแก้ไขอย่างไรถ้าลูกติดเกม ลองมาดูวิธีแก้ไขแบบแม่หมีนะคะ เพราะเรามีข้อมูลเรื่องเด็กติดเกมอยู่ในหัวมามากเหมือนกัน ก็เลยเอามาปรับใช้กับลูกๆ กรณีนี้เอาลูกเป็นตัวอย่างนะคะ พี่หมีใหญ่ตอนเป็นเด็กเริ่มเล่นเกมหลายชั่วโมงติดต่อกัน แม่หมีก็เลยไปนั่งข้างๆลูก ไปนั่งดูเพื่อศึกษาว่าเกมมันเป็นอย่างไร เพื่อจะหาข้อมูลมาพูดกับเขา แล้วเราก็รู้ว่า การเล่นเกมมันเป็นเรื่องที่น่าติดใจเอามากๆ ทั้งสนุก ยิ่งได้ชนะก็ยิ่งมีความสุข แต่ถ้าแพ้ก็อยากเล่นต่อเพื่อเอาชนะ ปัญหามันอยู่ที่ มันทำให้เกิดการติดเกม ยิ่งเด็กพิเศษนี่ถ้าได้เวลาที่เคยเล่นแล้วไม่ได้เล่นจะหงุดหงิดมาก โชคดีที่ลูกๆกับแม่หมีคุยกันทุกเรื่อง แม่หมีจึงเลือกเวลาที่เหมาะสมคือเวลากินข้าว(เพราะเดินหนีไปไหนไม่ได้ แต่อย่าดุนะคะเดี๋ยวข้าวมื้อนั้นจะไม่อร่อยไปเลย) แม่หมีเปิดประเด็นแบบสบายๆ พุดคุยถึงเกม พูดถึงข่าวเรื่องเด็กติดเกมแล้วเป็นอย่างไร "แม่เข้าใจนะว่าการเล่นเกมมันสนุก แต่ผลเสียคือ ลูกจะเสียโอกาสเสียเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ ลูกจะมีผลการเรียนที่ตกต่ำลงและที่สำคัญ ลูกจะกลายเป็นเด็กก้าวร้าวเพราะบางเกมมันรุนแรง" หากลูกเถียง(เขาก็มีเหตุผลของเขา) เราก็ต้องหาเหตุผลมาสยบเขาให้ได้ ประมาณว่าให้เขาไปไม่เป็นเลย แล้วที่สุดลูกๆของแม่หมีก็ยอมรับด้วยจนต่อคำพูดของแม่หมี หลังจากนั้นเราก็ทำข้อตกลงกันว่า 1 เขาจะเล่นเกมได้ก็ต่อเมื่อ หลังจากที่เขาทำการบ้านเสร็จแล้วหรือทำกิจกรรมที่ได้มอบหมายเสร็จแล้ว ความจริงเรื่องนี้เราควรตั้งกฏกติกาก่อนซื้อเกมเข้าบ้าน คุยกันให้รู้เรื่องไปเลยว่าผลดีคืออะไรผลเสียคืออะไร ลูกต้องเป็นผู้ควบคุมเกมไม่ใช่ตกเป็นทาสของเกม คนที่เจ๋งจริงเท่านั้นจึงจะเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าลูกหมกมุ่นเอาแต่เล่นเกม ลูกคือผู้แพ้บนโลกใบนี้ (พูดให้เว่อร์ เพราะไม่มีใครอยากเป็นผู้แพ้ใช่มั๊ยคะ) 2 เขาจะเล่นเกมได้ในเวลาเท่าไหร่ อันนี้ผู้ปกครองต้องยืดหยุ่นนะคะ ของแม่หมียอมให้ลูกเล่นได้ 1 ชั่วโมงในวันที่เปิดเรียน ส่วนวันหยุดให้สองชั่วโมงหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย โดยจะตั้งนาฬิกาไว้ใกล้ๆคอมพ์ แล้วส่วนใหญ่ลูกจะมาบอกว่า ทำการบ้านเสร็จแล้ว ซึ่งแม่หมีก็นั่งคุมลูกทำการบ้านอยู่แล้ว ลูกทำเสร็จจัดกระเป๋าหนังสือเรียนเสร็จ แม่หมีก็จะเหลือบดูว่า ลูกเริ่มเล่นเกมกี่โมง ให้เขาบอกเวลาเราด้วยว่าเขาเริมเล่นกี่โมงแล้วจะสิ้นสุดการเล่นตอนกี่โมงเรื่องนี้พี่หมีใหญ่น่ะห้ามยากกว่าเจ้าหมีน้อย เพราะหมีน้อยเป็นน้องออฯเมื่อเขาทำเป็นกิจวัตรแล้ว เขาก็เข้าระบบของเขาเอง ส่วนพี่หมีใหญ่บางทีมีเกินเวลาบ้าง แม่หมีก็จะเดินไปบอกว่า ลูกเล่นเกินเวลาแล้วนะครับ แต่ก็ไม่ได้ให้ปิดเครื่องทันทีเพราะบางทีเกมมันมีลูกติดพันอยู่ก็จะบอกว่า "อีกสิบนาทีลูกเลิกเล่นได้แล้วครับ"(ให้เวลาทำใจ) แต่ส่วนใหญ่แม่หมีก็เดินไปเดินมาแถวนั้นอยู่แล้ว พอใกล้เวลาก็จะไปเตือนก่อนสักสิบยี่สิบนาทีก่อนเวลาที่ตกลงไว้ โชคดีที่ลูกๆไม่ดื้อ ทุกอย่างก็เลยง่าย แต่ถ้าใครมีลูกเป็นเด็กพิเศษแล้วติดเกม นี่คือเรื่องใหญ่เพราะอย่างเด็กในกลุ่มออทิสติกหรือประเภทที่ใกล้เคียงกันนี่เขาจะอยู่ในโลกส่วนตัวไม่มีปฎิสัมพันธ์กับใคร ชอบทำอะไรก็ทำซ้ำๆและหมกหมุ่นกับกิจกรรมนั้นมาก ถ้าเกมเป็นสิ่งที่เขาติดและหมกมุ่น เราต้องพยายามดึงเขาออกมาจากเกมแล้วพยายามหากิจกรรมอื่นให้เขาทำ อาจต้องพาออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านไปเล่นกีฬา ไปว่ายน้ำ ไม่รู้ล่ะค่ะผู้ปกครองต้องทุ่มเทสรรพกำลังเพื่อดึงลูกออกมาจากสิ่งที่เขาทำให้ได้ แต่ต้องมีวิธีการพูดเพราะเวลาเด็กพิเศษเขาวีนก็เป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าเราใจอ่อนยอมเขาเขาก็จะวีนเรื่อยไป แม่หมีจะเคร่งครัดมากในเรื่องที่ตกลงกันกับลูกๆตั้งแต่เป็นเด็ก ถ้าแม่หมีบอกว่าไม่ก็คือไม่ ไม่มีหยวน แล้วก็เอาจริงจังมาก จะร้องไห้จะอาละวาด(ในตอนเด็กๆ)แม่หมีเป็นไม่ยอม ให้เขารู้ว่าเราเอาจริง เขาก็จะหยุดเอาแต่ใจตัวเองแต่ถ้าเขาประพฤติดีเขาก็จะได้สิ่งนั้นเอง(ถ้าแม่หมีเห็นว่าสมควรให้) เราต้องทำให้รู้ว่า แม่เอาจริงนะ ไม่ใช่บ่นๆแค่ "เลิกเล่นได้แล้ว"แล้วปิดเครื่องทันที (อันนี้ไม่ควรทำแต่ควรให้เวลาทำใจสักระยะก่อนปิดเครื่องประมาณสิบนาทีหรือครึ่งชั่วโมง อย่าหักดิบ ลูกวีนแตกแน่) พูดจบแล้วแม่จะเดินไปแล้วปล่อยให้เล่นต่อแบบนี้ไม่สำเร็จค่ะ นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆเลยก็ได้ พอได้เวลาที่กำหนดเขาก็จะปิดเครื่องถ้ายังก็ให้บอก "เราตกลงกันแล้วนี่ครับ" คราวนี้สั่งปิดเครื่องได้เลยพูดน้อยแต่ต้องเอาจริง อย่ากลัวลูกไม่รักค่ะ 3 ทำข้อตกลงกับคุณพ่อหรือผู้ใหญ่ในบ้านคนอื่นด้วยนะคะ ไม่ใช่เราห้ามแต่คนอื่นตามใจ น่า....ให้เขาเล่นไปเถอะ แบบนี้ไม่ได้ค่ะ มีคนถือหางเขาเขาก็ได้ใจ แม่หมีเป็นประเภทชั้นจะเลี้ยงลูกแบบนี้นะ คนอื่นต้องทำตาม(ซึ่งทำแบบนี้ เราก็คิดหลายตรลบแล้วว่า เป็นสิ่งที่ดีกับลูกเรา เวลาลูกเราเสียคน คนที่เสียใจคือตัวเราใช่มั๊ยคะ) 4 พยายามฝึกวินัยให้กับลูก ให้เขาควบคุมตัวเองให้ได้ เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยอีก อย่างตอนนี้พี่หมีใหญ่กับหมีน้อยกลับจากทำงานกลับจากเรียนเขาจะต้องมาคุยกับแม่หมี เพราะแม่หมีบอกว่า "อย่าทำแบบนี้กับแม่นะ แม่คิดถึงลูกทั้งงงง...วัน กลับมาถึงแล้วจะเข้าโหมดเล่นเกม เล่นสมาร์ทโฟน แม่ก็เข้าโหมดน้อยใจนะ แม่สำคัญน้อยกว่าเกมใช่มั๊ยเนี่ย.... " ได้ผลนะคะลูกเขาจะมาคุย ตอนนี้หมีน้อยเขามีหน้าที่เดินเป็นเพื่อนแม่หมีตอนเย็นทุกวัน เพราะเขากลัวแม่หมีล้ม (แม่หมีมีภารกิจต้องเดินเพื่อหมอค่ะ) ไปหาหมอ หมอบอก "คุณป้าเดินออกกำลังให้ผมหน่อยนะครับ" อายค่ะ ตัวเราเองสุขภาพเราเองแต่คุณหมอมาขอร้อง นี่ก็เลยเดินเพื่อคุณหมอ 555 ลองดูนะคะ อย่าปล่อยให้ลูกติดเกมต้องรีบแก้ไขโดยด่วน แต่ต้องคุยต้องตกลงกับลูกอย่างมีความเมตตา,ความรักและอดทน อย่าใช้อารมณ์นะคะ ยิ่งถ้าลูกเป็นเด็กพิเศษเป็นวัยรุ่นฮอร์โมนก็เปลี่ยนแปลง คุณแม่ต้องใช้ความอดทนให้มากๆและหนักแน่นเข้าไว้ ผ่อนปรนได้แต่อย่ายอมเขา ถ้าเราแพ้ลูกเราก็จะแพ้เรื่อยไป เอาซี้...ลูกจะชนะแม่ได้อย่างไร แต่ต้องทำให้เขารู้ว่า เรารักเขาด้วย(ทั้งการกระทำและคำพูด) แต่ถ้าทำทุกวิธีแล้วยังไม่ไหวก็คงต้องหาจิตแพทย์แล้วล่ะค่ะ ท่านจะมีวิธีการดีๆ สำคัญที่คุณแม่อย่ายอมแพ้ลูกนะคะ แม่หมีเอาใจช่วยผู้ปกครองทุกคนนะคะ ได้ผลอย่างไรก็มาบอกกันบ้าง นี่ล่ะบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่พ่อแม่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ผลสำเร็จก็จะได้ลูกรักกลับคืนมา เรามาสู้กับเกมกันสักตั้งเนอะ สู้ๆค่ะ ขอบคุณภาพจากในอินเตอร์เน็ตค่ะ
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
หมีน้อยกับผองเพื่อน | ||
![]() |
||
ภาพของหมีน้อยกับเพื่อนไปทัศนศึกษาสมัยเรียนประถมค่ะ |
||
View All ![]() |
กลิ่นจัน | ||
![]() |
||
เพลงกลิ่นจัน ของมหาวิทยาลัยศิลปากร |
||
View All ![]() |
<< | มกราคม 2015 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |