สวัสดีครับท่านผู้อ่าน จริง ๆ แล้วสินค้าที่ผมจะมาชวนท่านผู้อ่านคุยในวันนี้ถือได้ว่าเป็นสินค้าที่ผมไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าสินค้าที่ผมนำมาเป็นตัวอย่างในวันนี้น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักการตลาดและนักวางกลยุทธ์ด้านแบรนด์นะครับ โฆษณาที่ผมขออนุญาตหยิบยกมาพูดคุยในวันนี้คือโฆษณาของ ซันซิล ชุด Co-Creation 7 ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม โฆษณาชุดนี้ถูกปล่อยออกมาซักพักแล้วหลังจากที่ซันซิลทำการปฎิบัติการเปลี่ยนรูปโฉมของ Packaging แชมพูของตัวเองใหม่ทั้งหมด โดยช่วงที่เปลี่ยนนั้นก็ได้พรีเซ็นเตอร์อย่าง คุณอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ซึ่งถือว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่อยู่คู่กับซันซิลมานาน นอกจากนั้นยังได้ คุณเวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ มาช่วยสร้างสีสันพอสมควรช่วงที่กำลังจะเปลี่ยนรูปแบบ แน่นอนว่าลักษณะของโจทย์การใช้พรีเซ็นเตอร์ในแต่ละครั้งนั้นย่อมต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้ชายในสินค้าผู้หญิง และ Key Message ที่ซ่อนอยู่ในโฆษณาก็ไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน ถ้าเป็นการสื่อสารโดยปกติ เรามักจะถูกสื่อสารว่าเมื่อใช้สินค้าดังกล่าวน่าจะทำให้ผู้ใช้สวยเหมือนกับดาราที่อยู่ในจอ แต่การใช้ดาราผู้ชายมาเป็นตัวสื่อสารกลับกลายเป็นว่า โฆษณากำลังจะให้ผู้ชมรู้สึกว่าเมื่อใช้สินค้าตัวนี้แล้วผู้ชายในจอจะมาชอบแทน สิ่งที่ผมได้กล่าวมาเป็นเหตุการณ์ในอดีตช่วงที่ซันซิลกำลังจะเปลี่ยนภาพของตัวเอง โดยเราจะสังเกตได้จากรูปแบบของ Mood & Tone ของหนังโฆษณา รูปแบบของ Packaging สินค้าที่แปลกไปอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่แค่การ Rebranding เฉย ๆ อย่างแน่นอนครับเมื่อได้เห็นโฆษณาชุดดังกล่าวที่ผมนำมา Post ไว้ใน Blog นี้ โดยโฆษณานี้พยายามจะบอกว่าซันซิลกำลังจะเปลี่ยนลุคครั้งใหญ่โดยนำเสนอแชมพูที่คิดค้นด้วย 7 ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมจากทั่วโลก มารวมอยู่ใน 7 สูตรของซันซิลนี้ ผมขออนุญาตไม่บรรยายว่า 7 ผู้เชี่ยวชาญนั้นเป็นใครบ้างนะครับ แต่สิ่งที่ผมเชื่อว่าสิ่งที่ซันซิลทำนั้นเป็นกรณีที่น่าศึกษาก็คือ ซันซิลนั้นในอดีตที่ผ่านมาเป็นแบรนด์ที่ไม่ได้ชูประเด็นในเรื่องของคุณภาพของสินค้าเหมือนกับคู่แข่งอย่างเช่น P&G ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่ผู่บริโภคนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ของซันซิลคงไม่ใช่เหตุผลของความเชี่ยวชาญ หรือความชำนาญในเรื่องของเส้นผมอย่างแน่นอน และโฆษณาชิ้นนี้กำลังสร้าง Perception ใหม่แก่ผู้บริโภคครับ โดย Key Message ของโฆษณาชิ้นนี้กำลังจะบอกว่า ต่อไปนี้ซันซิลกำลังจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม และจะชูประเด็นนี้ในการขายแทน ประเด็นที่สองที่โฆษณาชิ้นนี้กำลังทำงานอยู่ก็คือ การจัดระเบียบแบรนด์ ซันซิล ผมขอวิเคราะห์ประเด็นแรกก่อนนะครับ เรื่องของความเชี่ยวชาญนั้น ต้องบอกว่าคงเป็นเรื่องยากที่ซันซิลยกเหตุผลมาเพียงแค่นี้แล้วจะทำให้ผู้บริโภคเชื่อ อย่างสนิทใจ ว่าแบรนด์ซันซิลนั้นดีสำหรับผู้บริโภคจริง ๆ การยกเรื่อง Functional Benefit มาเป็นตัวชูโรงนั้นต้องอาศัยเวลาในการสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภคมากกว่านี้ ดังนั้นโฆษณาชิ้นนี้น่าจะเป็นเพียงการเรียกร้องความสนใจในครั้งแรกของผู้บริโภคมากกว่าที่กำลังจะสร้างความเชื่อใหม่ ๆ แก่ผู้บริโภคได้ครับ ในส่วนของประเด็นที่สอง เรื่องของการจัดระเบียบแบรนด์นั้น ผมขอบอกว่าซันซิลวางกลยุทธ์ได้ถูกต้องที่พยายามจัดระเบียบแบรนด์ของตัวเอง โดยความคิดส่วนตัว (ของผม) ผมคิดว่าซันซิลเป็นตัวอย่างแบรนด์ที่ผมจัดให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สร้างความสับสนมากที่สุด ผมขออภัยจริง ๆ ถ้าความเห็นของผมอาจจะไม่ตรงใจกับท่านผู้อ่าน แต่เรื่องแบบนี้สังเกตได้ง่ายมากครับ ถ้าเราลองยืนที่แผนกเชมพูแล้วลองกวาดสายตาดูแบรนด์ของซันซิล เราจะพบว่ามีแชมพูยี่ห้อนี้อยู่เยอะจริง ๆ ครับ เยอะจนไม่รู้ว่าเราจะหยิบใช้อะไรดี ดังนั้นผมจึงเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ทางซันซิลทำการจัดระเบียบแบรนด์ของตัวเองซะใหม่ให้เหลือเพียงแต่ 7 ชนิด ซึ่งน่าจะเพียงพอในการแบ่งแยก Segmentation ของตัวเอง ระหว่างสองประเด็นที่ผมกล่าวมา โฆษณาชิ้นนี้ตอบโจทย์ที่สองของผมมากกว่าโจทย์แรก เนื่องจากที่ผ่านมาโฆษณาของซันซิลให้ความสำคัญกับการสร้าง Awareness จนเกินไป และให้ความสำคัญกับการใช้ดารามาเป็นตัวชูโรงมากเกินไป จนแบรนด์ของซันซิลนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าถูกละเลยมาตลอด ผมเองแอบลองทายดูเล่น ๆ ว่าปัจจัยที่ผ่านมาที่ทำให้ซันซิลแข็งแกร่งจนมีส่วนแบ่งการตลาดมากว่าคู่แข่งคงไม่น่าจะมาจากการสร้างแบรนด์ แต่น่าจะมาจากการมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งมากกว่า เพราะอย่างที่ผมได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ก็คือ แบรนด์ของซันซิลนั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเป็นระบบเท่าที่ควร นอกจากจะไม่มีใครหันมาสร้างแบรนด์อย่างจริงจังแล้ว แบรนด์ตัวนี้ถูกหล่อหลอมมาจากดาราจนกลายเป็นถูกกลืนไปกับดาราที่ใช้ไปซะแล้ว ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าตัวอย่างที่ผมยกมาพูดคุยในวันนี้นั้นน่าจะเป็นกรณีศึกษาที่ดีแก่นักการตลาดและนักกลยุทธ์ในการบริหารจัดการแบรนด์ของตัวเอง ช่วงที่กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดนั้นหลาย ๆ ครั้งเราให้ความสำคัญกับ New Product มากจนเกินไป หรือให้ความสำคัญกับพรีเซ็นเตอร์มากเกินไป จนลืมไปว่าในระยะยาวแล้วการบริหารแบรนด์นั้นจะต้องมีการจัดการเป็น Brand Portfolio ดังนั้นการออกสินค้าใหม่มามาก ๆ มีโอกาสที่จะสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค รวมถึงตัวเราเองด้วย ผมเองมีความเชื่อว่าหลังจากนี้ซันซิลน่าจะสามารถบริหารแบรนด์ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่สำหรับประเด็นที่ว่า ผู้บริโภคจะเชื่อว่าซันซิลเป็นผู้เชียวชาญเรื่องเส้นผมหรือไม่นั้น ผมคงตอบแทนไม่ได้ครับ ผู้ที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดคงจะเป็นผู้บริโภค (ผู้อ่าน) ทุกท่านนั่นเองครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการดูโฆษณานะครับ โฆษณาที่ผมนำ Link มาใส่ไว้อ้างอิงจาก www.youtube.com ครับ
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | พฤษภาคม 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 |