....(ต่อจากเอนทรีที่แล้ว)  รถเช่าที่จองไว้ดิฉันระบุไว้ว่าจะรับที่สนามบินเมืองซาเกรบและส่งคืนที่สนามบินซาเกรบ  ในโถงของสนามบินมีตัวแทนบริษัทรถเช่ามากกว่ายี่สิบบริษัท  เดินหาบริษัทที่ดิฉันทำจองมา  ไปถึงเจ้าหน้าที่บอกไม่ใช่ บริษัทที่ยูหาอยู่ที่ชั้นสอง....แล้วทำไมชื่อเหมือนกัน..ไม่เข้าใจ!!

....ให้ลูกสาวเฝ้ากระเป๋าดิฉันก็ไปดำเนินการเรื่องรถ  ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ  จนท.บริษัทรถเช่าบอก  เอกสารเสร็จแล้วยูไปรอตรงด้านนอกประตูทางออกได้เลย....ลืมบอกไปว่าเดี๋ยวนี้ดิฉันขับรถเลนขวาคล่องปรื๋อแล้วนะคะ....

....รถมาส่ง  ตรวจสภาพกันเสร็จ  ไม่โอ้เอ้เพราะเค้าไม่ให้จอดนาน  ขึ้นรถปรับเบาะปรับกระจกขับออกทันที....อ้าว! แล้วจะไปกันอย่างไรยังไม่ได้เอาจีพีเอสออกมาตั้งกันเลย  เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางอยู่ท้ายรถ!!

....มองข้างทางหาที่จอดรถ  จะจอดมั่วๆแบบบ้านเราก็ไม่ได้  ตัดสินใจมีป้ายบอกเข้าเมืองไปได้ทั้งซ้ายทั้งขวา  ถนัดซ้ายเลยเลี้ยวซ้าย  ขับไปมองหาที่จอดไป  มีลานกว้างด้านขวาเบนรถเข้าไปจอดทันที  เอาจีพีเอสออกมาตั้งค่า 

....จีพีเอสบอกว่าให้กลับไปทางเดิมที่ขับมา  ที่แท้เข้าเมืองของเราต้องเลี้ยวขวา  ขับตามจีพีเอสไปเรื่อยๆ  ขับไปเหวอไปเพราะรถยังไม่คุ้นมือมาถึงก็ต้องขับเข้าเมืองหลวงเลย  โชคดีที่เป็นวันหยุดการจราจรของซาเกรบที่มีประชากรเพียง(เกือบ)เจ็ดแสนคน  จึงดูเบาบางช่วยให้ดิฉันเหวอไม่มากนัก  จีพีเอสนำทางได้ดีมากซอกซอนถนนเล็กถนนน้อยเข้ามาจนถึงกลางเมือง  ในที่สุดก็ถึงที่พักที่จองเอาไว้

....ดิฉันจองที่พักราคาไม่สูงนักดูเอาว่าเหมาะสมกับการมีที่นอนและที่อาบน้ำสบายๆเอาไว้  ที่สำคัญต้องสะอาด  ต้องมีเน็ทเพื่อเอาไว้ใช้ติดต่องานหรืออะไรต่ออะไรได้ยามจำเป็นและเพื่อบันเทิงก่อนนอน  และที่จำเป็นมากต้องมีที่จอดรถเพราะดิฉันดั๊นทำเก่งเช่ารถขับเที่ยวเองที่โครเอเชีย!!!

พักที่นี่  ที่ตึกสีเหลืองนั่นแหละค่ะ  มีที่จอดรถจำกัดมาก  ไม่ขอไว้ก่อนไม่มีที่ให้จอดแน่ๆ

....ตอนที่ตั้งค่าใช้จ่ายเพื่อขออนุมัติกับสปอนเซอร์นั้น  ดิฉันเอาค่าครองชีพของมาเซโดเนียเป็นหลัก  เพราะคิดว่าจะไปมาเซโดเนีย  แต่ตอนที่เปลี่ยนแผนมาโครเอเชียนั้นยังไม่ทันได้คำนวณหรือศึกษาค่าครองชีพ  จึงได้ค่าใช้จ่ายมาในเรทค่าครองชีพของมาเซโดเนีย  ซึ่งพอมาจริงๆแล้วดูว่าค่าครองชีพที่โครเอเชียสูงกว่ามาเซโดเนียนิดหน่อย  ดังนั้นเลยต้องวางแผนการใช้เงินให้ดีๆเพื่อไม่ให้เกินงบประมาณที่ได้มา 

....ถึงที่พักก็ค่ำแล้วแต่ยังสว่างอยู่  จึงชวนกันออกไปหาอาหารเย็น  ไม่ได้เอารถออกเพราะยังไม่ค่อยชินกับรถและสภาพบ้านเมือง  อีกทั้งที่จอดรถก็หายาก(มาก)  เดินไปใกล้ๆพอแค่สำรวจเส้นทาง  แล้วก็ตัดสินใจซื้ออาหารง่ายๆเข้ามานั่งทานกันในห้อง  ทานอาหารไปศึกษาเส้นทางวางแผนกันไปว่าภายในเวลาที่เหลือจะไปที่ไหนกันดี

ละแวกที่พัก  อยู่ในถนนเล็กๆต้องเดินนิดหน่อยจึงถึงถนนใหญ่

ถนนเมนเป็นถนนสายหลักเข้ากลางเมืองที่เป็นเมืองเก่า  ตึกรามบ้านช่องที่นี่เก่าๆแบบนี้เพราะเป็นเมืองเก่าแก่  แต่น่ามองน่าชมมาก 

ถนนสายหลักวิ่งเข้ากลางเมืองเก่ามีทั้งรถยนตร์รถรางวิ่งด้วยกันได้  รถรายังดูไม่คับคั่งวิ่งสบายๆเดินก็สบาย 

....ลำบากใจนะคะเพราะไหนๆก็มาแล้วก็อยากไปเสียให้หมดทุกที่ในโครเอเชีย....ผลสรุปออกมาว่าวันรุ่งขึ้นเราจะเที่ยวในเมืองซาเกรบให้หมด  แล้ววันต่อไปก็ขับรถแวะเมืองต่างๆไปเรื่อยๆแล้วไปหยุดพักที่เมือง Trogir เมืองเล็กๆทางใต้ของโครเอเชีย  เมื่อถึง Trogir แล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าจะไปต่อที่ไหน  รอดูสถานการณ์วันต่อวันก่อน  สรุปดังนั้นก็จองโรงแรมที่ Trogir กันคืนนัันแหละค่ะ  ว่ากันคืนต่อคืนไปเลยค่ะ

....วันต่อมาที่ซาเกรบเมืองหลวงโครเอเชีย  ดิฉันชวนลูกนั่งรถรางเข้ากลางเมืองซึ่งเป็นเมืองเก่า  ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวก็อยู่รอบๆบริเวณเมืองเก่านี่แหละค่ะ  สามารถเดินถึงกันได้หมด....จำเป็นต้องเก็บให้หมดเพราะวันรุ่งขึ้นเราก็จะออกเดินทางไปพักที่ Trogir กันแล้ว

....ซาเกรบน่าอยู่มากค่ะ  สองคนแม่ลูกคุยกันว่าถ้าเราได้มาประจำที่โครเอเชียนี่คงจะมีความสุขมากๆ  แต่ที่โครเอเชียไม่มีสถานทูตไทยนะคะ  มีแต่สถานกงศุลซึ่งอยู่กลางเมืองเลย  ใจกลางเมืองของซาเกรบเป็นเมืองเก่า  รถรางหลายสายวิ่งเข้ามาจอดกลางเมือง  ค่ารถรางเข้าเมืองคนละ 12 คูน่า  ซื้อตั๋วรถรางได้ตามซุ้มหนังสือ  ร้านค้าเล็กๆและซุปเปอร์มาเก็ตทั่วๆไป

....บนรถรางไม่มีใครมาตรวจว่ามีตั๋วหรือเปล่าคล้ายๆกับหลายที่ในยุโรป  จริงๆแล้วมีนะคะแต่ส่วนใหญ่จะนานๆที  ถ้าใครไม่มีตั๋วก็ทั้งปรับทั้งอายแหละค่ะ  ตามหลักปฎิบัติแล้วก็ควรซื้อตั๋วเพื่อรักษากฎกติกามารยาทและวินัย  ทั้งเพื่อสังคมและตนเอง  สำหรับดิฉันแล้วที่สำคัญคือเพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกปฎิบัติตามต่อไปในอนาคต

....ซาเกรบมีของดีให้ดูเยอะนะคะ  แต่เราสรุปกันว่าจะเดินเฉพาะในเมืองเก่า  มาโครเอเชียเป็นครั้งแรกอยากดูกว้างๆเป็นภาพรวมคงจะไม่เข้าพิพิธภัณฑ์  เพราะเดือนที่ผ่านมาไปเดินแต่พิพิธภัณฑ์ในอเมริกามาจนเกือบเอียนกลิ่นอายของพิพิธภัณฑ์ก็ยังไม่จางไปจากตัว  เอาไว้มีโอกาสมาอีกค่อยว่ากัน....

....ใจกลางเมืองซาเกรบมีจตุรัส Ban Jelacic (พิมพ์อาจเพี้ยนเพราะเป็นภาษาโครเอเชีย) สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1641  รถ(ราง)(เกือบ)ทุกสายวิ่งเข้ามาที่นี่  จัตุรัสนี้เป็นศูนย์กลางของเมืองซาเกรบ เป็นที่พบปะสังสรรค์  งานรื่นเริงหรือเฉลิมฉลองต่างๆก็จะจัดกันที่นี่ 

มุมหนึ่งของจตุรัส Ban Jelacic

....กลางจตุรัสมีรูปหล่อ Ban Josip บนหลังม้า  กล่าวว่ามีมาตั้งแต่ ค.ศ.1866 เป็นรูปหล่อของนายพลท่านหนึ่งในกองทัพออสเตรีย  ซึ่งเป็นผู้ว่าการ(Governor)โครเอเชียในอดีต  ท่านเป็นหนึ่งในวีรบุรุษของโครเอเชีย  ซึ่งเป็นที่รักและศรัทธาของชาวโครเอเชียน  เพื่อเป็นการระลึกถึงท่านนอกเหนือจากรูปหล่อกลางใจเมืองแล้ว  ยังนำภาพของท่านไปพิมพ์ลงบนธนบัตรมูลค่า 20 คูน่า อีกด้วย....ดิฉันยังมีธนบัตรคูน่าเก็บไว้แต่ไม่มีฉบับละ 20 คูน่า เก็บเอาไว้เลย

.... รูปหล่อ Ban Josip นั้นตอนที่ติดตั้งครั้งแรกได้หันหน้าไปทางทิศเหนือ  ซึ่งเป็นการหันหน้าเข้าตึกและหันหลังให้ลานจตุรัสและถนนสายหลัก  แต่ภายหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยจัดให้รูปหล่อหันหน้ามาทางทิศใต้เพื่อความสมดุลย์และสวยงาม

รูปหล่อ Ban Josip  ตอนนี้หันหลังให้ตึกแล้ว

คนที่นี่มักจะนัดพบกันที่หางม้า

รถรางหลายสายมุ่งสู่กลางเมืองเก่า

....สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างที่จตุรัส Ban Jelacic คือบ่อน้ำพุ Mandusevac ที่สร้างเหนือบ่อน้ำพุธรรมชาติ  ที่ชาวซาเกรบใช้ดื่มกินกันมาแต่ดั้งเดิมจนถึงปลายศตวรรษที่ 19

บ่อน้ำพุ Mandusevac

....มีบันทึกเก่าแก่ว่าลานน้ำพุแห่งนี้เป็นลานประหารเหล่าแม่มดในยุคก่อนๆ  และยังมีเรื่องเล่าขานกันมาว่าบ่อน้ำพุแห่งนี้มีความเชื่อมโยงกับชื่อของเมืองซาเกรบ Zagreb ดังนี้....กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีผู้นำศึกสงครามชาวโครเอเชียนท่านหนึ่งเดินทางกลับมาจากการทำสงคราม  ท่านรู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยและหิวกระหายเป็นกำลัง  จึงขอให้สาวสวยนางหนึ่งชื่อว่า Manda ไปตักน้ำจากบ่อน้ำพุมาให้ท่านดื่มกิน....ภาษาโครเอเชียนคำว่า"ตักน้ำ" คือ "zagrebiti"   และบ่อน้ำพุแห่งนี้ก็เลยได้ชื่อว่า  Mandusevac ตามชื่อของสาวสวย  ส่วนเมืองก็ชื่อว่า "Zagreb" ตามคำว่า "ตักน้ำ" ในภาษาโครเอเชียน....เรื่องของเรื่องก็มีมาเช่นนี้....

....มาว่ากันต่อเรื่องของเมืองซาเกรบเอนทรีหน้านะคะ....สวัสดีค่ะ

..............................................................

เกี่ยวกับโครเอเชีย  แปลมาจากข้อมูลบางส่วนในวิกิพีเดีย

****โครเอเชียนั้นแต่ก่อนเคยเป็นสาธารณรัฐในประเทศยูโกสลาเวีย(ปัจจุบันไม่มีประเทศยูโกสลาเวียแล้ว)  แต่ได้รับเอกราชในปี พ.ศ.2534 และได้สมัครเพื่อเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ในอนาคต  ชาวโครเอเชียได้ร่วมกันลงประชามติรับรองการเข้าเป็นสมาชิก EU ซึ่งจะมีผลในกลางปี ค.ศ.2013 ซึ่งจะได้เป็นสมาชิกลำดับที่ 28 (ดิฉันว่าได้เข้าแน่ๆค่ะประเทศเค้าดีผู้คนเค้าดีค่ะ)

****โครเอเชียมีภูมิประเทศที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป....เช่น ทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ  จะเป็นที่ราบ  ทะเลสาบและเนินเขา  บางส่วนจะเป็นภูเขาที่มีป่าไม้หนาแน่น  ส่วนชายฝั่งทะเลเอเดรียติคก็เป็นชายฝั่งที่เป็นภูเขาสูงและโขดหิน  (นี่พึ่งอ่านเอามาเขียนนะคะ  เที่ยวโดยไม่ค่อยรู้เรื่องทำให้สนุกสนาน  ถ้าอ่านก่อนเที่ยวคงจะเที่ยวไม่สนุกแน่ๆเลยค่ะ)

****ทางด้านเศรษฐกิจ  ในบรรดาสาธารณรัฐที่เคยอยู่ภายใต้สหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย  โครเอเชียมีสถานะเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี  เป็นรองเพียงสโลวีเนีย (สโลวีเนียได้เข้าร่วม EU ไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนค่ะ)  รายได้ส่วนใหญ่ของโครเอเชียมาจากการท่องเที่ยว (สมควรค่ะเพราะประเทศสวยมาก  การต้อนรับนักท่องเที่ยวก็ดีมาก)  ทำให้ในปัจจุบันโครเอเชียจึงยังคงสภาวะเศรษฐกิจที่ดีกว่าประเทศอดีตสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวียส่วนใหญ่  นอกจากสโลวีเนีย ไว้ได้ (ประเทศอดีตสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย มีสโลวีเนีย..บอสเนียเฮอร์เซโกวีน่า, มาเซโดเนีย, มอนเตรเนโกร, เซอร์เบีย ซึ่งมีโคโซโว กับ Vojvodina เป็นเขตการปกครองส่วนหนึ่งของเซอร์เบีย)  

****โครเอเชียมีประชากรประมาณ 4.5 ล้านคน  ในซาเกรบมีประมาณ เจ็ดแสนคน 

.............................................................