ถ้าลองย้อนนึกถึง Blog เก่า ๆ ที่ผมเขียนจะเห็นว่าหลาย ๆ ครั้งผมมักจะหยิบยกเรื่องของพรีเซ็นเตอร์มาพูดคุย ซึ่งปัจจุบันต้องยอมรับอย่างนึงว่า พรีเซ็นเตอร์ของสินค้านั้นกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดชิ้นสำคัญไปเสียแล้ว สมัยก่อนดารา หรือนักร้อยที่หยิบยกเอามาใช้ในวงการโฆษณาแค่สร้างเพียง Awareness ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่ถ้าเป็นปัจจุบันผมคิดว่านักการตลาดต้องปรับมุมมองใหม่เกี่ยวกับพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งโจทย์สำคัญที่นักการตลาดต้องแก้ให้ได้คือ พรีเซ็นเตอร์คนนี้ให้อะไรกับแบรนด์ของเรา วันนี้ผมมีตัวอย่างโฆษณาชิ้นนึงที่ใช้ประโยชน์จากพรีเซ็นเตอร์ได้อย่างคุ้มค่า และเป็นกรณีที่น่าศึกษาอย่างมากสำหรับนักการตลาด โฆษณาชิ้นนี้คือ M-150 ชุด อดีตสจ๊วต ที่มา:www.adintrend.com ใครก็ตามที่ติดตามพัฒนาการของโฆษณาสินค้าของ M-150 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาน่าจะพบกับลักษณะของ Theme โฆษณาที่เล่นกับความรู้สึก หรือ Emotional Benefit แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาที่ใช้ พี่เสก โลโซ มาเป็นตัวสื่อให้เห็นถึงความพยายามที่จะเอาชนะอุปสรรค หรือ ปั๊ป โปเตโต้ ที่เป็นตัวสื่อให้เห็นถึงการลุยกับปัญหา จนกระทั้งมาเล่นถึงเรื่องของการที่มีชีวิตที่ยึดติดอยู่ในกรอบ ซึ่งครั้งนั้นเป็นเรื่องของชีวิตของมนุษย์เงินเดือนทั่ว ๆ ไปที่ทำเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กันตลอดเวลา ตัวของโฆษณาได้พยายามบอกว่า ต้องค้นหาชีวิตในทิศทางของเราเองโดยอย่าไปยิดติดกับกรอบใด ๆ โดยจะเห็นได้ว่าช่วงสุดท้ายของโฆษณาจะเห็นผู้คนพากันทำลายกรอบของตัวเองแล้วก็ทำตามวิถีชีวิตที่ตัวเองต้องการ ที่มา:www.adintrend.com สิ่งที่ผมเล่ามาข้างต้นคือการสร้างแบรนด์ภายใต้ Theme ของ M-150 ในช่วงที่ผ่านมา ครั้งนี้แม้ว่าจะทาง M-150 ยังคงหยิบยกเรื่องของการใช้ชีวิตนอกกรอบมาเล่นเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เหนือกว่านั้นคือ การสะท้อนภาพอดีตชีวิตของพรีเซ็นเตอร์ของตัวเอง และพรีเซ็นเตอร์ที่ผมกำลังจะพูดถึงก็คือ คุณ อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี๊สแลม เรื่องความโด่งดังในวงการดนตรีคงจะไร้ข้อกังขาสำหรับชื่อเสียงของคน ๆ นี้ แต่สิ่งที่ แบรนด์ M-150 ได้ประโยชน์เหนือกว่านั้นกลับไม่ใช่ความดังของตูนแต่อย่างใด แต่กลับเป็นภาพอดีตของเค้านั่นเอง ที่มา:www.adintrend.com ผมไม่แน่ใจว่าเป็นความบังเอิญ หรือความตั้งใจที่ทาง M-150 เลือกตูนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพราะว่าตูนเองก็ค่อนข้างผูกขาดกับแบรนด์นี้มาหลายปีในช่วงหลัง ๆ แต่ต้องบอกว่า ตูนทำหน้าที่ได้คุ้มค่ากับตัวแทนของแบรนด์นี้จริง ๆ ครับ ชีวิตของตูนในอดีตที่เรียนด้านนิติศาสตร์ และมาเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน น่าจะถูกเรียกว่าเป็นชีวิตของคนปกติ แต่ตูนเป็นอีกคนที่เลือกที่จะหันหลังให้กับอาชีพเหล่านั้น และวิ่งไล่ล่าความฝันของตัวเอง ที่มา:www.adintrend.com ชีวิตของตูนนั้นถือได้ว่าเป็นตัวแทนของใครหลาย ๆ คนที่อยู่ในกรอบ และเป็นตัวอย่างของคนที่ฉีกตัวเองออกมาจากกรอบเพื่อไล่ล่าความฝัน ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องที่ตรงกับสิ่งที่แบรนด์ M-150 พยายามสื่อให้คนดูเห็นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแบรนด์ M-150 ได้ประโยชน์สูงสุดจากการเอาเรื่องของพรีเซ็นเตอร์คนนี้มาใช้งาน ท่านผู้อ่านที่อ่าน Blog ของผมมาก่อนหน้านี้ คงจะทราบดีว่า ผมให้ความสำคัญกับเรื่องของ Branding อย่างมาก พรีเซ็นเตอรที่จะถูกใช้งานต้องมีบุคลิกที่ไปส่งเสริมแบรนด์นั้น ๆ แบรนด์จะมีชีวิตได้ต้องมีบุคลิกของตัวเอง ซึ่งบุคลิกนั้นก็ต้องถูกสร้างออกมาจากเครื่องมือทางการตลาด เราต้องถามตัวเองว่าทำไมเมื่อนึกภาพของแบรนด์ Happy เรามักจะเห็นภาพของคนขี้เล่นสนุกสนาน หรือ ถ้าเรานึกถึงซุบไก่สกัดแบรนด์ เราจะนึกถึงภาพของคนที่ดูดี มีความสามารถขึ้นมาในทันที ที่มา:www.adintrend.com สิ่งเหล่านี้คือการสร้างบุคลิกของแบรนด์ ที่ต้องใช้เวลาและเครื่องมือทางการตลาดอย่างมากมายมาสนับสนุน แบรนด์ M-150 ก็เช่นกันที่พยายามยกระดับแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา ผมรู้สึกชื่นชมสิ่งที่โฆษณาชิ้นนี้พยายามจะสื่อสารโดยสิ่งที่ผมคิดว่า โฆษณาชิ้นนี้ทำออกมาได้อย่างโดดเด่นที่สุดคือเรื่องของ Communication ที่มา:www.adintrend.com ในเวลาเพียง 30 วินาทีนั้น ไม่ต้องมีคำพูด มีแค่เพลงประกอบและภาพก็สามารถสื่อ Key Message ออกมาได้เป็นอย่างดี และ Key Message นี้เองที่สามารถสะท้อนความเป็นแบนด์ของ M-150 ได้อย่างยอดเยี่ยมครับ Mood&Tone ของแบรนด์ M-150 นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่แล้ว ผมยังอยากเห็น M-150 สร้างแบรนด์ในแนวทางนี้ต่อไป เพราะผมเชื่อว่าอีกไม่นาน ถ้าหลับตาแล้วนึกถึงแบรนด์ M-150 จะต้องมีคนตอบว่า "กำลังนึกถึงคน ๆ หนึ่งที่กำลังใช้ชีวิตตามทางเดินของตัวเอง ไม่ยึดติดตามใคร" ถ้าเป็นแบบนั้นเมื่อไหร่ ก็หมายความว่า แบรนด์ M-150 ได้สร้างบุคลิกของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้วนั่นเองครับ ขอให้มีความสุขในการชมโฆษณานะครับ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | ธันวาคม 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |