*/
<< | พฤษภาคม 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 |
เช้าวันใหม่ พวกเรารีบเดินทางไปหัวลำโพง (Hauptbahnhof) แห่งเมือง "Frankfurt am Main" เพื่อขึ้นรถ ICE ไป "Munich" ในแคว้น Bavaria ได้เห็นบรรยากาศของผู้ที่มานั่งรอขึ้นรถไฟ ซึ่งการตรงต่อเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าช้าไม่ได้แม้เพียงนาทีเดียว ก็อาจตกรถไฟได้ จั่วหัวว่า "นั่งรถ ICE ไป Munich" กลัวว่าจะเข้าใจผิดว่า คิดไปว่าพวกเราโบก "รถส่งน้ำแข็ง" หรือนั่ง "รถไฟหวานเย็น" ถึงก็ช่าง ... ไม่ถึงก็ช่าง แต่ "ICE" ในที่นี้ จะย่อมาจากคำว่า "Intercity-Express" หรือ รถด่วนที่แล่นระหว่างเมืองนั่นเอง เอกสารที่พิมพ์จากการจองตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ต โดยเป็นตั๋วรวมการเดินทางสำหรับ 5 คน ไป-กลับ ระหว่างเมือง Frankfurt และ Munich ซึ่งสัญลักษณ์ [DB] สีแดงที่เห็นนั้น คือ Deutsche Bahn AG ถือเป็นบริษัทผู้ให้บริการรถไฟของประเทศเยอรมัน ... สังเกตกรอบสี่เหลี่ยม และมีจุดๆ ในนั้น คือ "Maxicode Barcode" ซึ่งเป็นบาร์โค๊ดชนิดหนึ่ง เราอาจไม่คุ้นเคยในบ้านเราซึ่งมักใช้เป็นแถบเส้นทั้งนั้น และที่สำคัญคือ ผู้ที่จองตั๋วด้วย Credit Card ใบไหน ต้องนำมาประกอบกับเอกสารใบนี้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจตั๋วบนรถไฟพร้อมเครื่องอ่านบัตร ซึ่งรถไฟออกจากชานชาลาของแฟรงค์เฟิร์ตในเวลา 08.54 น. ไปถึงสถานีรถไฟที่เมืองมิวนิค ในเวลา 12.04 น. เป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 300 ก.ม. ต่อชั่วโมง เมื่อรถไฟแล่นออกจากสถานี เราก็มองเห็นตึกระฟ้าของเมือง Frankfurt ในอีกมุมมอง รถไฟยังแล่นบนสะพานข้ามแม่น้ำ Main ที่เพิ่งนำเสนอไปในเอนทรีที่แล้ว ซึ่งพาเดินชมบนสะพานที่มองเห็นนั้น ... ขอไปเที่ยวมิวนิคซัก 3 วัน แล้วค่อยกลับมาแฟรงค์เฟิร์ตอีกครั้ง รถไฟเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ และมองเห็นความสวยงามจากข้างหน้าต่างทั้ง 2 ฝั่ง มองเห็นทุ่งสีเหลือง ซึ่งเป็นพืชที่ใช้ทำน้ำมัน ยังกับใครมาละเลงสีข้างหน้าต่าง เป็นความงามที่มีคุณค่า เพราะได้ประโยชน์ทั้งการบริโภค รวมทั้งเป็นอาหารตาอีกด้วย มองเห็นบ้านเรือนต่างๆ อาจถือได้ว่าอยู่นอกเมืองใหญ่ และมีอาชีพทางเกษตรกรรม ก็ไม่ต่างกับบ้านเรา แต่ได้เห็นความเขียวชอุ่มแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดิน ด้วยความซุกซน ขอพาไปดูทางด้านหน้าของรถไฟ และดูบรรยากาศภายในรถซักหน่อย มองเห็นที่นั่งคนขับรถไฟ คล้ายกับที่นั่งของคนขับยานอวกาศในหนังสตาร์วอร์มั้ยเนี่ย! หากมองออกไปนอกหน้าต่าง ในความเร็วประมาณ 300 ก.