จะด้วยปัจจัยอะไรก็ตามแต่ ข้าพเจ้าเองก็จดจำจุดเริ่มต้นไม่ได้เสียแล้ว แต่สิ่งที่มันผนึกแน่นฝังใจคือ ข้าพเจ้าชอบงานของเขา กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ แม้นในชีวิตจักไม่เคยได้มีโอกาสพานพบสนทนากับเขาด้วยแม้สักครั้ง ก็ในเมื่อเขาได้ถึงกาละลาจากโลกนี้ไปเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ผู้คนมากมายยังคงถามไถ่ระลึกถึงด้วยอาลัยถวิล และค้อมคารวะความยิ่งใหญ่ในฐานะ นักเขียนหนุ่มตลอดกาล แล้วทำไมเล่า ข้าพเจ้าจักไม่รู้สึกเช่นว่านี้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, เชื่อว่าความรู้สึกนี้จักดำรงอยู่ต่อไปอีกยาวนานตราบถึงกาลโลกดับสลายเป็นแน่แท้ ๑ พี่กนกพงศ์ฯ เสียแล้วนะ ขณะฟ้าโปร่ง แสงส่องผ่านช่องหน้าต่าง ใบไม้กวัดแกว่งใบน้อยๆ และเรือลำน้อยลอยลำสงบนิ่ง จำได้ว่าห้วงยามหนึ่งของวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ณ บ้านพักรับรองอาจารย์ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ.ปัตตานี) ซึ่งเป็นสถานที่พวกเราไปสุมหัวเพื่อเก็บข้อมูลและเขียนงานเกี่ยวกับชายแดนใต้ เพื่อนหนุ่มนักเขียนนาม หนึ่ง วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ก้าวเดินลงจากบันไดบ้านชั้น ๒ และเอ่ยความที่พลันได้สร้างอารมณ์สุดเย็นเยียบในใจข้าพเจ้า หนึ่ง-วรพจน์ฯ เป็นเพื่อนหนุ่มที่เคยเขียนคำนำเสนอ ถึงเพื่อน-ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ วันหนึ่ง, เสียงแห่งขุนเขาทะเลใต้จะก้องกังวาน ให้แก่หนังสือ จิตวิญญาณระหว่างขุนเขา บูโด-สันกาลาคีรี ของข้าพเจ้า ว่า ถ้าคำว่า แรงบันดาลใจ ไม่เฝือจนเกินไปในยุคสมัยที่ผู้คนของเรา เปราะบาง และต้องการสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาแปะไว้ที่หน้าผากกันเสียเหลือเกิน ผมอยากพูดว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในความหมายนั้น ยังจำได้ เขาเป็นคนแรกๆ ที่เอ่ยชื่อ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ กับผม เอ่ยถึงเรื่องสั้นชุด สะพานขาด ด้วยความนับถือชื่นชม และต่อมาเรากลายเป็นเพื่อนที่คุยได้นานๆ ทุกครั้ง คุยกันถึงนักหนังสือพิมพ์รุ่นพี่ บทเพลง บทกวี และวรรณกรรมสายทางเลือก ตอนนั้นเป็นช่วงปีไหนแล้วนะ อ้อ ! จำได้แล้ว ประมาณปี ๒๕๓๖ ที่เราได้พบกันที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ทั้งข้าพเจ้าและเพื่อนหนุ่ม พบกันในฐานะเพื่อนนักข่าวร่วมสำนัก และเขา กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ซึ่งถูกเอ่ยอ้างชื่ออยู่ในวงสนทนา ก็ด้วยผ่านจากตัวหนังสือรวมเรื่องสั้น สะพานขาด ในฐานะรวมเรื่องสั้นชุดที่ ๑ ซึ่งความจริงแล้วปรากฏในโลกอักษรามาตั้งแต่ปี ๒๕๓๔ ก่อนจะได้รับรางวัลสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ปี ๒๕๓๕ พร้อมกับการเผยโฉมของรวมเรื่องสั้นชุดที่ ๒ คนใบเลี้ยงเดี่ยวในปีเดียวกัน อีก ๔ ปีต่อมานั่นแหละ เขาถึงดังเปรี้ยงปร้างในปริมณฑลที่กว้างขึ้น เพราะได้รับรางวัลซีไรต์ จากผลงานรวมเรื่องสั้นชุดที่ ๓ แผ่นดินอื่น ก่อนจะมีผลงานอันน่าระทึกตามติดมาอีกไม่มากน้อย แต่ก็ตราใจตรึงคนแทบทุกเล่ม และยังสร้างกระแสการเขียนเรื่องสั้นขนาดยาวที่ทุกคนกล่าวขวัญถึงแม้นบัดนี้ กระทั่งก่อนเสียชีวิตเขามีผลงานทั้งสิ้นกว่า ๑๐ เล่มซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างแรงกระเพื่อมสำคัญในแวดวงการเขียนและอ่าน รับรู้ข่าวการสูญเสีย, คืนนั้นหลังเสร็จงาน ผองเรารวมหลายชีวิตเดินดุ่มข้ามจากรั้ว มอ.ปัตตานี มายังฝั่งตรงข้าม นั่งดื่ม-กินกันในร้านเล็กๆ ท่ามไฟสลัวจนฟ้ารุ่งราง ก่อนจะพากันเดินข้ามฟากกลับมายังที่พักด้วยอาการโซซัดโซเซ ผ่านเรือลำน้อยที่ยังคงลอยลำสงบนิ่งใต้ร่มไม้ใหญ่ เราแทบไม่ได้กล่าวถึงเขาอีกเลยบนโต๊ะสนทนา แต่ค่ำคืนฟ้าไร้ดาวและลมหนาวชายทะเลกรีดผิวจนต่างสั่นเทา เราดื่มกินกันในบรรยากาศที่หมองหม่นเหมือนกับจักได้แสดงความอาลัยรักต่อเขา- นักเขียนหนุ่มตลอดกาล, เป็นครั้งสุดท้าย แม้นไม่กล่าวหรือสำแดง แต่ภายในใจแต่ละคนค่ำคืนนั้น คงระงมด้วยเศร้าและร้าวราน ที่กัดกร่อน 'ลึกฝังใจ' ๒ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ ผ่านวันครบรอบ ๑ ปีการจากไปของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ไม่กี่เพลา ข้าพเจ้าตั้งใจปลึกตัวจากภารกิจที่ชายแดนใต้ นำพาตัวเองจากพื้นที่ปลายด้ามขวาน 'บ้านเกิด' ไปนั่งจ่อมจมอยู่ในมุมเปลี่ยวคนเดียว อย่างเงียบเหงาวังเวง ดื่มและนั่งเศร้า ขณะเฝ้ามองการแปรเปลี่ยนของ 'แสงฟ้า' ณ มุมหนึ่งของดินแดนลือนาม 'ลิกอร์' นครศรีธรรมราช การแสดงดนตรีและศิลปวัฒนธรรมจาก 'หุบเขาฝนโปรยไพร' (Hoobkhao Festival) เพื่อร่วมน้อมรำลึกถึง กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ และสืบทอดเจตนารมณ์ของนักเขียนหนุ่มตลอดกาล กำลังจะเริ่มต้นเป็นวันแรก จากที่คณะผู้จัดกำหนดโปรแกรมไว้ ๒ วัน คือ วันที่ ๒๔-๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ ถึงแม้นผู้คนจะบางตา ผืนฟ้ามืดมิดเงียบงันสงัดปานใด แต่แสงไฟบนเวทียังคงฉายฉาน และการแสดงของศิลปินทั่วทุกภูมิภาคคงดำเนินไปเรื่อยๆ ตามวาระ ก่อนค่ำคืนจะสิ้นสุด ขณะแสงไต้รายทางพลิ้วไหวตามเริงลม ผู้คนยืน-นั่งกันเป็นกระหย่อม ข้าพเจ้าปะหญิงสาวคนหนึ่งเดินผ่านหน้าไปในอณูอากาศอย่างเงียบเชียบ ในอารมณ์หม่นเศร้า และแม้นใบหน้าจักอาบนองด้วยน้ำตา แต่วินาทีที่ได้เห็น ประกาย 'นัยน์ดวงตา' ของเธอช่างเต็มไปด้วยความ 'มุ่งมั่น' ยิ่งแล้ว !! ๓ เสาร์ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ วันที่ PS Gallery แพร่งภูธร จะมีการจัดงานรำลึกการจากไปของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ โดยโต้โผใหญ่ คือ หนึ่ง - วรพจน์ พันธุ์พงศ์ และผองเพื่อน เป็นปีที่ ๒ ของการจัดงาน และภาวนาว่าจักมีอีกเป็นครั้งต่อๆ ไป เพื่อรำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของนักเขียนคนหนึ่ง ผู้ได้ทำหน้าที่ปลุก 'ไฟฝัน' ให้ผู้คนมากมาย และหวังให้มีผลสืบเนื่องไปถึงคนรุ่นต่อไป ไม่ว่าจะผ่านทางเนื้องานของเขา หรือในฐานะเป็น 'แก่นแกน' ร้อยรัดให้ผู้คนได้มาพบพานเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมอย่างสร้างสรรค์ เพียงเสียดาย, สำหรับการจัดครั้งแรกที่ได้รับคำเชิญ ข้าพเจ้ามิได้ไปร่วมด้วยติดภารกิจอยู่ที่ชายแดนใต้ และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ขณะผู้คนกำลังรวมตัว เป็นเวลาที่ข้าพเจ้าและเพื่อนหนุ่มอีกคนดำรงฐานะเป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนขบวนรถไฟสายด่วนทักษิณ อันมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่อำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เปล่า !! ข้าพเจ้าไม่ได้ไปตามเพียงรอยของ 'แมวแห่งบูเก๊ะกรือซอ' หรือ 'แพะในกุโบร์' หรือ ฯลฯ แต่ข้าพเจ้า และผองเพื่อนแห่ง 'สำนักหัวใจเดียวกัน' กำลังลงมือลงแรงกระทำพันธกิจบางอย่างร่วมกัน (http://www.oknation.net/blog/our-heart) ในแง่มุมหนึ่ง เป็นเช่นความพยายามเดินตามรอยวิถีทางของเขา - กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ซึ่งยังคงดำรง 'ยามเช้าของชีวิต' ณ 'หุบเขาฝนโปรยไพร' "การมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้หนหนึ่ง ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า 'ป่า' แม้จะเป็นผืนเล็กๆ ไม่กี่ไร่ ก็ถือเป็นความน่าพอใจของผมแล้วครับ วันหนึ่งเมื่อเราตายไป ต้นไม้เหล่านี้ก็จะยังยืนอยู่ เป็นร่องรอยของการปรากฏตัวขึ้นในโลกนี้ของเรา นั่นก็เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือ มันจะทิ้งร่อยรอยเอาไว้อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง" "สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดเกี่ยวกับการเขียนบันทึก และพัฒนาการจาการเขียนบันทึกเช่นนั้น คือสิ่งที่ผมได้พูดย้ำอยู่เสมอเมื่อได้รับเชิญไปพูดให้เด็กๆ ตามโรงเรียนฟัง ผมบอกพวกเขาให้พยายามอ่านและเขียน ฝืนและฝึกจนเป็นนิสัย ทั้งนี้, หาใช่เพื่อโตขึ้นมาเป็นนักเขียน แต่เพื่อการอ่านและการเขียนจะได้รับใช้ชีวิตของเขาเอง" (จดหมายจาก กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ถึง จรรยา อำนาจพันธุ์พงศ์ เผยแพร่ในโอกาสครบรอบปีที่ ๒ การจากไปของนักเขียนหนุ่ม กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ๙ กุมภาฯ) ๔ กุมภาพันธ์ เดือนแห่ง 'ความรัก' เชื่อเถิด, แม้นจะดำรงชีวิตอยู่แห่งหนใด และถึงจะเจริญรอยได้ไม่ยิ่งใหญ่เท่า แต่หากเพียงผู้คนได้ลงมือ 'อ่าน' และ 'เขียน' ... แน่นอนว่า, เหมือนเราได้ร่วมรำลึกถึงเขา และพร้อมเดินไปตามวิถี กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ หมายเหตุ : สนใจเรื่องราวของ 'นักเขียนหนุ่มตลอดกาล' ติดตามได้ที่ รำลึกกนกพงศ์ สงสมพันธ์ (โดย...Thai Poet Society) http://www.thaipoetsociety.com/index.php?topic=1818.0 คิดถึง กนกพงศ์ สงสมพันธ์ ไหม? (โดย...ธีร์/อันมัย) http://www.oknation.net/blog/teeanmai/2010/02/09/entry-2 หวนคิดถึงเจ้าของ แผ่นดินอื่น ในวันที่ฟ้าโปร่ง (โดย...หนุมานชาญสมร) http://www.oknation.net/blog/wintawan/2009/06/25/entry-1 รถไฟและกนกพงศ์ (โดย...onceagain) http://www.oknation.net/blog/onceagain/2007/06/05/entry-1 เป็น Blogger OK เพราะผู้หญิงของ กนกพงศ์ (โดย...ช่อว่าน) http://www.oknation.net/blog/nikanchalee/2009/12/24/entry-2 ชีวิตนั้นแสนสั้นและความฝันนั้นเปราะบาง (โดย...เกริกบุระวนะวงศ์วรวิวัฒน์) http://www.oknation.net/blog/cottonhut/2008/02/13/entry-1 ข่าวคราวจากความตายสายวันหนึ่ง : รำลึกการจากไปของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ (โดย...อังคาร จันทาทิพย์) http://www.oknation.net/blog/pimkawee/2010/02/11/entry-1/comment#read เช้าวันหนึ่ง (แด่...กนกพงศ์ สงสมพันธุ์) (โดย...ไอ้ปลง) http://www.oknation.net/blog/iplong/2010/02/13/entry-1/comment |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
แสงและเงาที่พรุโต๊ะแดง นราธิวาส | ||
![]() |
||
เพริศไปตามจินตนาการแห่งแสงสีของป่าพรุ |
||
View All ![]() |
เหมือนสายลม | ||
![]() |
||
บทเพลงประกอบหนังสือจิตวิญญาณระหว่างขุนเขา บูโด-สันกาลาคีรี โดยชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ |
||
View All ![]() |
<< | กุมภาพันธ์ 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 |