ศาลรัฐธรรมนูญเข้าข้างทหาร

                  สถานการณ์การเมืองไทยตอนนี้ มีเรื่องคล้ายกับอียิปต์คือมีศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในทัศนะผมนั้นผมคิดว่าเมืองไทยเราเดินทางมาไกลกว่าอียิปต์มากนักในเรื่องประชาธิปไตย และเราก็มิได้เป็นตัวจักรสำคัญมากนักในโลก ที่สามารถสร้างความหวั่นไหวแก่โลกได้ 

                  คำว่าโลกในที่นี้ ดูเหมือนจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ อเมริกา ซึ่งมีอิสราเอลควบคุมอยู่โดยผ่านองค์กรต่างๆ ทั้งในรูปแบบการกุศล กลไกของรัฐและการเงินเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในอเมริกา ส่วนตัวผันแปรในเอเชีย ก็มีจีนและรัสเซีย เป็นตัวแปรที่จะทำให้อเมริกาหวั่นไหวบ้าง

                 ตอนที่เกิดเรื่องอาหรับสปริง ที่มีการประท้วงกันไปทั่วนั้น หลายสำนักข่าวต่างมุ่งไปในประเด็นที่คล้ายกัน คือ ประเทศเหล่านี้ถูกครอบงำด้วยระบบศาสนาและความเชื่อแบบอิสลาม และผู้นำเผด็จการ สองเรื่องนี้ในทัศนะของคนมุสลิมที่เข้าใจในเรื่องศาสนาอยู่บ้างนั้นค่อนข้างจะอยู่รวมกันไม่ได้ เพราะ ความเชื่อในระบบอิสลามนั้นหากประชาชนแถบอาหรับและใกล้เคียงพึงพอใจ พวกเขาก็คงไม่มีเรื่องขัดแย้งกับผู้นำนักหากผู้นำของเขาอยู่ในแนวทางเดียวกัน แต่ประเด็นก็คือ ผู้นำทั้งหมดที่หลุดออกจากอำนาจไปเช่นทั้งในตูนีเซีย อียิปต์ ผู้นำของสองประเทศนี้ถูกหนุนจากตะวันตกอย่างเต็มที่เพราะคนเหล่านี้ต้องการที่จะลำลายระบบอิสลามที่ฝังรากอยู่ในประชาชนอย่างแน่นหนามายาวนานแต่อดีต จึงอาจสรุปได้ว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องกำมะลอของคำนามหนึ่ง ที่อเมริกาและอิสราเอลสร้างขึ้นให้เป็นวาทะกรรมของโลกผ่านคำว่า อิสรภาพ เสรีภาพ ภารดรภาพ เพราะในขณะที่ผู้นำเผด็จการเหล่านี้เข่นฆ่าประชาชนด้วยอาวุธรถถังกำลังทหาร เราจะเห็นได้ว่าพวกเขาต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวจนได้ชัยชนะด้วยคำว่าประชาธิปไตยที่ต้องการล้มเผด็จการ โดยไม่มีสหประชาชาติหรืออเมริกาช่วยเหลือ ทั้งๆที่อเมริกานาโต้ยุโรปเคยร่วมกันยื่นมือเข้าไปช่วยอีรัค อัฟกา ลิเบีย อย่างสุดกำลังแม้จะขัดต่อมติสหประชาชาติมาแล้ว โดนอ้างว่าจะมอบอิสรภาพ เสรีภาพและประชาธิปไตยแก่คนเหล่านี้

                    ในอียิปต์นั้น มูบารัคฆ่าคนมือเปล่าตายไปหลายพันคน เสียงประชาชนทั้งประเทศต่างก็ก่นด่าไม่เอาผู้นำเผด็จการท่านนี้มานานนัก เพราะแกเป็นผู้นำที่นิยมตะวันตกเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีความเคร่งครัดใดๆในเรื่องศาสนา อิสลามเอาเสียเลยทั้งในด้านส่วนตัวและส่วนรวม เป็นที่น่ารังเกียจแก่ผู้เคร่งครัดอิสลามในอียิปต์มาช้านาน แต่แกคิดว่าจะไปแคร์อันใดกับเสียงนกเสียงกากระจอกๆของประชาชนพวกนี้เล่า เพราะตนนั้นมีอเมริกาหนุนอยู่ มุบารัคและครอบครัวเข้าเกาะกุมอำนาจรัฐและการทหารมานานหลายทศวรรษ

                   แต่สุดท้ายเสียงประชาชนก็ทำให้ฯพณฯ ท่านคว่ำลงจากบัลลังก์อย่างไม่เป็นท่า แม้แต่อเมริกาก็ยื่นมือเข้าช่วยไม่ได้ทั้งๆที่ปล่อยให้แกใช้กำลังเข่นฆ่าประชาชนไปมากมายแล้วก็ตาม แต่ข่าวที่ออกมาให้ชาวโลกได้รับก็คือ ประชาชนเกลียดเผด็จการต้องการประชาธิปไตย ตานี้ฯพณฯท่านมุบารัคและครอบครัวก็ต้องล่องจุ้นไปแบบถูกถีบหัวส่ง ช่วยสร้างภาพอันดีแก่ระบบที่อเมริกาและสหประชาชาติเชิดชู เป็นภารกิจสุดท้าย

                  คนอียิปต์นั้นฝังใจกับทหารมาอย่างที่คนไทยนึกไม่ออกหรอกครับ ถึงขนาดที่เมื่อทหารขึ้นรถเมล์คันเดียวกับประชาชนนั้น ท่านสุภาพบุรุษทั่วไปหรืออาจจะรวมไปถึงสุภาพสตรีที่แข็งแรงต่างก็เต็มใจที่จะลุกขึ้นสละที่นั่งให้ทหารหาญนั้นได้นั่ง ไม่ใช่เพราะกลัวนะครับ แต่เป็นจารีตที่ปลูงฝังมาแต่ก่อนตั้งแต่สมัยเมื่อ ห้าหกสิบปีที่แล้ว ที่อียิปต์ในยุคท่านนายพลนัสเซอร์ ประกาศสงครามกับอิสราเอลและพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็วแค่อาทิตย์เดียว ตัวท่านนายพลก็กลับมาตรอมใจตายไป ส่วนตัวทหารหาญจำนวนมากก็ไปจบชีวิตในสงครามนี้ ทหารที่เหลือก็ได้รับอานิสงค์ ที่ประชาชานเห็นใจสงสารฝังใจจนถึงทุกวันนี้

             เรื่องลึกลับหนึ่งในความเป็นศัตรูกับอิสราเอล ของท่านนายพลนัสเซอร์ ตามด้วยอันวาร์ซาดัด ตามด้วย ฮอสนี่มุบารัคนั้นก็คือ คนเหล่านี้ ไม่มีความเคร่งครัดในศาสนาเลย ทั้งๆที่ภาพที่ป้อนให้มุสลิมและผู้คนทั่วโลกนั้นเสมือนพวกเขาเป็นตัวแทนของมุสลิมทั่วโลก คนเหล่านี้พยายามเปลี่ยนอียิปต์ให้เป็นไปตามที่ตะวันตกต้องการ และทำลายล้างความเชื่อด้านการเมืองแบบอิสลามออกไปจากประเทศตน สร้างคำขวัญเรื่อง ชาตินิยมอาหรับ และชาตินิยมในขอบเขตประเทศตนให้เกิดขึ้น มันได้ผลอย่างมากมายชนิดที่คนอียิปต์ที่ว่าไปแล้วก็เป็นพวกอัฟริกา หลงใหลได้ปลื้มกับความยิ่งใหญ่ของคำว่า ชาตินิยมอาหรับ เพราะพวกตนพูดอาหรับ และชาตินิยมอียิปต์เพราะพวกตนนั้นมีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่และมีกองทัพอันเกรียงไกร ความเป็นอาหรับนั้นทำให้ มุสลิมในโลกบางคนก็พลอยหลงไปกับคำๆนี้และเตลิดไปจนถึงเอาอดีตอันรุ่งโรจน์ของอิสลามที่เกิดในกลุ่มชนอาหรับ เอามาค้ำจุนความเชื่อในเรื่องศาสนาไป แต่พวกเขาลืมนึกไปว่า คำว่าชาตินิยมอาหรับนั้น มันเป็นเรื่องของเผ่าพันธุ์ ที่มันทำลายความเป็น ประชาชาติอิสลาม จนแท่บล่มสลายไป เพราะอิสลามนั้นไม่ได้แยกผู้คนผิวพันธุ์หรือภาษาออกจากกัน แต่อิสลามนั้นรวมประชาชาติเข้าด้วยกัน ตามที่ท่านศาสดามูฮัมหมัดได้กล่าวไว้ว่า “คนที่ไม่ใช่อาหรับหาได้ดีเลิศไปกว่าอาหรับไม่ และคนอาหรับก็หาได้ดีเลิศกว่าคนอื่นไม่ สิ่งที่วัดความต่างกันนั้นอยู่หัวในของมนุษย์ที่มีความยำเกรงต่อพระเจ้า”

                  พวกที่ฉุกคิดเรื่องนี้ได้ก็คือ กลุ่มภารดรภาพมุสลิม ที่นำโดย ฮาซัน อัลบันนา นักการศาสนาของอียิปต์ที่รวมผู้มีแนวคิดในเรื่องภารดรภาพมุสลิมเข้าด้วยกันทั่วโลก และส่งนักรบเข้าไปช่วยชาวปาเลสไตน์ต่อต้านอิสราเอลอย่างได้ผลมากที่สุดในประวัติศาสตร์แนวราบ แต่คนเหล่านี้ กลับถูก เข่นฆ่าในแบบลอบสังหารหรือใช้อำนาจรัฐของอียิปต์ยัดความผิดเอาตัวไปประหาร ผ่านรัฐบาลของนัสเซอร์ ซาดัด และ มูบารัค ไปเป็นจำนวนมากมาย และถูกจับขังคุกอย่างไร้เหตุผลมาหลายทศวรรษนับหมื่นคนเพราะรัฐระแวงว่าพลังของกลุ่มนี้จะมายึดอำนาจของรัฐไป

                   ความอยุติธรรมของเผด็จการแห่งอียิปต์เหล่านี้ อเมริการู้ดีมาหลายสมัยเช่นกัน เพียงแต่คนเหล่านี้เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้อียิปต์ ยอมรับและไม่มีนโยบายคุกคามอิสราเอล ในเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมาโดยการสืบทอดอำนาจเผด็จการต่อกัน เราจะเห็นได้ว่าแม้ที่อียิปต์ไม่มีประชาธิปไตยมายาวนาน ตะวันตกก็ไม่แยแสใดๆ ประชาชนอียิปต์ในช่วงนั้นต้องการการเลือกตั้งไม่ใช่โง่ไม่รู้เรื่องประชาธิปไตยที่แผ่ขยายมามากกว่าสี่สิบปี เพียงแต่อเมริกาและอิสราเอลพอใจให้อียิปต์อยู่ในระบบเผด็จการที่อยู่ในอาณัติของตน เพื่อค้ำประกันความมั่นคงแก่อิสราเอลในตะวันออกกลาง

                      วันนี้ มูบารัค และครอบครัวถูกประชาชนขับไล่ และต้องการให้เอาตัวมาประหารชีวิตเสียจากความผิดในอดีตและการฆ่าผู้ประท้วงนับพันคนที่เพิ่งผ่านไป แต่แกก็ชิงหัวใจวายไปแบบคลุมเครือเสียก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นกลุ่มภารดรภาพมุสลิม(Muslim Brotherhood) ก็ยังมิได้ล่มสลายไปไหนมีคนสืบทอดอุดมการณ์มาตลอดเพราะนักวิชาการศาสนาในกลุ่มนี้เขียนหนังสือไว้มากมาย จนเป็นแรงผลักดันให้คนรุ่นหลังได้รวมตัวและมีแกนความคิดอย่างเช่น งานเขียนของ ไซยิด กุตุบ ก่อนที่ท่านจะถูกตัดสินประหารชีวิตท่านได้เขียนตำราที่แข็งแรงไว้มากมายในหลายสาขาวิชา

                   ในที่สุด ก็มีการเลือกตั้ง ปรากฏว่า ดร. มูฮัมหมัด มูรซี จากกลุ่มภารดรภาพมุสลิมที่ผันตัวมาตั้งพรรคตามระบบประชาธิปไตยได้รับเลือก ชนะนายอะหมัด ชะฟีก ที่ค่ายตะวันตกและฝ่ายทหารอียิปต์ลูกน้องมุบารัคส่งเข้าประกวด ในรอบแรก ในขณะที่นาย มุรซี ประกาศชัยชนะ ศาลก็ออกมาบอกว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ ทหารก็เข้ามายึดอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ในเวลานั้นทหารก็เข้ามาแก้ไขอำนาจของประธานาธิบดีบางอย่างที่เคยมีอย่างเต็มเปี่ยมในสมัยมูบารัค ให้ลดอกนาจลง แล้วก็ประกาศให้เลือกตั้งกันใหม่ ประชาชนก็ออกมาประท้วงกันแน่นถนน สหรัฐผู้พิทักษ์ประชาธิปไตยและสหประชาชาติ ก็ได้แต่แสดงบทบาทผู้สังเกตการณ์หาได้ทำอันใดไม่  มีนัยยะว่าเป็นเรื่องภายใน แม้เสียงประชาชนส่วนใหญ่จะออกมาเรียกร้องความยุติธรรมและประชาธิปไตยที่อเมริกาสั่งให้เชิดชูก็ตาม ต่างกับสถานการณ์ในลิเบีย เป็นอย่างยิ่งที่สหรัฐกระเหี้ยนกระหือจะถล่มรัฐบาลลิเบียให้ได้ทั้งๆที่เหตุการณ์ยังไม่รุนแรงเท่าอียิปต์

                 เลือกตั้งใหม่ ดร. มุรซี  จากการหนุนของกลุ่มภารดรภาพมุสลิมก็ได้รับการเลือกตั้ง ชนะนาย อะห์หมัด ชะฟีก อีกรอบหนึ่ง ฝ่ายทหารอียิปต์และอเริกาก็เลยทำอันใดไม่ได้ ประชาชนก็ออกมาโห่ร้องด้วยความยินดี ที่พรรคการเมืองที่กลุ่มภารดรภาพอิสลามหนุนได้ชัยชนะอย่างบริสุทธิ์ ประชาชนก็กลับไปอยู่ในที่ตั้งโดยสงบอีกครั้งหนึ่งรอให้รัฐบาลจัดการเปิดสภาบริหารประเทศ ในนามของคำว่าประชาธิปไตย ที่ประชาชนชาวอียิปต์ออกมาเรียกร้องทั้งชายหญิง เสมือนภาพที่ขัดแย้งกับที่สื่อตะวันตกที่เคยประโคมข่าวว่า ประเทศอิสลามนั้นผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ถูกลิดรอนสิทธิ์ต่างๆนานาๆในนามของศาสนานี้ แต่คราวนี้กลับไม่มีใครสนใจพูดเลยว่าสตรีอียิปต์ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับบุรุษไม่แพ้ที่ใดในโลกอันน่าจะหยิบยกมาเป็นตัวอย่างคัดค้านกับบางเรื่องที่สื่อตะวันตกเคยโจมตี “น่าแปลกไม๊ครับ” ทั้งๆที่ภาพเหล่านั้น ในวงการมุสลิมต่างก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่คนอียิปต์ปล่อยให้ผู้หญิงออกมาเรียกร้องและเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นเพราะขัดต่อศาสนาอิสลามที่ให้บุรุษนั้นปกป้องสตรีมิให้ออกมาทำเรื่องเช่นนี้  ซึ่งคราวที่แล้วที่ประชาชนโดนฆ่าไปนับพันนั้นผู้หญิงบางคนก็โดนข่มขืนในสถานการณ์อันวุ่นวายนั้น แต่อย่างที่ว่าละครับ อียิปต์นั้นแม้จะมีภาพเป็นประเทศอิสลามแต่ความการเป็นอยู่ของผู้คนนั้นหลากหลายไม่ต่างจากที่ใดในโลกหรอกครับแถมผู้นำก่อนหน้านี้พยายามทุกทางที่จะล้มอุดมคติอิสลามออกไป ภาพแบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดามานานแล้ว จะตีเหมาเอาภาพแบบที่สำนักข่าวตะวันตกชี้นำนั้นไม่ได้ เพราะโลกปัจจุบันการเลือกข่าวสารนั้นขึ้นอยู่กับมาตรฐานวิจารณญาณส่วนบุคคล หาใช่ระบบเหมาโหลดังแต่ก่อนไม่

                แต่พอเมื่อวานนี้ (11 กค55)ท่านประธานาธิบดีคนใหม่ ของอียิปต์ เปิดประชุมสภาครั้งแรก ศาลรัฐธรรมนูญของอียิปต์ก็ออกมาสั่งให้เลิกประชุมกลางคันบอกว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เอาละซียุ่งอีกแล้วกับคำว่าประชาธิปไตย คณะนายทหารก็เตรียมเข้ายึดอำนาจมาดูแลอีกครั้งอาจจะเตรียมตัดอำนาจประธานาธิบดีบางอย่างไปไว้ในการดูแลของทหารให้มากขึ้น ประชาชนก็ออกมาประท้วงกันเต็มจัตุรัสอีกครั้ง ความวุ่นวายก็กลับมาอีกอันเป็นที่น่าพอใจของอเมริกาและสหประชาชาติที่เฝ้ามองอย่างเงียบๆ นัยยะว่าการเมืองภายในอีกครั้งหนึ่ง

              ประเด็นที่เขียนก็คือว่า ประชาธิปไตยนั้นมีจริง ในเชิงทฤษฎี แบบกรีกตามโลกในอุดมคติเท่านั้น แต่ไม่มีจริงสำหรับอเมริกาและสหประชาชาติ ตามที่ป่าวประกาศไว้ในโลกปัจจุบัน สิ่งที่มีจริงก็คือ ผลประโยชน์และอำนาจของมหาอำนาจ ซึ่งเป็นอมตะนิรันด์กาลตลอดมาตั้งแต่มีระบบการปกครองที่มนุษย์ตั้งขึ้น ถ้าตกอยู่ในมือของคนดี มีคุณธรรมก็เป็นโชคดีของประชาชน

             หากจะถามว่า ทำไมกลุ่มภารดรภาพมุสลิมและประธานาธิบดีท่านนี้จึงประสบชะตากรรมเช่นนี้ทั้งๆที่ประชาชนส่วนใหญ่พอใจและเลือกท่านมา คำตอบก็คือ กลุ่มภารดรภาพมุสลิม เป็นปฏิปักษ์ต่ออิสราเอลมาตั้งแต่ต้นและคนในกลุ่มนี้ยากต่อการควบคุมโดยมหาอำนาจจากอเมริกาแบบเดียวกับองค์กรอัลเคดาห์ของบินลาเด็น  ประธานาธิบดีมุรซีย์ เคร่งครัดศาสนา และอยู่ในสายซุนนี่ที่มีจุดยืนชัดเจน ดังจะเห็นได้ว่า ท่านปฏิเสธสาส์นที่แสดงความยินดีของประธานาธิบดีอัซซาร์ด ของซีเรียโดยกล่าวว่า”ผู้ต่อต้านรัฐบาลในซีเรียต่างหากที่เป็นเจ้าของแผ่นดินซีเรียตัวจริง” และท่านมีแนวคิดเดียวกับประธานาธิบดีของตุรกี หากผนึกกำลังกันได้ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ต่ออิสราเอลและอเมริกาในอนาคต

              ดังนั้นประธานาธิบดีท่านนี้แม้จะมาอย่างถูกต้องในระบบที่สหประชาชาติและอเมริกาวางมาตรฐานไว้ แต่เผด็จการคนใดก็ได้ที่กุมกำลังทหารอาวุธของอียิปต์ที่เข้าข้างอเมริกา ก็สามารถล้มล้างระบบประชาธิปไตยอันถูกต้องได้ โดยอเมริกาและสหประชาติจะไม่แยแสใดๆทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าอียิปต์จะต้องถูกปกครองด้วยระบบเผด็จการต่อไป

                สิ่งหนึ่งที่เป็นอุทาหรณ์แก่ไทยก็คือ หากใครอยู่ข้างอเมริกาและยิวแล้ว ชัยชนะก็จะมาอยู่ใกล้มือขึ้น แม้มันจะไม่ถูกต้องหรือขัดต่อหลักการประชาธิปไตยที่มหาอำนาจและสหประชาติเคยวางไว้ก็ตาม