สภาพบ้านพักอาศัยของ 'ครอบครัวมะมิง' มนุษย์ทั้งหลายเกิดมามีอิสรเสรี เท่าเทียมกันทั้งศักดิ์ศรีและสิทธิ ทุกคนต่างได้รับการประสิทธิประสาทเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันฉันท์พี่น้อง หากมนุษย์ทุกคนยึดมั่นตามคำประกาศสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติเช่นที่ว่านี้ โลกคงสวยงามและไม่มีการเข่นฆ่าเฉกเช่นที่เห็นและเป็นอยู่ในทุกวันนี้ในผืนแผ่นดินแทบทุกหัวระแหง ไม่เว้นแม้กระทั่งส่วนของพื้นที่แห่งหนึ่งในตำบลเล็กๆ ที่ชื่อ บานา ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ซึ่งในค่ำคืนหนึ่งกับกระสุนปืนนัดหนึ่ง แม้นไม่ถึงกับปลิดชีวิตใครบางคน แต่ก็ได้ เปลี่ยนแปลง ชีวิตของเด็กชายคนหนึ่งไปตลอดกาล... บนถนนสายหลักปัตตานี-นราธิวาส ณ เวลา ๓ ทุ่มกว่าของวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๑ อาจดูเงียบเหงาไปแล้วด้วยดึกดื่นค่ำคืน ยิ่งด้วยอยู่ภายใต้สถานการณ์ ไม่ปกติ ด้วยแล้ว ผู้คนยิ่งต้องระมัดระวังตัว แต่บริเวณตลาดนัดบานาริมทางซึ่งเคยจอแจไปด้วยผู้คนช่วงกลางวัน ล่วงมาถึงเวลานี้กลับปรากฏเงาร่างของกลุ่มเด็กๆ ประมาณ ๑๐ คนที่ยังคงวิ่งเล่นแอบซ่อนหากันด้วยความสนุกสนาน ด้วยคงไม่นึกว่าพื้นที่บริเวณไม่ห่างบ้านซึ่งอบอวลด้วยความรัก ความผูกพันของผู้คน จักกลายเป็น พื้นที่สังหาร ไปได้ เสี้ยวเวลาแห่งความสนุกสนาน ขณะฟ้าโปร่งลมโชยแมกไม้แกว่งไกว ผู้คนอยู่ในอารมณ์หฤหรรษ์ ไม่มีทีท่าหรือเค้าลางมาก่อนว่าจะมีภัยร้ายใดๆ มาย่างกราย พลันอีกมุมหนึ่งของถนนกลับมีรถทหารคันหนึ่งซึ่งบรรทุกทหารที่มาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ในพื้นที่ที่ถูกควบคุมภายใต้กฎหมายความมั่นคง หรือ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน วิ่งผ่านมาอย่างเงียบๆ และโดยไม่มีใครคาดคิด ภายใต้ความเงียบสงบกลับมีเสียงปืนดังลั่นโดยมีเป้าของวิถีกระสุนอยู่ที่เด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นซ่อนหากันอยู่นั่นเอง เมื่อเสียงปืน ดัง พลันทุกอย่างก็เปลี่ยนไป... ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า หรือเหตุผลกลใดที่ทำให้ชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่มีอายุได้เพียง ๑๕ ปีจักต้องเปลี่ยนไป จากโลกสว่างสวยงามพลัน มืดดำหม่นหมอง หลังสิ้นเสียงกัมปนาทของกระสุนปืนที่ยิงกราดเข้าใส่ มัคตาร์ มะมิง หนึ่งในเด็กชายที่กำลังเล่นซ่อนหากันอยู่กับเพื่อน ล้มฟุบลงกับพื้น เลือดสีข้นกระจายแดงฉานไหลนองราดรดอาบผืนดิน รับรู้ต่อมาภายหลังเหตุการณ์ว่า บริเวณดวงตาของเด็กชายถูกกระสุนปืนปริศนาทะลุทะลวงผ่านเบ้าตาขวาทะลุผ่านนัยน์ตาข้างซ้าย จนต้องรีบเร่งนำร่างบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลปัตตานีโดยด่วน ผ่านวัน ผ่านคืนแห่งความรวดร้าว หลังจากนอนพักรักษาตัวจากการถูกกระสุนปืนที่ดวงตาทั้งสองข้างอยู่ระยะหนึ่ง ถึงเวลาที่เด็กชายมีโอกาสได้กลับสู่บ้านเกิดอีกครั้ง พร้อมกับสัมผัสความห่วงหาอาทรจากผู้คนมากมาย แต่ทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เมื่อผลที่เกิดขึ้นกลายเป็น บาดแผล ที่ประทับแน่นสนิททั้งทาง ร่างกาย และ จิตใจ ส่งผลให้เด็กชายมัคตาร์ มะมิง เปลี่ยนไปจากเดิม ร่างกายแม้นจะได้รับการเยียวยารักษา แต่กลับมีอาการฉี่รดที่นอนเกือบทุกคืน หรือประมาณสัปดาห์ละ ๕ คืน เนื่องจากไม่รู้สึกตัว ทำให้ต้องซักและล้างเบาะที่นอนเกือบทุกวัน กระทั่งช่วงแรกที่ออกจากโรงพยาบาล แพทย์ผู้ทำการรักษาจะมอบถุงเอาไว้สำหรับให้สวมเวลาหลับนอนตอนกลางคืน ส่วนดวงตาที่มืดบอดทั้งสองข้างตื่นเช้ามาจะเกรอะกรังไปด้วยขี้ตาที่สร้างความปวดแสบปวดร้อน ทางจิตใจ ผู้เกี่ยวข้องเพียงได้เฝ้าช่วยกันทะนุถนอมดูแลอย่างดีที่สุด เพราะจากเด็กคนหนึ่งที่มีบุคลิกเรียบร้อย เป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูดจาเก็บตัวอยู่ในโลกส่วนตัว หลังเกิดเหตุการณ์เด็กชายมัคตาร์มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป ทั้งในด้านอารมณ์ความรู้สึกและอุปนิสัยใจคอ เหล่านี้คงต้องยอมรับว่า จะมีใครสักกี่คนที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียที่ทำให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ได้ด้วยจิตใจอันมั่นคง และจะมีใครสักกี่คนที่ซึมซับความเจ็บปวดรวดร้าวที่เกิดขึ้นภายใน จิตใจ ของเด็กชายคนหนึ่ง มากเท่ากับคนรอบข้าง โดยเฉพาะพ่อแม่พี่น้องหรือสมาชิกในครอบครัว ในฐานะผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตรชายตั้งแต่อยู่ในครรภ์กระทั่งเติบใหญ่ หรือนี่คือผลพวงจาก สงคราม ชนิดหนึ่งซึ่งก่อเกิดและดำรงอยู่ในพื้นที่ ชายแดนใต้ มากว่า ๖ ปีมาแล้ว และยังคงก่อ บาดแผล ให้ร้าวลึกไปในหัวใจผู้คนที่ได้รับผลกระทบ จากจำนวนหลายพันชีวิตที่สูญเสีย อีกนับไม่ถ้วนที่ได้รับผลพวง และอีกจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับสภาวะ กดดัน ในชีวิตอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ตระกูลมะมิง มีสมาชิกรวม พ่อ แม่ และลูก รวม ๖ คน บิดาคือ นายเจะมะ มะมิง ประกอบอาชีพทำนาเกลืออยู่แถวบานา และมารดา นางมีเนาะ มะมิง เดิมประกอบอาชีพรับจ้างล้างจานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านซึ่งเป็นสมบัติของตัวเอง ในลักษณะบ้านไม้ชั้นเดียว ยกพื้น ส่วนผนังครัวและพื้นก่อด้วยซีเมนต์ ลักษณะภายในบ้านได้รับการดูแลอย่างสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย พื้นที่โดยรอบเป็นบ้านลักษณะเดียวกัน ทั้งเป็นของญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านอยู่ติดๆ รายเรียงกัน ถัดไปด้านหนึ่งคือที่ตั้งของ โรงเรียนประถมบานา ซึ่งเด็กชายมัคตาร์ มะมิง กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ในเวลานั้น หลังจากเกิดเหตุการณ์และหายจากการพักรักษาตัว คุณพ่อคุณแม่และสมาชิกในครอบครัวของน้องมัคตาร์ ก็เอาใจและตามใจทุกอย่าง เนื่องจากสงสาร จึงทำให้น้องมัคตาร์กลายเป็นคนมีนิสัยที่ก้าวร้าว อารมณ์ร้อน เอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรก็ต้องได้ ส่งผลเสียต่อพฤติกรรมด้านอารมณ์ในระยะยาว การที่ตาบอดทั้งสองข้าง ทำให้ไม่สามารถเรียนหนังสือสามัญ เรียนศาสนา (อัลกุรอาน) ได้ตามปกติ และที่สำคัญเกิดความรู้สึกเหงา ไม่รู้จะทำอะไร มีเวลาว่างมาก แต่ก็ไม่สามารถไปเล่นกับเพื่อนๆ ได้เหมือนเดิม ส่งผลให้เกิดความเครียดขึ้น ข้อมูลส่วนหนึ่งที่ถูกสะท้อนผ่านแบบรายงานการลงพื้นที่เยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบฯ โดยศูนย์ประสานงานวิชาการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบจังหวัดชายแดนใต้ (ศวชต. ปัตตานี) ซึ่งส่งเจ้าหน้าที่ลงไปเยี่ยมเยียน ถามความทุกข์สุข และให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบเป็นระยะๆ แม้นภายหลังเกิดเหตุร้าย ครอบครัว มะมิง จะได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากผู้บริจาคและหน่วยงานต่างๆ เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานทางทหาร ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท รวมถึง พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ๒๐๐,๐๐๐ บาท กาชาดจังหวัด ๑๐,๐๐๐ บาท นายอำเภอ ๑๐,๐๐๐ บาท ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ๓,๐๐๐ บาท แต่หากเปรียบเทียบกับ ความสูญเสีย ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็น คำถาม ว่าคุ้มค่าหรือไม่กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กชาย มัคตาร์ มะมิง และสมาชิกในครอบครัว ต่อสิ่งที่ ได้รับ ทดแทน อย่างไรก็ตาม มนุษย์ย่อมผิดพลาดกันได้ และที่สำคัญต้องพร้อมที่จะ ให้อภัย กันได้ เพราะชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป โลกยังคงงดงามเสมอ เพียงแต่ในขณะที่ทุกคนสัมผัสโลกที่สวยงามด้วยกัน อีกด้านหนึ่งต้องพึงตระหนักว่าจะร่วมช่วยกันเก็บซับ ความเจ็บปวด ให้แก่กันได้เช่นใดเมื่อต่างต้องเผชิญห้วงทุกข์ กรณีตัวอย่างของ เด็กชายมัคตาร์ มะมิง คือหนึ่งใน บทเรียน ที่ทุกฝ่ายควรได้ศึกษาเรียนรู้ และสำเหนียกถึงพิษภัยของ สงคราม ว่าไม่ว่าจะเป็นสงครามประเภทใด? เกิดจากน้ำมือใคร? ล้วนแต่จักสร้าง บาดแผล แห่งความร้าวรานและสร้างภาพของ ฝันร้าย ผนึกแน่นอยู่ในใจสุดลึกของทุกผู้คน สภาพของ เด็กชายมัคตาร์ มะมิง หลังผ่านการรักษาตัวใหม่ๆ (ภาพก๊อปปี้จากครอบครัวมะมิง) ผู้คนไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจขณะพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล (ภาพก๊อปปี้จากครอบครัวมะมิง) ภาพล่าสุดของ 'มัคตาร์ มะมิง' เมื่อธันวาคม ๒๕๕๓ มัคตาร์ มะมิง และหลานสาว นั่งสนทนากับพ่อและน้าสาว ซึ่งเป็นคนคอยดูแลชีวิตในห้วงทุกข์ สภาพภายในบ้าน 'เจะมะ มะมิง' หัวหน้าครอบครัวที่ต้องรับภาระหนักในการดูแลสมาชิกในครอบครัวทุกคน |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
แสงและเงาที่พรุโต๊ะแดง นราธิวาส | ||
![]() |
||
เพริศไปตามจินตนาการแห่งแสงสีของป่าพรุ |
||
View All ![]() |
เหมือนสายลม | ||
![]() |
||
บทเพลงประกอบหนังสือจิตวิญญาณระหว่างขุนเขา บูโด-สันกาลาคีรี โดยชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ |
||
View All ![]() |
<< | ธันวาคม 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |