*/
<< | มิถุนายน 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 |
เมื่อดิฉันได้หนังสือ “ไม้พุทธประวัติ” อันเป็นหนังสือในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ผู้เขียนได้นำพันธ์ไม้แต่ละชนิด และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องตามพุทธประวัติ เสนอร่วมกันอย่างน่าสนใจ ดิฉันจึงเกิดความคิดอยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับพรรณไม้ในพุทธประวัติ โดยเน้นที่เหตุการณ์ตามพุทธประวัติมากกว่าพรรณไม้ ตามหลักฐานที่พอหาได้ อันอาจเป็นสาระที่สร้างความศรัทธาในพระศาสนาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จึงรวบรวมเนื้อหาจาก “สมุดภาพพุทธประวัติ” ที่วาดโดยครูเหม เวชกร ซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณฯ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) สมเด็จพระสังฆราช วัดพระเชตุพน เมื่อครั้งทรงสมณศักดิ์เป็นพระธรรมวโรดมโปรดให้วาดตามหนังสือปฐมสมโพธิ ฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส วัดพระเชตุพน หนังสือ “ไม้พุทธประวัติ” ซึ่งเรียบเรียงโดยศาสตราจารย์ ดร. พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ และหนังสือ “สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา” ซึ่งแต่งโดยเสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต เข้าด้วยกัน และเรียบเรียงระเรื่อยตามเหตุการณ์
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนิกชนบ้างตามสมควรนะคะ ........................................................................................... 1 บัว บัว เป็นดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติอยู่หลายตอน
เหตุการณ์แรก เมื่อพระโพธิสัตว์ ซึ่งต่อมาคือเจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จจากสวรรค์ชั้นดุสิตเพื่อเข้าสู่พระครรภ์พระมารดา วันที่เสด็จลงมาบังเกิดนั้น ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ( ภาพเสด็จสู่พระครรภ์พระมารดา คืนนั้น พระนางสิริมหามายา พระมาดาทรงมีพระสุบินนิมิตว่า พระนางได้เข้าไปอยู่ในป่าหิมพานต์ ได้มีช้างเผือกเชือกหนึ่ง ลงมาจากยอดเขาสูง เข้ามาหาพระนาง ปฐมสมโพธิ พรรณนาเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ว่า“มีเศวตหัตถีช้างหนึ่ง...ชูงวงอันจับปทุมชาติสีขาว มีเสาวคนธ์หอมฟุ้งตรลบ แล้วร้องโกญจนาทเข้ามาในกนกวิมาน แล้วกระทำประทักษิณพระองค์อันบรรทมถ้วนครบสามรอบแล้ว เหมือนดุจเข้าไปในอุทรประเทศ ฝ่ายทักษิณปรเศว์แห่งพระราชเทวี...” ในขณะนั้น ได้เกิดบุพนิมิตขึ้น 32 ประการ ประการที่เกี่ยวกับดอกบัวคือ มีดอกบัวปทุมชาติหรือบัวหลวง 5 ชนิด อันได้แก่ สัตตบุษย์ หรือ บัวฉัตรขาว บัวเข็มชมพู บุณฑริก หรือ บัวหลวงขาว ปทุม หรือ บัวหลวงชมพู สัตตบงกช หรือบัวหลวงป้อมแดง เหล่าปทุมชาติ เกิดดารดาษไปในน้ำและบนบกอย่างหนึ่ง ผุดงอกขึ้นจากแผ่นหินแห่งละเจ็ดดอกอย่างหนึ่ง และต้นพฤกษาลดาชาติ ก็เกิดดอกบัวออกตามลำต้นและกิ่งก้านอีกอย่างหนึ่ง ต่อมา เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ เมื่อทรงก้าวลงจากพระครรภ์ ทรงผินพระพักตร์ไปยังทิศอุดร ชี้พระดรรชนีขึ้นฟ้า แล้วเสด็จดำเนินไป 7 ก้าว แต่ละก้าวมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ และทรงเปล่งอาสภิวาจา(วาจาอย่างองอาจ)ว่า "เราเป็นผู้เลิศของโลก เป็นผู้ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้ประเสริฐที่สุดของโลก นี้เป็นการเกิดครั้งสุดท้าย ไม่มีการเกิดใหม่อีกต่อไป” (ภาพพระดำเนินเมื่อแรกประสูติ) ดอกบัวที่ผุดขึ้นมารับพระบาทนี้ หมายถึงพระองค์จะเป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง (ซึ่งเสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิตบอกว่า ในพระไตรปิฎกไม่ได้พูดถึง แต่มีเพิ่มขึ้นภายหลัง) ราชบัณฑิตยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการที่พระพุทธองค์สามารถตรัสได้ทันทีที่ประสูติต่อคำถามที่ว่า เป็นเพียงสัญลักษณ์เปรียบเทียบถึงอะไร หรือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ท่านตอบว่ามีเขียนไว้ในพระไตรปิฎก โดยพระพุทธองค์ตรัสเล่าให้สาวกฟังด้วยพระองค์เอง โดยทรงสรุปสั้นๆว่า “เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์” โดยท่านยกขึ้นเปรียบเทียบกับเด็กชายที่ได้บันทึกไว้ในกินเนสส์บุค คือ คริสเตียน ไฮเนเก้น ที่เกิดมาสองชั่วโมงก็พูดได้ อายุ 4 ขวบ ก็พูดได้ 7 ภาษา พออายุ 7 ขวบ สามารถแสดงปาฐกถาเรื่องอภิปรัชญาชั้นสูงให้ที่ประชุมปราชญ์ได้ทึ่ง เหตุการณ์ที่สาม เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 7 พรรษา พระราชบิดาโปรดให้ขุดสระโบกขรณี 3 สระ สำหรับให้ทรงลงเล่นน้ำ โดยปลุกอุบลบัวขาบสระหนึ่ง ปทุมบัวหลวงสระหนึ่ง และบุณฑริกบัวขาวอีกสระหนึ่ง (ภาพทรงทราบข่าวพระโอรสทรงมีพระประสูติกาลที่ริมสระบัว) และเมื่อทรงตรัสรู้ ทรงเปรียบเวไนยสัตว์ อุปมาดังบัวในน้ำ
"[๙] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงรับคำทูลอาราธนาของพรหม และเพราะอาศัยความกรุณาในหมู่สัตว์ ทรงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ เมื่อทนงตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุได้เห็นสัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีในดวงตาน้อย มีธุลีในดวงตามาก มีอินทรีย์แก่กล้า ที่มีอินทรีย์อ่อน มีอาการดี มีอาการทราม สอนให้รู้ได้ง่าย สอนให้รู้ได้ยาก บางพวกเห็นปรโลกและโทษว่าน่ากลัวก็มี. มีอุปมาเหมือนในกออุบล ในกอปทุม หรือในกอบุณฑริก ดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุณฑริก บางดอกที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ ดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุณฑริก บางดอกที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญในน้ำอยู่เสมอน้ำดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุณฑริก บางดอกที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญในน้ำ ขึ้นพ้นน้ำ ไม่แตะน้ำฉันใด. พระผู้มีพระภาคทรงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลาย ผู้มีธุลีในตาน้อย มีธุลีในตามาก มีอินทรีย์แก่กล้า ที่มีอินทรีย์อ่อน มีอาการดี มีอาการทราม สอนให้รู้ได้ง่าย สอนให้รู้ได้ยาก บางพวกเห็นปรโลกและโทษว่าน่ากลัวก็มี บางพวกมักไม่เห็นปรโลกและโทษว่าเป็นสิ่งน่ากลัวก็มี ฉันนั้น" วิ.มหา.(แปล) ๔/๙/๑๔ ต่อมาคำตรัสว่าบุคคลมี 4 เหล่า จึงมีการนำดอกบัวไปเปรียบกับบุคคลเหล่านั้น คือ เหล่าที่ 1 อุคคติตัญญูบุคคล คือผู้มีกิเลสเบาบาง มีปัญญา เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถเข้าใจได้ในทันที เปรียบเหมือนบัวที่โผล่พ้นน้ำ พอต้องแสงอาทิตย์ ก็บานทันที เหล่าที่2 วิปัจจิคัญญูบุคคล กิเลสค่อนบ้างน้อย อินทรีย์ปานกลาง หากได้ฟัง และมีการอธิบายซ้ำอีกครั้งก็จะเข้าใจ เปรียบเหมือนบัวที่อยุ่พอดีกับผิวน้ำ พร้อมที่จะบานในวันต่อไป เหล่าที่ 3 เนยยบุคคล ผู้ที่มีกิเลสปานกลาง ต้องหมั่นศึกษา คบกัลยาณมิตร จึงจะสามารถรู้ธรรม เปรียบเหมือนบัวที่ยังจมอยู่ในน้ำ คอยวันโผล่พ้นน้ำ เพื่อที่จะบานในวันต่อๆไป เหล่า 4 ปทปรมบุคคล ผู้ที่ไม่สามารถบรรลุธรรมวิเศษได้ เปรียบเสมือนบัวที่จมอยู่ใต้น้ำลึก ไม่สามารถโผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้ รังแต่จะเป็นอาหารของเต่าปลาต่อไป (ภาพทรงอุปมาเวไนยสัตว์กับบัว 4 เหล่า) อีกเหตุการณ์หนึ่งคือ ครหพินน์เจ็บใจที่สิริตุตถ์หลอกอาจารย์เดียรถีร์ของตนให้ตกลงไปในหลุมอุจจาะ จึงคิดแก้แค้น หลอกพระพุทธเจ้าอันเป็นอาจารย์ของสิริคุตถ์บ้าง โดยล่อให้ตกลงไปในหลุมที่ก่อไฟด้วยไม้ตะเคียน ปรากฏว่ามีดอกบัว ผุดขึ้นมารับพระบาทพระองค์ เหล่านี้คือเรื่องราวของ “บัว” ที่เกี่ยวข้องในพุทธศาสนาค่ะ .................................................... อ้างอิงเรื่อง และรูป เหม เวชกร สมุดภาพพระพุทธประวัติ ธรรมสภา 35/270 จรัลสนิทวงศ์ 62 บางพลัด บางกอกน้อย กรุงเทพ เสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา เกษมอนันต์พริ้นติ้ง 02-809-7452-4 ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ สุปรียา จันทะเหล่า บัว1 อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) 65/101-103 ถ.ชัยพฤกษ์ ตลิ่งชัน กรุงเทพ 10170
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |