มิตรภาพต่างวัยบนเส้นทางสายขอนแก่น หลวงพระบาง (๖) อรุณรุ่งวันใหม่มาเยือน หลายคนบอกว่านอนหลับสบายดี ราตรีอันแสนอบอุ่นของหลวงพระบางขับกล่อมให้หลายคนนอนหลับสบาย ๆ ตื่นขึ้นมารับอรุณวันใหม่ด้วยใจเบิกบาน เตรียมใจรับสัมผัสแรกแห่งรุ่งอรุณของหลวงพระบาง ผู้ที่รับอรุณก่อนใครเห็นจะเป็น ฮอยล้อ นักเขียนหนุ่มจากหนองบัวลำภู สะพานกล้องเดินย่ำหลวงพระบางในตอนเช้า จากโรงแรมที่พักไปถึงหน้าวัดพระธาตุพูสีอย่างสบาย ๆ อาศัยว่าเคยปั่นจักรยานออกกำลังกายรอบเมืองบ่อย ๆ เลยถือโอกาสทักทายบรรยากาศของหลวงพระบางในตอนเช้า ๆ ก่อนใคร สบายดียามเช้าหลวงพระบางที่พระธาตุหมากโม อรุณรุ่งแห่งยามเช้าปลุกเมืองแห่งวัฒนธรรมให้ตื่นจากการหลับไหลแห่งราตรีกาลต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรไมตรี ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่งแต้มสีสันให้เมืองน่าอยู่ยิ่งขึ้น หลังรับประทานอาหารเช้าคณะเรามารวมกันอยู่ที่บริเวณล็อบบี้หน้าโรงแรม คณะบางส่วนเริ่มทยอยลงมารออยู่หน้าโรงแรมที่พักด้วยในวันนี้เราจะมีโปรแกรมไปท่องเที่ยววัดสำคัญและหอพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง ซึ่งถือเป็นสถานที่สำคัญคือวังของเจ้ามหาชีวิตของลาวในอดีต อุ่นเครื่องรับอรุณยามเช้าแห่งหลวงพระบาง คุณตีบ ไกด์สาวกับลูกทัวร์จากอุบลราชธานี หน้าตาคุ้น ๆ ทีมจากอุบลราชธานี, ขอนแก่น, มุกดาหาร, หนองบัวลำภู โปรแกรมแรกนั้นพวกเราจะไปที่วัดวิชุนราชซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พักของเรามากนัก ก่อนออกเดินทางพวกเราถูกแบ่งออกเป็น 6 ชุด ๆ ละ 8 คน จากนั้นจึงขึ้นรถจัมโบ้ไปยังวัดวิชุนราช ก่อนออกเดินทางคุณตีบไกด์สาวย้ำแล้วย้ำอีกว่าขอให้จำสมาชิกประจำรถแต่ละคันให้ได้ เพื่อจะได้ย้ำเตือนความจำกันเหมือนกับคณะลูกเสือเมื่อจะเดินทางไกลที่จะต้องจำสมาชิกในหมู่ของตนให้ได้ทุกคน สมาชิกในกลุ่มของผมนั้นมีท่านไพฑูรย์ ธัญญาและอาจารย์ลาวัลย์ จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สมาชิกจากอุดรธานี และคุณครูวิสัย สมประสงค์ เพื่อนครูจากมุกดาหารที่เดินทางมาด้วยกัน การเดินทางตามตรอกซอกซอยแห่งหลวงพระบางไม่เป็นอุปสรรคต่อการเยี่ยมชมความงดงามแห่งวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวที่มาเยือนต่างมีวิถีแห่งการท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน อาจเป็นรถรับจ้างที่หาได้ทั่วไปในราคามิตรภาพ หรือใช้บริการสองขาย่ำไปตามใจปรารถนาโดยไม่คำนึงเรื่องโมงยามของเวลา ชาวหลวงพระบางส่วนใหญ่นั้นยังคงนิยมใช้ รถถีบ หรือรถจักรยานเป็นหลักในการสัญจรไปมาในตัวเมือง มีส่วนน้อยที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว จึงทำให้พื้นที่การจราจรบนท้องถนนไม่เร่งรีบมากนัก รถถีบพาหนะสำคัญในการเดินทางภายในเมืองหลวงพระบาง โฉมหน้ารถจัมโบ้ เดินทางไปทุกที่ยินดีรับใช้บริการ ก่อนออกเดินทางจากหน้าโรงแรม พวกเราผ่านย่านสี่แยกกลางเมืองจุดศูนย์กลางและจุดนัดหมายสำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ที่มาเยือนหลวงพระบาง เลยสี่แยกกลางเมืองไปเล็กน้อยจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมพูสีโรงแรมเก่าแก่ที่เป็นสัญลักษณ์ของหลวงพระบาง ผ่านย่านตลาดเช้ามีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยอย่างหนาแน่น สองข้างทางมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ขาดไม่ได้คือขนมปังก้อนโต ๆ ทานตอนเช้าอิ่มถึงตอนบ่ายเลยทีเดียว เสบียงของชาวหลวงพระบางอยู่ที่ตลาดเช้านี้แหละครับ รถจัมโบ้พาเรามาถึงหน้าวัดวิชุนราช ซึ่งเป็นย่านที่พักที่ปรับปรุงจากตึกแถวและเรือนไม้แบบเก่า ให้มีรูปโฉมใหม่แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของหลวงพระบางไว้เป็นอย่างดี บ้านพักแต่ละหลังจะมีชื่อทั้งแบบลาวทั่วไปเหมือนหนึ่งสาวสมัยใหม่แต่งองค์ทรงเครื่องภายใต้กลิ่นอายของความเป็นพื้นถิ่น บริเวณชั้นล่างของบ้านพักบางหลังก็จะดัดแปลงเป็นร้านอาหารสำหรับบริการนักท่องเที่ยวที่มีการออกแบตกแต่งบรรยากาศภายในร้านในบรรยากาศพื้นถิ่นไว้เป็นอย่างดี รถรับจ้างบริเวณหน้าวัดวิชุนราช จากถนนหน้าวัดวิชุนราชมองเห็นยอดพระธาตุพูสีเหลืองอร่าม ย่านบ้านพักหน้าวัดวิชุนราชไว้บริการนักท่องที่ยวจากต่างถิ่น ทางเดินเรียบง่ายภายในหลวงพระบาง ถึงบริเวณหน้าวัดวิชุนราชพวกเราเดินผ่านซุ้มประตูโขงรูปทรงแปลกตาจากซุ้มประตูโขงที่เคยเห็นโดยทั่วไป โดยมีลักษณะรูปทรงการก่อสร้างแบบศิลปะอินเดีย ซึ่งมีให้เห็นไม่มากนักในหลวงพระบาง พวกเราเป็นคณะแรก ๆ ที่มาเยือนวัดวิชุนราชในยามเช้านี้จึงทำให้นักท่องเที่ยวไม่มากนัก เมื่อเข้าไปในบริเวณวัดจะมองเห็นพระธาตุรูปทรงแปลกตาตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือ พระธาตุดังกล่าวก่อสร้างด้วยปูน แตกต่างจากเจดีย์โดยทั่วไปในหลวงพระบาง มีลักษณะคล้ายกับแตงโมผ่าครึ่ง จึงทำให้ชาวลาวเรียกว่า พระธาตุหมากโม หรือแตงโมบ้านเรานั่นเอง ประตูโขง เข้าสู่วัดวิชุนราช พระธาตุหมากโมรูปทรงคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง ถ่ายภาพหมู่ไว้เป็นที่ระลึก พระธาตุหมากโมชาวลาวเรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า พระเจดีย์พระปทุม หรือพระธาตุดอกบัวใหญ่ ซึ่งตามตำนานกล่าวไว้ว่าก่อสร้างโดยพระนางพันถิ่นเขียวอัครมเหสีของเจ้าชีวิตวิชุนราชได้ก่อสร้างไว้เมื่อปี 2057 ภายหลังจึงได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์หลายครั้ง โดยเหตุการณ์ครั้งสำคัญในปี พ.ศ. 2430 ได้เกิดศึกฮ่อเข้ามาปล้นเมืองหลวงพระบาง ทำให้พระธาตุหมากโมได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2438 เมื่อครั้งพระเจ้าสักรินทร์ (คำสุก) พระราชบิดาของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ขึ้นครองราชย์สมบัติ นับแต่นั้นเป็นต้นมาจึงทำให้พระธาตุหมากโมเป็นที่เคารพสักการะจากชาวหลวงพระบางเรื่อยมา แต่เหตุการณ์ครั้งสำคัญเมื่อพระธาตุหมากโมได้พังทลายลงมาในปี พ.ศ. 2447 ทำให้เกิดความเสียหายยังความโศรกเศ้ราของชาวหลวงพระบาง ซึ่งการพังทลายในครั้งนั้นทำให้มีการค้นพบพระพุทธรูปทองคำ และวัสดุมีค่าภายในพระธาตุเป็นจำนวนมาก บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองทางพุทธศาสนาในอดีต ภายหลังเจ้าศรีสว่างวงศ์จึงได้มีการบูรณะพระธาตุหมากโมขึ้นใหม่ภายใต้การออกแบบก่อสร้างโดยนายช่างชาวฝรั่งเศส ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้พระธาตุหมากโมมีรูปทรงแตกต่างไปจากเจดีย์โดยทั่วไปในหลวงพระบาง จึงนับเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเจดีย์เมื่อมองจากด้านนอกของวัด วัดวิชุนราช : หอพิพิธภัณฑ์ประจำเมืองหลวงพระบางในอดีต ถัดจากบริเวณที่ตั้งของพระธาตุหมากโมจะมีลานกว้างเชื่อมโยงกับพระอุโบสถหรือที่ชาวลาวเรียกว่า สิม เหมือนกับที่ชาวอีสานเรียกกันโดยทั่วไป ลักษณะของสิมวัดวิชุนราชนั้นจะเป็นรูปทรงแบบเชียงขวางมีลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังคาสูง ก่อสร้างด้วยอิฐสิม มีความแตกต่างจากสิมที่มีอยู่ทั่วไปในหลวงพระบางนั่นคือไม่มีการแกะสลักลวดลายหรือพอกคำ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะการก่อสร้างแบบไทลื้อกับศิลปะแบบเชียงขวาง โดยสังเกตได้จากการแกะสลักลวดลายเป็นรูปพระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม และพระอินทร์ภายในสิม ภายในสิมจะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่เป็นที่เคารพสักการะของนักท่องเที่ยววัดวิชุนราช นอกจากนั้นยังมีพระพุทธรูปแกะสลักจากไม้และการหล่อด้วยโลหะตั้งอยู่ภายใน กล่าวได้ว่าวัดวิชุนราชในอดีตนั้นเป็นที่รวบรวมพระพุทธรูปและวัตถุมีค่าจากวัดต่าง ๆ ภายในเมืองหลวงพระบางมารวมกันเพื่อจัดตั้งเป็นหอพิพิธภัณฑ์ประจำเมืองหลวงพระบางก่อนที่จะย้ายไปจัดแสดงรวมกันที่หอพิพิธภัณฑ์พระราชวังเก่าบริเวณทางขึ้นพระธาตุพูสีในปัจจุบัน แต่ก็ยังคงเหลือไว้บางส่วนเพื่อเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองโดยทั่วไป พระพุทธรูปแกะสลักจากไม้ภายในอุโบสถ หรือ "สิม" วัดวิชุนราช พระประธานในวัดวิชุนราช วัดวิชุนราชนั้นได้รับการบูรณะหลายครั้ง ทั้งการบูรณะตามสภาพการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา และการบูรณะการจาการถูกเผาทำลาย โดยการบูรณะครั้งสำคัญเมื่อทัพจีนฮ่อได้บุกเข้ามาปล้นเมืองหลวงพระบาง ทำให้มีการเผาทำลายบ้านเมืองและวัดวาอารามภายในตัวเมืองรวมทั้งวัดวิชุนราชด้วย ภายหลังจึงได้มีการบูรณะครั้งสำคัญเมื่อปี พ.ศ. 2457 ในรัชสมัยพระเจ้าสักกะริน ออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างโดยนายช่างชาวฝรั่งเศสชื่อ อองรี่ มาร์แซล ซึ่งเป็นผู้เคยบูรณะนครวัดที่กัมพูชามาก่อน จึงทำให้การออกแบบก่อสร้างของสิมวัดวิชุนราช แตกต่างจากลักษณะของโบสถ์ทั่วไปในหลวงพระบาง จุดเชื่อมโยงระหว่างพระธาตุหมากโมกับสิมวัดวิชุนราชนั้นจะมีลานกว้างสำหรับเที่ยวชม และถือเป็นจุดถ่ายภาพเป็นที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนซึ่งสามารถเลือกฉากหลังเป็นพระธาตุหมากโมและสิมวัดวิชุนราช นอกจากนั้นบริเวณหน้าสิมวัดก็จะมีร้านจำหน่ายสินค้าระลึก เครื่องเงิน ภาพโปสการ์ด ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเลือกซื้อไว้เป็นที่ระลึกและเป็นของฝากสำหรับผู้รักใคร่ชอบพอ ในราคาไม่แพงมากนัก ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกภายในวัด แต่สิ่งที่นักท่องเที่ยวจากต่างแดนยังที่ไม่คุ้นเท่าไหร่สำหรับการจับจ่ายก็คือระบบการแลกซื้อเงินตราของลาวอาจมีราคาสูง แต่เมื่อเทียบกับราคาเงินไทยแล้วราคายังพอสู้ไหว หรือสามารถจับจ่ายได้ในราคาที่ต่อรองกันได้ วัดวิชุนราช : แดนแห่งความปรองดอง มาเที่ยววัดวิชุนราชผมใคร่กล่าวถึงประวัติการก่อสร้างของวัดพอสังเขปได้ดังนี้ครับ สำหรับวัดแห่งนี้ก่อสร้างโดยพระเจ้าวิชุนราช เมื่อปี พ.ศ. 2046 ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบางซึ่งอัญเชิญมาจากวัดมโนรมย์ อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สำคัญ เช่น เมื่อครั้งที่พระเจ้าโพธิสารอมรินทราธิราช ทรงแต่งราชฑูตไปขออัญเชิญพระแซก คำจากเมืองเกษเกล้ามาประดิษฐ์คู่กับพระบางในปี พ.ศ. 2066 นอกจากนั้นทางเมืองเชียงใหม่ยังได้แต่งให้พระเทพมงคลเถระเป็นผู้นำมาพร้อมด้วยพระไตรปิฏก 60 คัมภีร์มาไว้ในวัด และเป็นวัดที่พระเจ้าโพธิสารราชเป็นที่พำนักเมื่อครั้งพระองค์ทรงผนวชเมื่อปี พ.ศ. 2068 เช่นเดียวกับเหตุการณ์ครั้งสำคัญในปี พ.ศ. 2091 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้อัญเชิญพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) กับพระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย (พระแก้วขาว) จากเมืองเชียงใหม่มาประดิษฐานพร้อมกันที่วัดวิชุนราช เหตุการณ์ครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในวัดวิชุนราชก้คือเป็นสถานที่กระทำสัตย์วาจาระหว่างเจ้าองค์นกและเจ้าอินทรโสมในการเจรจายุติศึกสงครามเพื่อแย่งชิงเมืองหลวงพระบาง โดยในครั้งนั้นเจ้าอินทรโสมได้รวบรวมพลจากเมืองแพร เมืองเลา เมืองพง มาตั้งอยู่ที่เมืองงอย ปากลำน้ำอูเพื่อแย่งเมืองหลวงพระบาง ต่อมาเมื่อเจ้าองค์นกได้ทราบความจึงได้มีการถวายสัตย์วาจาสงบศึกภายในโบสถ์วัดวิชุนราช ทำให้สงครามในครั้งนั้นจึงยุติลง จึงนับได้ว่าวัดวิชุนราชนั้นเป็นดินแดนแห่งความสงบสุขและปรองดอง จึงเห็นได้ว่าพุทธศาสนามีส่วนสำคัญในการสร้างความปรองดองและสันติสุขมาตั้งแต่ครั้งอดีตมาจนถึงปัจจุบัน การได้มาเยือนดินแดนที่ยังคงอยู่แห่งพุทธศาสนาทำให้ชาวพุทธอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นั้นได้อุ่นใจ แม้ว่าในบางครั้งอาจเหินห่างจากวัดวาอารามไปบ้างเนื่องด้วยภารกิจหน้าที่การงาน แต่การที่ได้มาท่องเที่ยวสถานที่สำคัญซึ่งมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและเป็นวัดที่เจ้าฟ้าพระมหากษัตริย์เป็นผู้ก่อสร้างขึ้น จึงนับได้เป็นบุญและศรัทธาที่ได้มาเยือนและเคารพสักการะ ขอพระจงคุ้มครองคณะเราในการเดินทางมาท่องเที่ยวหลวงพระบางในครั้งนี้ด้วยสวัสดิภาพครับ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
ศิลปะ : ดนตรี : เพื่อชีวิต | ||
![]() |
||
เส้นทางสายศิลปะ ดนตรี เพื่อชีวิต ที่เห็นและเป็นอยู่ |
||
View All ![]() |
<< | กุมภาพันธ์ 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 |