ม. ต่อชั่วโมง ภาพที่เห็นก็จะเป็นแบบนี้ แต่ละโบกี้ จะมีประตูกระจกเปิด-ปิดอัตโนมัติกั้นอยู่ และไม่พลาดที่จะใช้บริการสุขา ซึ่งสะอาดคล้ายกำลังใช้บริการอยู่บนเครื่องบิน ป้ายบอกข้อมูลข่าวสาร และความเร็ว ... เหลือเพียง 8 นาที ก็จะถึงจุดหมายแล้ว ซึ่งผมเคยไปลองนั่งรถไฟแม่เหล็ก (Maglev) ที่ความเร็ว 431 ก.ม. ต่อชั่วโมง ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มาแล้วซึ่งก็สร้างขึ้นในประเทศเยอรมัน แล่นจากตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ไปสนามบินผู่ตง ในเวลาเพียง 7 นาที และฝากไว้ในเอนทรี "เยี่ยมเยือนแดนมังกร ตอนที่ 14 : รถไฟแม่เหล็ก (Maglev Train) แห่งเมืองเซี่ยงไฮ้" แต่สำหรับรถไฟขบวนนี้ แม้จะแล่นช้ากว่า นั่งนานกว่า แต่ก็นั่งนุ่มสบายและเพลิดเพลินได้ตลอด 3 ชั่วโมง เพื่อนที่ทำการจองตั๋วรถไฟ ได้เลือกที่นั่งแบบหันเข้าหากัน พร้อมมีโต๊ะตั้งวางคั่นกลาง เราจึงกินขนมและดื่มกาแฟ illy หอมกรุ่น แกล้มกันวิวนอกหน้าต่าง หลังจากนั้นก็หยิบ Netbook แล้วก็นำภาพถ่ายในวันแรก มาเปิดดูกัน นอกจากนี้ บนรถไฟมีปลั๊กให้เสียบได้ หรือจะใช้บริการอินเตอร์เน็ตก็ยังได้ ... งานนี้มีภาพก๊วน 5 พาตลุยซักที โดยผมหยิบกล้องรูป กดถ่ายไปยังเงาบนกระจกของรถ ICE นั่นเอง เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก ... เราก็มาถึงหัวลำโพงแห่งเมือง Munich กันแล้ว หันไปมองดูระหว่างขบวนรถไฟ ที่ส่วนหัวรถไฟจะยึดติดด้วยพลังแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อต่อกันเป็นขบวนยาวระหว่างการแล่นไปบนราง ทำให้ขบวนรถไฟยาววววววววว มาก และนี่ก็คือ หัวขบวนรถไฟ ICE ที่พวกเราโดยสารมา ระหว่างรอเพื่อนไปดูตารางเวลา เพื่อไว้ซื้อตั๋วรถไฟไปยังเมือง Fussen ในพรุ่งนี้เช้า และบริเวณนี้จะเห็นตู้ขายตั๋วอัตโนมัติเต็มไปหมด ... ไม่ใช่ ตู้สล๊อตแมชชีน นะครับ เกือบถึงประตูทางออกจากสถานี เหลือบไปเห็นร้านดอกไม้ เลยขอบันทึกภาพความเรียบง่าย แต่ดูสบายตามาฝาก พอพ้นประตูสถานีรถไฟ ก็มองเห็นห้างสรรพสินค้า KARSTADT ตั้งอยู่ตรงหน้า เราลากกระเป๋าไปยังโรงแรม ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟไปเพียง 2 บล๊อก เพื่อเช็คอินกันก่อนออกไปเที่ยวกันในช่วงบ่าย เห็นแผนที่และเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวในมือผมมั้ย ... อดใจอีกนิด จะพาไป "ตลุยเมืองมิวนิค" ในตอนต่อไป คอยมาติดตามให้ได้นะครับ เร็วๆ นี้ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |