วาน นี้ 18 ส.ค.59 ผมนำบทความที่ ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์ วิทยากรจากมูลนิธิยุวสถิรคุณ ในความอุปถัมภ์ของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เคยเขียนเรื่อง ไม่รู้.. ไม่มี.. ไม่สร้าง … ไม่รอด

ซึ่งเป็นบทความที่เขียนผ่านคอลัมน์ Financial Intelligence ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 18 ส.ค.56 หรือเมื่อ 3 ปีที่แล้วมาเผยแพร่ซ้ำ ปรากฏว่าเรื่องดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้อ่านอย่างมาก

โดย เฉพาะเนื้อหาสาระท้ายบทความที่ ดร.อัจฉรา เขียนนั้น คือความจริงที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยในห้วงเวลานั้นคือ ปี 2556 จนถึงเวลานี้คือปี 2559 อย่างยิ่ง โดยเฉพาะการมีหนี้สินของคนไทยในอาชีพต่าง ๆ ดร.อัจฉรา บอกว่า

…สิ่ง ที่สะท้อนออกมาจากตัวเลขหนี้สินครัวเรือนและพฤติกรรมการเรียน การใช้ชีวิต การใช้เงินของคนรุ่นใหม่ เกิดจากสังคมที่นิยมการบริโภคมากขึ้น และนิสัยรักสบาย ขาดระเบียบวินัยของคนไทย สาเหตุที่คนไทยมีปัญหาทางการเงิน ดร.อัจฉราบอกว่า

1.คนไทยส่วนใหญ่ “ไม่รู้” สถานะทางการเงินที่แท้จริงของตัวเอง หรืออาจจะ “ไม่อยากรู้” “ไม่อยากรับรู้” หรือ “ไม่ยอมรับ” ก็เป็นได้

2.คนไทยส่วนใหญ่ “ไม่มี” เป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน จึงใช้จ่ายเงินอย่างไม่มีเหตุผล

3.คนไทยส่วนใหญ่ “ไม่สร้าง” ภูมิคุ้มกันทางการเงินให้ตัวเองอย่างจริงจัง

ดร.อัจฉราเปรียบเทียบพฤติกรรมของนักศึกษาไทยกับประเทศบ้านใกล้ที่ท่านสอนแล้ว ท่านยอมรับว่า “ยิ่งน่ากังวล เพราะยิ่งประจักษ์ชัดถึงความแตกต่างในหลายด้านของนักศึกษาซึ่งเป็นผลผลิตของ ระบบการศึกษาในแต่ละประเทศ…”

ดร.อัจฉราบอกว่า ในฐานะที่อยู่ในแวดวงการศึกษามาตลอดชีวิต คิดว่าระบบการศึกษาไทยมีปัญหาอย่างมาก ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ยังขาดทักษะชีวิต (Life skill) หลายด้าน โดยเฉพาะด้านการจัดการทางการเงิน

เด็กๆ โดยเฉพาะนักศึกษาขาดเป้าหมายในการใช้ชีวิต ขาดความมุ่งมั่น ขาดระเบียบวินัย แถมยังใช้เงินเก่ง ไม่เคยวางแผนการเงิน…. แต่อยากรวย อยากมีเงินมีทองเยอะๆ อยากมีอาชีพอิสระ ไม่อยากทำงานหนัก อยากใช้ชีวิตสบายๆ

ตัว เลขหนี้สินภาคครัวเรือนคงจะลดลงได้ยาก และจะกลายเป็นปัญหาที่น่าหนักใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตัวเลขหนี้สินจะเพิ่มขึ้นจากลูกหนี้ที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ

น่าเสียดายที่ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอน ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างให้คนไทยได้เห็นมาโดยตลอด

กลับ ไม่ได้รับความสนใจจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่จะสนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดการน้อมนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อการเติบโตของประเทศอย่างมั่นคง เพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน” นั้น

ผม เห็นด้วยกับบทความนั้นครับ ยิ่งมีโอกาสได้ฟังคำบรรยายเรื่องการวางแผนทางการเงินและเคล็ด(ไม่)ลับเศรษฐี พอเพียง ของท่านในโครงการฝึกอบรมผู้นำแห่งยุคเพื่อความสุขที่ยั่งยืน ของ มูลนิธิบุคคลพอเพียง ซ้ำถึง 4 ครั้งด้วยแล้ว

ทำ ให้ผมคิดว่า หากองค์กรใดที่จะบรรจุข้าราชการ หรือรับพนักงานใหม่เข้าไปทำงาน จะเชิญ ดร.อัจฉรา ไปแนะแนวการวางแผนทางการเงินเหมือนที่ ดร.อัจฉรา บรรยายให้ผู้เข้ารับอบรมในหลักสูตรผู้นำฯ ได้รับฟังคงจะมีประโยชน์อย่างมาก

อย่างน้อยที่สุดเยาวชนคนรุ่นใหม่เหล่านั้น ที่เพิ่ง “จะมีรายได้” เป็นครั้งแรกในชีวิต จะได้ “ฉุกคิด” และ “รู้ว่า” ตัวเองควรจะใช้จ่ายเงินที่เป็น “น้ำพัก-น้ำแรง” อย่างไร เพื่อให้ชีวิตรอดในสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่พลิกผันในขณะนี้

ฟัง ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์ บรรยายแล้ว นึกถึงสมัยเรียนหลักวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ที่อาจารย์ระเด่น ทักษณา (คุณอาผม)สอนขึ้นมาทันที ผมยังจำได้อาจารย์ระเด่น ทักษณา ถามนักศึกษาในห้องว่า “เงินหาง่าย แต่ใช้ยากจริงไหม”

…น่าเสียดายที่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว (ปี 2519) ผมไม่พยายามทำความเข้าใจกับคำสอนของอาจารย์ระเด่น ทักษณา ทำให้ช่วงหนึ่งของชีวิตผมตกลงไปใน “บ่อหนี้” อยู่นาน …กว่าจะตะกายขึ้นมาจากบ่อหนี้พ้น ก็เลือดตาแทบกระเด็น

เมื่อ มีโอกาสได้ยิน ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์ บรรยายเรื่องการวางแผนทางการเงินให้ฟังแล้ว ผมจึงอยากให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้ฟัง เพื่อที่จะได้ไม่ “ตกลงไปในบ่อหนี้” เหมือนที่ผมเคยประสบมาแล้วครับ !