'จ่าเพียร' ครั้งยังเป็น 'เด็กชายสมเพียร แซ่เจ่ง' มีชื่อเล่นว่า 'เนี้ยบ' (ภาพจากครอบครัวจ่าเพียร) วัยเด็ก, กับชีวิตที่บ้านเกิด--บ้านทุ่งหรี่ ตำบลวังใหญ่ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ เด็กชายสมเพียร แซ่เจ่ง หรือ เนี้ยบ เกิดและเติบโตมากับวัฒนธรรมแบบผสมผสานไทย-จีน ด้วยความที่บิดา--นายโกว แซ่เจ่ง เป็นคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำเดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ หากแต่เขาได้จากไปเมื่อเด็กชายยังเยาว์วัยนัก ความอัตคัดขัดสนของครอบครัวทำให้สมเพียรผ่านชีวิตวัยเยาว์มาอย่างยากลำบาก ต้องต่อสู้ดิ้นรนมาตลอด โดยมีเพียงมารดา--นางไกร แซ่เจ่ง เป็นผู้เลี้ยงดูกระทั่งเติบใหญ่ (ต่อมานางได้รับรางวัลแม่ดีเด่น ประเภทแม่ผู้เสียสละ ประจำปี ๒๕๓๘) ตอนเป็นเด็กเขาเป็นคนอดทน เรียนหนังสืออยู่ที่เทพา เช้ามาไปโรงเรียนมักโดนครูตีตลอด หาว่าเกเรเพราะไปโรงเรียนสาย แต่ความจริงแล้วสาเหตุที่ไปสายเพราะเขาเป็นเด็กวัด ไปขออาศัยอยู่ที่วัดพิกุลบุญญาราม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา นอกจากต้องตามไปช่วยหิ้วปิ่นโตให้พระเวลาเดินบิณฑบาตเช้าแล้ว ยังต้องจัดการเรื่องอาหารของพระให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน พอโตมาหน่อยต้องหารายได้ไว้สำหรับเล่าเรียนหนังสือ ไปรับจ้างกรีดยาง กรีดยางมาใหม่ๆ ขายไม่ได้เพราะต้องตากให้แห้งเสียก่อน แต่ไม่มีเงินกินข้าว ต้องใช้วิธีเอาขี้ยางไปคลุกกับดินโคลนให้ดูกระดำกระด่างเพื่อจะขายให้ได้ เพื่อนวัยเยาว์สะท้อนภาพความยากลำบากเวลานั้น ครั้งหนึ่ง ด้วยความเป็นเด็กวัดซึ่งเป็นเสมือนที่รวมหัวของเพื่อนวัยทโมน ในฐานะน้องใหม่เขาถูกเพื่อนร่วมวัดกลั่นแกล้ง เช่นเด็กวัดรุ่นพี่ถ่มน้ำลายรดข้าวในจาน แต่เขาต้องอดทนแข็งใจไม่ตอบโต้เพราะคำของเจ้าอาวาสที่ว่าใครมาอาศัยอยู่ในวัดแล้วห้ามก่อเรื่อง หากไม่เชื่อฟังจะถูกไล่ออกจากวัดทันที จึงเกรงว่าตนจะถูกไล่ออกจากวัดแล้วไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือต่อ แต่ถัดมาอีกวัน เขาคิดหาวิธีการเอาคืนบ้างเพราะคงแค้นอยู่ในใจ พอได้จังหวะจึงใช้วิธีไล่ถ่มน้ำลายในจานข้าวของเด็กวัดที่เคยกลั่นแกล้งไปทีละจานจนหมดครบทุกคน แต่ละคนก็ไม่กล้าลงมือตอบโต้เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นคนตรงไม่ยอมคนจริงๆ หลังผ่านพ้นประสบการณ์เป็นเด็กวัดชนิดที่เรียกว่าต้องหาวิธีเอาตัวรอดให้ได้ทุกรูปแบบ ในที่สุดด้วยความใฝ่เรียนเพราะเชื่อว่าจะเป็นการปูพื้นฐานสำคัญสำหรับอนาคต สมเพียรใช้ความพยายามจนสามารถเรียนจบระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนบ้านวังใหญ่ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา มัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา มัธยมศึกษาตอนปลายจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนนครศรีธรรมราช และตั้งเป้าว่าจะสอบเป็นนักเรียนพลตำรวจโรงเรียนตำรวจภูธร ๔ ยะลาให้ได้ เวลานั้นนโยบายของรัฐกำหนดไว้ว่า ใครที่จะสอบเป็นนักเรียนพลตำรวจต้องเปลี่ยนนามสกุลเสียก่อน จะใช้แซ่ไม่ได้ เขาจึงขออนุญาตใช้นามสกุลของเพื่อนคนหนึ่งคือ เอกสมญา เพราะคิดว่าการจะไปขอตั้งนามสกุลใหม่นั้นคงใช้เวลานาน เกรงว่าจะไม่ทันกับการสอบเข้า จากนั้นมา นายสมเพียร แซ่เจ่ง จึงกลายเป็นนายสมเพียร เอกสมญา ก่อนจะมีคำนำหน้าเป็นยศชั้นของตำรวจที่เปลี่ยนแปลงไปตามลำดับขั้น พ.ต.อ. สมเพียร เอกสมญา เป็นตำรวจชั้นประทวนประจำสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา จังหวัดยะลา ตั้งแต่ปี ๒๕๑๓-๒๕๒๖ จึงได้เลื่อนยศเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ก้าวขึ้นเป็นรองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.