ฉันเป็นทั้งคนฝรั่งเศสและคนไทย พ่อของฉันเป็นคนไทยที่มาแต่งงานกับแม่ซึ่งเป็นคนฝรั่งเศส ขณะที่ไปเรียนหนังสืออยู่ที่นั่น พอพ่อเรียนจบก็ทิ้งฉันไว้กับแม่ตั้งแต่ฉันอายุ 3 ขวบ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในช่วงรัฐบาลจอมพล ป. (พ.ศ. 2493) พอดี แม่เลี้ยงดูฉันด้วยการเปิดร้านอาหารเล็กๆ ในซอยเชื่อมออกมาสู่ย่านธุรกิจ ลา เดฟ็องส์ เราจึงพอมีพอกินไม่ต้องพึ่งพาใคร ตอนฉันอายุ 10 ขวบ พ่อมารับฉันกลับเมืองไทย (พ.ศ. 2500) ในช่วงปลายของรัฐบาลจอมพล ป. ส่วนร้านอาหารให้น้าผู้หญิงกับเพื่อนชาวฝรั่งเศสเชื้อชาติแอลจีเรียมาช่วยดูแลแทน ที่เมืองไทย พ่อทำงานหลายอย่างด้านเศรษฐกิจ (บอกไม่ได้เดี๋ยวรู้ชื่อ) ให้รัฐบาล ฉันอยู่กับพ่อได้ 7 ปี พ่อก็ตายไปง่ายๆ เสียอย่างนั้น ตายแบบไม่มีวี่แวว ฉันเลยกลับไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส ตอนนั้นฉันเข้าวัยรุ่นพอดี (พ.ศ. 2507) ฉันปรับปรุงร้านอาหารใหม่จากเงินสะสมที่พ่อเก็บไว้ให้ฉัน ซึ่งก็มากพอดู แต่ก็น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับงานที่พอทำ ฉันกำลังอยู่ในวัยขบเผาะ หนุ่มๆ มาจีบกันจนขายอาหารแทบไม่ทัน ฉันเสียเวลาไปเกือบ 2 ปีเพื่อสอบให้ผ่าน “เลอ บัค” (ประกาศนียในการจบมัธยมปลาย) จึงเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงติดอันดับหนึ่งในสามของฝรั่งเศสทีเดียว ไม่ใช่มหาวิทยาลัยห้องแถวแบบที่นักการเมืองไทยคนหนึ่งจบออกมา ฮ่าๆ ฉันพาอาช้อย แม่ครัวที่บ้านในกรุงเทพฯ มาอยู่ด้วย อาช้อยได้ทำสเต็กแบบฝรั่งเศสให้มีรสชาติปนไทยอย่างเหมาะเจาะ ร้านเราจึงมีแต่รุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย ดังนั้นแม้ราคาจะแพงหน่อยแต่ก็ยังมีลูกค้ามากอยู่ ประชาธิปไตยที่ดีต้องสอดคล้องกับประเพณีและวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ และปกป้องประชาชนให้พ้นจากการทุจริตของนักการเมืองและข้าราชการ (ในโรงเรียนมัธยมของฝรั่งเศสสอนกันไว้อย่างนั้น) ฉันเข้ามหาวิทยาลัยไปสมัครอยู่ชมรมผู้หญิง เพราะจะได้มีเวลาดูแลร้านอาหารบ้าง ตอนเข้าไปประชุมชมรมครั้งแรก เขาให้เล่าประสบการณ์ทางเพศครั้งแรก ทุกคนต่างเล่ากันหมด ฉันก็เลยต้องมีมั่ง ประธานชมรมบอกว่าพวกเรามีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชาย เขาได้เรา เราได้เขาเหมือนกัน (ปัจจุบันเมืองไทยเพิ่งจะมาถึงยุคนี้) ช่วงเวลาที่ฉันเรียนอยู่ปี 3 เกิดการชุมนุมใหญ่ของฝรั่งเศส ที่รู้จักกันว่า “เหตุการณ์ May 68” หรือ “Paris Spring 1968” ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ระบบเศรษฐกิจและสังคมของฝรั่งเศสเติบโตอย่างเต็มที่ภายใต้การนำของประธานาธิบดีชาร์ล เดอ โกล หลังจากที่แกเลิกราไปนานแล้วในฐานะวีรบุรุษและนายกรัฐมนตรีที่มาจากทหารและประสบความสำเร็จสูงสุด กระแสเรียกร้องของประชาชนมีมากขึ้นแกก็เลยกลับมาเล่นการเมืองอีก ประธานาธิบดีเดอ โกล แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประชาชนเลือกประธานาธิบดีโดยตรง แล้วประธานาธิบดีไปเลือกและแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีต่อ อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ประธานาธิบดีเพราะถือว่าประชาชนเลือกมาโดยตรง (สหรัฐฯ ยังเป็นการเลือกประธานาธิบดีทางอ้อม) เหตุการณ์ May 68 เกิดขึ้นเพราะประธานาธิบดีเดอ โกลมุ่งพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างจริงจังจากฐานคนงานฝรั่งเศสที่เคยไปทำงานให้เยอรมนีนับแสนๆ คน เศรษฐกิจและความเจริญเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่นักศึกษาและกรรมกรกลับไม่ได้รับความสนใจจากประธานาธิบดีเดอ โกลมากนัก ตามประสา ทหาร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นักศึกษาออกมานำการเคลื่อนไหวก่อน มายึดหอประชุมมหาวิทยาลัยของฉันเป็นฐานเลย เล่าย่อๆ นะ ต่อมานักศึกษาจัดการเดินขบวนประท้วงร่วมกับสหภาพแรงงานและพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย การประท้วงขยายตัวออกไปเรื่อยๆ นักศึกษายึดมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ส่วนคนงานก็นัดหยุดงานและยึดโรงงาน การคมนาคมเป็นอัมพาตติดต่อกันเกือบ 3 สัปดาห์ ข้าราชการและตำรวจเริ่มเข้าร่วมการประท้วง จากคนนับหมื่นกลายเป็นแสน และหลายแสนคน ถนนหนทางเต็มไปด้วยรอยพ่นสีและภาพโปสเตอร์ต่อต้านประธานาธิบดีเดอ โกล เหตุการณ์กำลังบานปลาย ยังไม่มีใครชนะใครแพ้ แต่คนที่แพ้แน่ๆ คือฉัน เพราะร้านอาหารมีคนเข้ามากินฟรีแล้วก็จากไปจนร้านต้องปิดในที่สุด ฉันได้เข้าร่วมชุมนุมและเสียตัวครั้งแรกให้แกนนำนักศึกษารูปหล่อคนหนึ่งอย่างเต็มใจ แล้วเขาก็ทิ้งฉันไป หลังจากนั้นฉันได้รับมอบจากศูนย์กลางให้ไปพาผู้นำสหภาพฝ่ายขวามาเข้าร่วมให้ได้ (ฝ่ายซ้ายเข้าร่วมการประท้วงแล้ว แต่ฝ่ายขวาซึ่งไม่ถูกกับฝ่ายซ้ายยังไม่ได้เข้าร่วมประท้วง) ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จโดยเอาตัวเองเข้าแลกมา การชุมนุมเริ่มสับสนมากขึ้นเพราะไม่มีแกนนำ พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายจึงเข้ามานำ มีการเรียกร้องต่อรัฐบาลสารพัดเรื่อง รัฐบาลก็ยอมเป็นส่วนใหญ่แล้วก็ปราบปรามควบคู่ไปด้วย ประธานาธิบดีเดอ โกล ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหานี้โดยให้ประชาชนลงประชามติ ปฏิรูปมหาวิทยาลัย และปรับปรุงระบบเศรษฐกิจ พร้อมกับเสนอให้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ประชาชนก็ยังไม่ยอมยุติการชุมนุม ประธานาธิบดีเดอ โกลจึงออกแถลงการณ์ประกาศให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายน 2511 เรียกร้องให้ทุกคนกลับไปทำงานตามปกติ โดยแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจน 2 กรณี คือ (1) จะใช้แนวทางการต่อสู้แบบพลเรือน หมายถึงการไม่ใช้กำลังทหารเข้ามาแก้ไขปัญหา เป็นการมอบอำนาจคืนมาให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินโดยใช้วิธีเลือกตั้ง และ (2) หากใครต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอย่างไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ก็จะใช้อำนาจรัฐเข้าต่อสู้ในรูปของสงครามกลางเมืองทันที กรณีนี้เองได้ทำให้กลุ่มประชาชนฝ่ายขวาที่สนับสนุนประธานาธิบดีเดอ โกล จำนวนมาก ซึ่งต้องการมีชีวิตอยู่อย่างสงบในลักษณะของ “กลุ่มพลังเงียบ” ต้องออกมาสนับสนุนรัฐบาล แกนนำนักศึกษาก็ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยทั้งหล่อและเท่ แต่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเดอ โกลชนะไปอย่างสบายๆ ฉันลาจากแกนนำม็อบต่างๆ ก่อนที่จะท้องไม่มีพ่อ กลับไปเรียนหนังสืออย่างเป็นเรื่องเป็นราวจนจบการศึกษา ฉันเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า “กูก็เป็นคนไทยนี่หว่า” หลังจากอ่านหนังสือ Lettres du Siam หรือ จดหมายจากสยาม ซึ่งชาวฝรั่งเศสที่มาอยู่เมืองไทยเป็นคนเขียนขึ้น เมื่อปี 2550 อย่างเงียบๆ เปิดร้านอาหารฝรั่งเศสในย่านสุขุมวิท เอาหลานและชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรียอีกคนมาช่วยดูแลกิจการ แล้วก็แบ่งกำไรกัน ฉันเอา 30% ที่เหลืออีก 70% ให้ทั้งคู่ไปแบ่งกันเอาเอง รวมถึงค่าจ้างพนักงานด้วย วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉันกลับมาอยู่เมืองไทยได้ 14 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอายุ 70 กว่า นั่งดูข่าวเหตุการณ์ม็อบในไทยตอนนี้แล้วพาลให้นึกถึงเหตุการณ์ “Paris Spring 1968” ซึ่งตรงกันหลายอย่าง โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มุ่งจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจมากมาย ซึ่งดีต่อประเทศแน่นอน 100% แต่ก็ต้องหันมาดูทั้งประชาชนชั้นกลางและประชาชนชายขอบบ้าง ตัวฉันเองรู้สึกเฉยๆ กับม็อบ 3 กีบ เพราะจากที่ฉันเคยเจอมาสมัยเดือนพฤษภาคม 2511 นั้น ขนาดคนงานทั้งประเทศและตำรวจบางส่วนหยุดงาน ก็ยังแพ้ต่อ “พลังเงียบ” ยับเยิน ดังนั้นเราก็อย่าไปคิดอะไรมากเลย เดี๋ยวม็อบก็จบ ไม่นานนักหรอก ประสบการณ์ได้บอกฉันว่าทั้งผู้ชุมนุมและรัฐบาลไทยควรศึกษาเหตุการณ์ “Paris Spring 1968” มาประกอบการตัดสินใจ โดยเฉพาะพวกม็อบ ซึ่งทำอย่างไรก็ไม่สามารถจะชนะรัฐบาลได้ ยิ่งจะทำให้รัฐบาลอยู่ยงคงกระพันมากขึ้นตามลำดับ
La Mer ขอเป็นภาษาอังกฤษนะคะ (Beyond The Sea) |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | มีนาคม 2021 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 |