อ. ยะหา จังหวัดยะลา หลังจากนั้นมาชีวิตราชการวนเวียนอยู่หลากหลายที่ ส่วนใหญ่มักเป็นพื้นที่แถบชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นสงขลา ยะลา หรือปัตตานี หรือเหนือขึ้นไปจากชายแดนใต้บ้างก็เช่นสตูล พัทลุง ระนอง ฯลฯ ในพื้นที่ชายแดนใต้นั้นเขาได้สร้างวีรกรรมนับร้อยครั้งในการต่อสู้กับผู้ก่อความไม่สงบทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็น หน.ฉก. ปราบปรามการก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นับจากนั้นมา นามจ่าเพียรกลายเป็นชื่อที่น่าเกรงขามของเหล่าผู้ก่อการ จนได้รับฉายาว่า จ่าเพียร : นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเทือกเขาบูโด ขณะเดียวกันตัวเขาก็ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะหลายครั้ง ทั้งนี้ระหว่างได้รับบาดเจ็บสาหัสครั้งที่ ๔ เมื่อปี ๒๕๒๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี (เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร) ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง และได้รับสิทธิพิเศษจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ารับการอบรมนายตำรวจโดยไม่ต้องสอบคัดเลือก แม้จะก้าวหน้าในอาชีพตำรวจอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งที่จ่าเพียรยังคงปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอคือการลงพื้นที่ปฏิบัติงานร่วมกับลูกน้องทุกครั้ง และจะเป็นคนเดินนำหน้าตลอด นั่นอาจเป็นที่มาของการได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะต่อสู้ถึง ๘ ครั้ง ทั้งถูกยิง ถูกสะเก็ดระเบิด กระทั่งทำให้ข้อเท้าข้างซ้ายพิการ แต่ก็สามารถสังหาร ยึดอาวุธปืน ทำความเสียหายให้แก่ฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมาก พี่เพียรเป็นคนโผงผาง ทำงานติดดิน ชอบทำงานปราบปราม ใช้วิธีจัดชุดย่อยๆ แบบกองโจร เป็นสงครามจรยุทธ์ แกกินนอนเหมือนโจร เรียกว่าเปิดปฏิบัติการแบบเกลือจิ้มเกลือกันเลย ชำนาญพื้นที่มาก หลับตาเห็นภาพเลยว่าตรงไหนเป็นตรงไหน เพื่อนตำรวจที่เคยปฏิบัติงานร่วมกันมา ปัจจุบันทำงานด้านการสืบสวนร่วมอยู่กับแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สะท้อนภาพการทำงานของจ่าเพียร ท่วงทำนองการทำงานของจ่าเพียรมักใช้วิธีจรยุทธ์ไปตามป่าเขา เดินทางลงพื้นที่ไปกับลูกน้องทุกครั้ง ทำให้แทบจะเหยียบย่ำแทบทุกภูแถบนี้มาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภูเขากอลอแป ภูเขาตะโละแค ภูเขาบูเก๊ะดายะ ภูเขาปาตูปูโต๊ะ ภูเขาบูเก๊ะปูโละ ภูเขายือริ ภูเขากุลูแป ภูเขาบียอ เทือกเขาเจาะบันตัง เทือกเขาสิเงะ เทือกเขาบายิ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เทือกเขากาลัง รอยต่อระหว่างอำเภอรามัน อำเภอเมืองยะลา อำเภอบันนังสตา เทือกเขาเจาตูปา เทือกเขากุวอดางา ตำบลสะเอ๊ะ อำเภอเมืองยะลา ภูเขาโต๊ะจือแร ตำบลกรงปินัง อำเภอเมืองยะลา ภูเขาบ้านท่าน้ำ ภูเขาจาเราะแป ตำบลธารโต จังหวัดยะลา ภูเขาบูเก๊ะกาเมง ภูเขากุดง เทือกเขาบ้านนาชิบูกู๊ ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ภูเขาบ้านหาดทราย ตำบลบ้านโหนด อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ฯลฯ สมเพียรเป็นคนจริงจังในการงาน ถึงลูกถึงคน เข้าถึงประชาชน มีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่เป็นพี่น้องมุสลิมมากมาย เขาจึงเป็นผู้ที่มีชาวบ้านเชื่อถือศรัทธาในความจริงจัง ฉะนั้นเขาจึงได้รับข้อมูลข่าวสารของฝ่ายตรงข้ามซึ่งทำให้เขามีผลงานในการปะทะต่อสู้บ่อยครั้ง และประสบความสำเร็จเป็นที่เชื่อถือของผู้บังคับบัญชา จนกระทั่งเขาได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร กระทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ซึ่งถือว่าเป็นวีรบุรุษผู้กล้าที่แท้จริง และจากการปฏิบัติหน้าที่ต่อมา เขาได้รับประกาศนียบัตรผู้มีผลงานสู้รบดีเด่นจากกระทรวงมหาดไทย ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้น ๒ ประเภท ๑ และได้รับหนังสือชมเชยจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย เป็นที่ประจักษ์ของเพื่อนร่วมงานและบุคคลทั่วไป เป็นบุคคลที่น่าชมเชยและถือเป็นแบบอย่างของตำรวจที่ดีคนหนึ่ง พลตำรวจเอก สุนทร ซ้ายขวัญ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเคยได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการภาค ๔ ฉายให้เห็นภาพของจ่าเพียรในหนังสือ จ่าเพียร : นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเทือกเขาบู ขณะที่พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ ๑๐) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่จ่าเพียรให้ความเคารพนับถือมากและเคยได้ร่วมปฏิบัติงานกันมา สะท้อนว่าจ่าเพียรเป็นผู้ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาในการป้องกันปราบปรามการก่อความไม่สงบ เพื่อสร้างความสงบสุขให้แก่ประชาชน แม้จะอยู่ท่ามกลางความขาดแคลนหลายอย่างก็ไม่เคยเสียกำลังใจ ตลอดเวลาที่ผมได้เคยร่วมปฏิบัติงานกับพันตำรวจเอกสมเพียร ในการต่อสู้กับขบวนการก่อความไม่สงบ ทำให้เห็นได้ว่าพันตำรวจเอกสมเพียรเป็นแบบอย่างของตำรวจที่แท้จริง ในการอุทิศตน เสียสละความสุขส่วนตัว โดยถือว่าหน้าที่คือชีวิต นั่นคือสิ่งที่จ่าเพียรทำมาตลอดชีวิตที่รับราชการมา คือนอกจากต้องสละความสุขส่วนตัวเพื่อหน้าที่แล้ว ยังต้องสละเวลาในการดูแลครอบครัว มาทุ่มเทให้แก่การปฏิบัติหน้าที่ กลายเป็นชีวิตที่ต้อง เลือก โดยแท้ ในบั้นปลายชีวิต หวังแค่ว่าหลังเกษียณอายุราชการแล้วอยากกินน้ำชา นั่งนินทาเพื่อน แล้วก็กลับไปอยู่กับครอบครัวลูกหลาน ดูแลครอบครัวบ้าง ถ้อยคำสุดท้ายของ พ.ต.อ. สมเพียร เอกสมญา ดูเหมือนจักล่องลอยไปกับสายลมร้อน และชีวิตปลิดปลิวท่ามกลางสายฝนหลงฤดูกระหน่ำหนักในเดือนมีนาคม ๒๕๕๓ ................................ (โปรดติดตามตอนต่อไป... 'ส ง ค ร า ม ค รั้ ง สุ ด ท้ า ย ข อ ง วี ร บุ รุ ษ ช า ย แ ด น ใ ต้' ) อ่านเรื่องย้อนหลัง จ่าเพียร ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ตัวจริง (บทเกริ่นนำ : ร่วมรำลึกทำบุญ ๑๐๐ วัน - - ๒๐ มิ.ย.๕๓) http://www.oknation.net/blog/narapong-sak/2010/06/18/entry-1 จ่าเพียร ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ตัวจริง (ตอน ๒ : ฉากชีวิตที่บันนังสตา) http://www.oknation.net/blog/narapong-sak/2010/06/19/entry-1/comment#read ถ่ายภาพร่วมกับมารดา 'นางไกร แซ่เจ่ง' ครั้งรับรางวัลแม่ดีเด่น ประเภทแม่ผู้เสียสละ ปี ๒๕๓๘ (ภาพจากครอบครัวจ่าเพียร) 'นายสมเพียร แซ่เจ่ง' (ภาพจากครอบครัวจ่าเพียร) ภาพหายาก : สาธิตการตอนไก่แบบฝังยา ขณะเรียนชั้นมัธยม (ภาพจากครอบครัวจ่าเพียร) สู่ร่มกาสาวพักตร์ (ภาพจากครอบครัวจ่าเพียร) ในวัยหนุ่ม (ภาพจากครอบครัวจ่าเพียร) สร้างวีรกรรมนับร้อยครั้ง ในการต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทุกรูปแบบ (ภาพจากครอบครัวจ่าเพียร) ได้รับบาดเจ็บนับสิบครั้ง กระทั่งได้รับฉายา 'จ่าเพียรขาเหล็ก' (ภาพจากครอบครัวจ่าเพียร) "จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา" |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
แสงและเงาที่พรุโต๊ะแดง นราธิวาส | ||
![]() |
||
เพริศไปตามจินตนาการแห่งแสงสีของป่าพรุ |
||
View All ![]() |
เหมือนสายลม | ||
![]() |
||
บทเพลงประกอบหนังสือจิตวิญญาณระหว่างขุนเขา บูโด-สันกาลาคีรี โดยชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ |
||
View All ![]() |
<< | มิถุนายน 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 |